ลงทุนหุ้นจีนแบบไหนดี รับพลังจีนเปิดเมือง

ตลาดหุ้นจีนถือเป็นหนึ่งในตลาดที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจมาก แต่ต้องยอมรับว่า ช่วงที่สถานการณ์โควิดแพร่ระบาดรุนแรงในจีน จนทำให้ทางการจีนปิดประเทศ ประกอบกับทางการคุมเข้มกำกับดูแลกลุ่มเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ มากขึ้น ก็มีนักลงทุนเจ็บตัวไม่น้อย จากการที่หุ้นจีนปรับลดลงมา และเกิดอาการไม่กล้าลงทุน เปรียบแล้วช่วงนั้นก็เหมือนหุ้นจีนอยู่ในสภาพอากาศไม่เป็นใจ


แต่มาวันนี้ ฟ้าเปิด แสงสว่างกลับสู่แดนมังกรอีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นมา ที่จีนเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ให้สามารถเดินทางข้ามแดนเข้าจีนได้โดยไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป เพียงแค่ต้องแสดงผลตรวจแบบ pcr ที่เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องมาเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้หุ้นจีนมีแนวโน้มกลับมาสดใสอีกครั้ง พร้อมรับพลังการเปิดเมืองเปิดประเทศเต็มที่


ทั้งนี้ SCB CIO มองว่า ดัชนีหุ้นจีน A-Shares มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการเปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง มาตรการการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย มาตรการเยียวยาภาคอสังหาฯ รวมถึง Sentiment ของนักลงทุนรายย่อยจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าในการส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนจีน ประกอบกับดัชนียังปรับตัวขึ้นช้า (laggard) เมื่อเทียบกับหุ้นจีนในฝั่งตลาดนอกประเทศจีน (offshore)


เมื่อมองที่ภาพรวมเศรษฐกิจของจีนนั้น จีนจะมีการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน หรือ Chinese People’s Consultative Conference (CPPCC) และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ หรือ National People’s Congress (NPC) ที่จะเกิดขึ้นวันที่ 4 มี.ค. และ 5 มี.ค. 2566 นี้ ตามลำดับ


SCB CIO คาดการณ์ว่า ทางการจีนจะกำหนดเป้าหมายเศรษฐกิจต่างๆ ในปีนี้ โดยอาจกำหนดเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP growth) ปี 2566 เอาไว้ราว 5.0% หลังจากที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2565 เอาไว้ราว 5.5% ด้าน ข้อมูลผลสำรวจการวิเคราะห์จาก Bloomberg consensus คาดการณ์ว่า GDP growth ของจีนในปี 2566 จะอยู่ที่ 5.1% ดีขึ้นจากปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 3.0%


ส่วนมาตรการต่างๆ ที่จะสนับสนุนฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้น ในด้านนโยบายการเงิน SCB CIO คาดว่า ธนาคารกลางจีน (PBoC) มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีแนวโน้มจะเน้นออกมาตรการสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายอย่างผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) กลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งการสนับสนุนเงินทุนเพื่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสิ่งแวดล้อม (green finance)


นอกจากนี้ จะยังคงใช้เครื่องมือ การจัดสรรเงินกู้แบบ Pledged Supplementary Lending (PSL) ที่เป็นการเสนอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ ธนาคารที่ทำหน้าที่ตอบสนองด้านนโยบาย หรือ policy banks เพื่อให้นำไปปล่อยกู้ต่อภาคธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง


ด้านนโยบายการคลัง คาดว่า การใช้จ่ายลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการผลิตยังคงมีอยู่ ขณะที่ การใช้จ่ายที่ช่วยหนุนการบริโภค จะเน้นไปยัง การปรับปรุงบ้าน การบริการที่เกี่ยวข้องการดูแลผู้สูงอายุ และยานพาหนะที่ใช้พลังงานทางเลือกใหม่ (new energy vehicles) ส่วนด้านนโยบายภาคอสังหาฯ คาดว่า ทางการจีนมีแนวโน้มเน้นเรื่อง การส่งมอบบ้านที่ยังล่าช้า การจัดหาช่องทางเงินทุนแก่ผู้พัฒนาอสังหาฯ การสนับสนุนการปรับโครงสร้างและการควบรวมกิจการ และการช่วยปรับปรุงสินทรัพย์และหนี้สินของกลุ่มอสังหาฯ


อย่างไรก็ดี แม้อานิสงส์ของการเปิดประเทศของจีน จะทำให้เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่ปัจจัยความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวัง

1651326520

ทั้งนี้ SCB CIO มองว่า ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะมีผลกับหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง หรือ H-Shares มากกว่า โดย SCB CIO มีมุมมองที่เป็นบวก (Positive) กับตลาดหุ้นจีน A-Shares อยู่ และยังมองว่า ในไตรมาสแรกนี้ ยังเป็นโอกาสของการเข้าลงทุนหุ้นจีนได้


เมื่อดูในเชิงมูลค่าหุ้นจีน พบว่า มูลค่าหุ้นจีนอาจจะน่าสนใจลดลง โดยคาดการณ์ราคาต่อกำไรต่อหุ้นในอนาคต (forward P/E) ของดัชนีหุ้นจีน โดยเฉพาะฝั่ง offshore ค่อนข้างตึงตัว การเพิ่มขึ้นของมูลค่าจึงมีแนวโน้มจำกัด แต่ถ้ามองไปที่ ผลกำไรต่อหุ้นในอนาคต (forward EPS) ของดัชนีหุ้นจีน พบว่า ยังมีแนวโน้มถูกปรับประมาณการดีขึ้น โดดเด่นกว่าตลาดในภูมิภาคเดียวกัน จากการที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริการ และการบริโภค


SCB CIO มองว่า การฟื้นตัวของ EPS ในรอบนี้ มีแนวโน้มต่อเนื่องและมีความยั่งยืนกว่าในอดีต ขณะที่ทิศทางเงินทุนไหลเข้านั้น มีแนวโน้มทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง จากการที่ตลาดหุ้นจีนปรับเพิ่มขึ้น ทำให้การออกกองทุนรวมที่ลงทุนในจีน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งโดยปกติการออกกองทุนรวมใหม่ มักจะล่าช้ากว่าผลการดำเนินงานประมาณ 3 เดือน นอกจากนี้ กองทุนรวมทั่วโลก ยังถือครองหุ้นจีนไม่มาก มีช่องว่างให้ลงทุนเพิ่มเติมได้อีก


สำหรับ กองทุนหุ้นจีนที่น่าสนใจ และน่าจะตอบโจทย์นักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ก็คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นจีนเอแชร์ แอคทีฟ หรือ SCBASHARES(A) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6 คือ เสี่ยงสูง


กองทุนนี้ บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ไทยพาณิชย์ (SCBAM) โดยจะนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุนหลักต่างประเทศ Schroder International Selection Fund China A


กองทุนหลัก จะลงทุนในหุ้นจีน A-Shares
โดยเน้นการคัดเลือกหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน ด้วยวิธี Bottom-up คือวิเคราะห์จากหุ้นที่สนใจก่อน แล้วจึงมองไปที่ภาพรวม ทั้งนี้ กองทุนจะเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดีและมีศักยภาพในการเติบโตที่สูง มีการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นจำนวนกว่า 70-80 บริษัท ในหลากหลายอุตสาหกรรม


ขณะที่ข้อมูลในหนังสือชี้ชวน หรือ Fund fact sheet ของกองทุนหลัก ณ วันที่ 31 ม.ค. 2566 ผู้จัดการกองทุนหลัก เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น Ping AN ซึ่งเป็นบริษัทประกันอันดับ 1 ในจีน KWEICHOW MOUTAI บริษัทผลิตสุราที่เจาะตลาดระดับบน อันดับ 1 ของจีน หรือ SF Holding บริษัทโลจิสติกส์ ชั้นนำที่ถือหุ้นใหญ่ใน Kerry Logistic เป็นต้น


ในส่วนของผลการดำเนินงานกองทุน จากข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 22 ก.พ. 2566 พบว่า ปรับตัวขึ้นสูงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากการที่ จีนประกาศเปิดประเทศและการที่ตลาดมองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ทรงตัวแล้ว และอาจลดลงได้อีกในอนาคต ส่งผลให้หุ้นจีนฟื้นตัวได้ดี โดยเฉพาะหุ้นจีน A-Shares ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศค่อนข้างดี ขณะที่กองทุนที่เน้นคัดเลือกหุ้นลงทุน (Active) จะสามารถเพิ่มโอกาสในการรับลตอบแทนได้ดีกว่า การลงทุนผ่านกองทุนที่ไปลงทุนในดัชนีตลาดหุ้นจีน (Index Fund)

บทความโดย SCB CIO Office [คุณจารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ (IC Complex1)/ผู้วางแผนการลงทุน (IP) license no. 114051]


ข้อมูล ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566


คำเตือน


· กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นจีนเอแชร์ แอคทีฟ หรือ SCBASHARES(A) มีความเสี่ยงระดับ 6 คือ เสี่ยงสูง
· การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
· ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
· เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
· ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนกองทุนรวมเพิ่มเติมได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยพาณิชย์