ถอดรหัส “บุญถาวร” องค์กรที่ไม่ยอมตกยุค

บุญถาวร แบรนด์คู่คนไทยมากว่า 45 ปี แต่ยังดูทันสมัย และเป็นที่นึกถึงของคนที่กำลังมองหาของตกแต่งบ้านตั้งแต่รุ่นคุณปู่ มาถึงรุ่นหลาน โดย คุณสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญถาวรกรุ๊ป จำกัด ทายาทรุ่นสอง ได้มาแบ่งปันแนวคิดในการทำธุรกิจ ที่สามารถพาองค์กรฝ่ากระแสดิสรัปชั่นและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไว้ในโครงการ MissionX The Boot Camp of Advanced Corporate Transformation รุ่นที่ 5

missionx-boonthavorn-01

จากรุ่นสู่รุ่น วันวานถึงวันนี้


บุญถาวรก่อตั้งมารุ่นพ่อของคุณสิทธิศักดิ์ ในปี 2520 ซึ่งเป็นยุคบุกเบิกและวางรากฐานที่ถนนรัชดาภิเษก ต่อมาในปี 2535 ได้ขยายสาขาออกไปสี่มุมเมือง และเริ่มรีเฟรชแบรนด์ช่วงหลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง โดยปี 2552 บุญถาวรเริ่มทรานฟอร์มตัวเองอย่างจริงจัง และในปี 2565 เป็นยุคที่ คุณสิทธิศักดิ์ เรียกว่า New Retail รายได้มาจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยประมาณ 90% มีพื้นที่โชว์รูมกว่า 150,000 ตารางเมตร และพนักงานประมาณ 4,000 คน รวมถึงยังมีบริษัทในเครืออีก 16 บริษัท ที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง บุญถาวร กรุ๊ป ซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น นำเข้า-ส่งออก, ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์, บริหารจัดการงานพื้นที่, รับเหมาก่อสร้าง, บริการอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น


คุณสิทธิศักดิ์มองว่า ปัจจุบันลูกค้ามีกำลังซื้อสูงขึ้น มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เวลาที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าจะมีไอเดียอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องให้คำปรึกษามากนัก บุญถาวรก็ต้องปรับภาพลักษณ์ตัวเองเช่นกัน โดยกลับมาดูว่าองค์กรอยากเป็นอะไร และมองไปที่ลูกค้า ซึ่งพบว่า สังคมไทยมีครอบครัวเล็กลง บางคนไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ บางคนอยู่กับสัตว์เลี้ยงในบ้าน จึงได้จัดกลุ่มลูกค้าขึ้นมาใหม่ เปลี่ยนสโลแกนบุญถาวรจาก Idea Never End ที่ใช้มาสิบห้าปี เป็น Ideas Come Alive และทำแคมเปญ “Live Your Way – อยู่อย่างที่อยาก” ให้ลูกค้าเลือกดีไซน์ชีวิตที่เป็นตัวเอง อยากได้แบบไหน สไตล์ไหน บุญถาวรมีหน้าที่ทำให้ไอเดียของลูกค้ากลายเป็นจริง โดยเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก

ยุคแห่งการทรานฟอร์มตัวเอง


การเริ่มทรานฟอร์มองค์กรอย่างจริงจังของบุญถาวร ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่มองการณ์ไกลมาก ในตอนเริ่มใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม พ่อของคุณสิทธิศักดิ์ก็ให้ทำระบบคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเป็นมาตรฐานเดียวกันทันที ทำให้มีความพร้อมในการเติบโต พนักงานมีความเท่าทันเทคโนโลยี การขยับขยายต่างๆ ในอนาคตก็ง่ายขึ้น ในด้านระบบ IT System Structure ก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท โดยคุณสิทธิศักดิ์ยกให้คุณพ่อเป็นต้นแบบในการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่ค่อยๆ เติมเข้าไปในแต่ละปี เป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ในอนาคต ที่อาจจะเกิดขึ้นกับองค์กรได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันบุญถาวรมีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเองชื่อว่า Oxygen เป็นคอร์เทคโนโลยีที่สามารถนำไปปลั๊กเข้ากับระบบอื่นๆ ได้ และยังมี Green Project ในเรื่องของการใช้ Solar Rooftop และระบบบำบัดน้ำในองค์กรด้วย


นอกจากนี้การขนส่งและคลังสินค้า ก็มีระบบในการบริหารจัดการของตัวเอง เพราะสินค้าของบุญถาวร มีทั้งสินค้าหนัก สินค้าแตกหักง่าย สินค้าที่มีความยาว หรือขนาดใหญ่เป็นพิเศษ จึงต้องดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงมีการนำระบบ Automation เข้ามาใช้ในคลังสินค้า ช่วยลดต้นทุนในการทำงาน มีรถวิ่งทางแคบเข้าไปจัดเก็บสินค้าในพื้นที่สูง และแคบได้สะดวกขึ้น เช่น คลังกระเบื้อง สามารถจับเก็บได้มากกว่าคลังปกติถึงสามเท่าตัว ปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่ง โดยมีศูนย์ใหญ่อยู่ที่รังสิต


ธุรกิจเกี่ยวกับการตกแต่งเปลี่ยนแปลงตลอดตามยุคสมัย ทำให้หยุดนิ่งไม่ได้ เพราะหากตกเทรนด์ นอกจากจะไม่สามารถมัดใจลูกค้าที่เปลี่ยนไปแต่ละเจนได้แล้ว ยังทำให้สินค้าที่มีอยู่ขายไม่ได้ และมีต้นทุนในการสต๊อกสินค้าตามมา เมื่อลูกค้าเปลี่ยน องค์กรต้องเปลี่ยนให้เร็วกว่า และจากที่ได้ฟังคุณสิทธิศักดิ์บอกเล่าถึงสิ่งที่ได้ทำมา ต้องบอกเลยว่าบุญถาวรเป็นองค์กรที่ทรานฟอร์มตัวเองได้ดีมากๆ

คนแก่ได้ ธุรกิจแก่ไม่ได้


ในปี 2562 บุญถาวรเริ่มปรับตัวเองให้เป็นมากกว่าร้านขายวัสดุตกแต่ง ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ลูกค้าใช้เวลาอยู่ที่บุญถาวรนานขึ้น และส่วนใหญ่ไม่ได้มาคนเดียว อาจจะนัดมาเจอกับสถาปนิก ผู้รับเหมา บางคนมากับแฟน หรือคนในครอบครัว ระหว่างเลือกซื้อสินค้าก็พาครอบครัวมานั่งรอด้วย ทำให้เกิดโครงการ Design Village ขึ้น  โดยเริ่มที่พุทธมณฑลเป็นแห่งแรก ภายในพื้นที่จะมีพันธมิตรอย่าง Gourmet Market, Uniqlo, Starbucks รวมถึง JYSK แบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์กมาเปิดให้บริการอยู่ด้วย ข้อดีคือ คนในพื้นที่ไม่ต้องขับไปช้อปปิ้งไกลๆ ถึงในเมือง ดีไซน์เนอร์ สถาปนิก สามารถมานั่งทำงาน ทานข้าว กินกาแฟ และหยิบตัวอย่างสินค้าให้เซลล์นำมาเตรียมไว้ ก่อนจะพาลูกค้ามาเดินชมได้เลย


ในอนาคต บุญถาวรจะทยอยปรับสาขาต่างๆ ให้เป็น Design Village มากขึ้น เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน บางสาขาที่มีพื้นที่มาก ก็จะมีฟิตเนสเซ็นเนอร์ และร้านอาหารเพิ่มเข้ามาเพื่อให้เป็น Decorative Materials & Design Hub + Lifestyle ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า และคนในพื้นที่ มีพื้นที่ให้นั่งทำงาน หรือใช้เป็นสถานที่จัดงานต่างๆ ได้

นอกจากนี้ ยังจับมือกับ SCG ทำธุรกิจรีเทลเพื่อขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเข้าไปช่วยทรานฟอร์มร้าน SCG Home Network ที่เป็นรีเทลในประเทศให้ดูทันสมัยขึ้น และล่าสุดได้เปิด SCG Home Design Village ขึ้นที่สาขาพนมเปญ รูปแบบเหมือนบุญถาวร Design Village ที่ประเทศไทย ทำให้บุญถาวรได้มีประสบการณ์ในการเข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างด้วย โดยสินค้าหลักของบุญถาวรได้แก่กลุ่มวัสดุตกแต่ง กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ห้องน้ำ ห้องครัว เฟอร์นิเจอร์และโคมไฟ  โดยมี Anyhome เป็นรีเทลตัวใหม่ ที่เข้ามาตอบโจทย์คน New Gen มีของใช้ ของเบ็ดเตล็ด เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่ง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์


คุณสิทธิ์ศักดิ์ให้ข้อมูลไว้ว่า แต่ก่อนลูกค้าที่สร้างบ้านหลัก 10 ล้านบาท จะมาบุญถาวรประมาณ 10-15 ครั้ง ปัจจุบันลูกค้าเข้ามาเพียง 3-4 ครั้ง แต่ยอดขายไม่ได้ตกลง เพราะบุญถาวรมีดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เป็น Omni Channel ที่ผสานออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน ลูกค้าสามารถมาเลือกดูสินค้าที่หน้าร้าน แล้วกลับไปสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ โดยยอดขายผ่านช่องทางเว็บไซต์ และมาร์เก็ตเพลส ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 – 4 เปอร์เซ็นต์ของรายได้หลัก รวมถึงมีบริการให้คำปรึกษา งานออกแบบ จัดส่ง ติดตั้ง และ รีโนเวท แบบครบวงจร


ผ่านมากว่า 45 ปี แล้ว บุญถาวร ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนคิดจะตกแต่งบ้าน หรือสร้างบ้านของตัวเอง คิดถึงอยู่เสมอ แม้จะมีคู่แข่งที่เป็น Modern Trade เข้ามาแข่งขันมากขึ้น แต่ด้วยสินค้าที่มีครบครัน ดีไซน์หลากหลาย ทันสมัย มีบริการครบวงจรที่เป็นมากกว่าร้านขายวัสดุตกแต่งบ้าน แต่เป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นทั้งจุดนัดพบ แหล่งช้อปปิ้ง ที่ฝากท้อง และพื้นที่สันทนาการ จึงสามารถมัดใจลูกค้ามาได้อย่างยาวนาน และเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ

ที่มา: โครงการ MissionX The Boot Camp of Advanced Corporate Transformation รุ่นที่ 5