ดิจิทัลแบงก์กิ้ง
SCB EASY App
เริ่มลงทุนง่ายๆ ด้วย SCB EASY App
ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เช็กก่อนช้อป Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษีอย่างไรคุ้มสุดๆ
มาแล้วโครงการลดหย่อนภาษีประจำปี 2567 ที่เรียกว่ามาตรการ Easy e-Receipt สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นมาตรการสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีให้ใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย มาตรการนี้คืออะไร มีหลักเกณฑ์อย่างไร มาเช็กให้ชัวร์ก่อนช้อป Easy e-Receipt เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คุ้มสุดๆ
Easy e-Receipt คืออะไร
โครงการลดหย่อนภาษีประจำปี 2567 สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เท่านั้น สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 - 15 กุมภาพันธ์ 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) จากระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร ทั้งนี้ e-Tax Invoice , รวม e-Tax Invoice by Email ด้วย และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด นอกจากนี้ ค่าหนังสือ, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร และค่าบริการ e-Book รวมถึงสินค้า OTOP ที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถใช้ใบรับอิเล็กทรอนิกส์แทนใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้
เช็กก่อนสินค้าอะไรที่ลดหย่อนไม่ได้
เช็กได้อย่างไรว่าร้านนี้ร่วม e-Tax Invoice
& e-Receipt
สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษี /ใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt และ e-Tax Invoice by Email ได้ที่ เว็บไซต์ของกรมสรรพากร
เช็กได้อย่างไรว่าคือ e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ลดหย่อนได้จริง
เช็กให้ชัวร์ฐานภาษีเท่านี้...ได้คืนภาษีสูงสุดเท่าไหร่
ในการคำนวณจำนวนภาษีที่ได้รับสิทธิลดหย่อนจะขึ้นอยู่กับเงินได้สุทธิและอัตราภาษีของแต่ละคน โดยพิจารณาได้จากอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังนี้
เงินได้สุทธิต่อปี (บาท) |
อัตราภาษี |
เงินคืนภาษีสูงสุด (ใช้จ่าย Easy e-Receipt เต็มจำนวน 50,000 บาท) |
0 – 150,000 |
ยกเว้น |
0 |
150,001 - 300,000 |
5% |
2,500 |
300,001 - 500,000 |
10% |
5,000 |
500,001 - 750,000 |
15% |
7,500 |
750,001 - 1,000,000 |
20% |
10,000 |
1,000,001 - 2,000,000 |
25% |
12,500 |
2,000,001-5,000,000 |
30% |
15,000 |
5,000,001 ขึ้นไป |
35% |
17,500 |
แนะนำตัวช่วยลดหย่อนภาษีตัวใหม่
นอกจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาจะใช้เป็นทางเลือกในการวางแผนภาษีแล้ว ยังมีกองทุน ThaiESG หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ที่ให้บุคคลธรรมดาที่ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ ThaiESG) ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2566 - 31 ธ.ค. 2575 สามารถลดหย่อนภาษีได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้น และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุน ThaiESG ดังกล่าวคืน มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีที่ถือหน่วยลงทุนนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน สนใจลงทุนกองทุน ThaiESG อ่านบทความเพิ่มและศึกษากองทุนที่น่าสนใจได้ที่ลิงก์นี้ กลยุทธ์เด็ดปลายปี ! วางแผนการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่ม พร้อมลงทุนรักษ์โลก กับ “Thai ESG” กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน จาก SCB