บริการด้านชำระเงิน
SCB EASY Pay
บริการชำระเงินด้วย QR Code
ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
วันคนพิการแห่งชาติ
วันคนพิการแห่งชาติ คือวันเสาร์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน โดยในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2566 ซึ่งสภาสังคมสงเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนพิการได้พบปะสังสรรค์ แสดงความสามารถในด้านต่างๆ และเรียนรู้วิทยาการใหม่ๆ เกี่ยวกับการบำบัดรักษา การป้องกัน และฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งเพื่อให้คนทั่วไปได้เห็นถึงศักยภาพ และคุณค่าของคนพิการของคนพิการ
โดยกระทรวงการพัฒนา สังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ได้กำหนดไว้ว่า “คนพิการ” หมายถึง บุคคลซึ่งมีความสามารถถูกจำกัดให้ปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และการมีส่วนร่วมทางสังคมได้โดยวิธีการทั่วไป เนื่องจากมีความบกพร่องทางการมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญาและการเรียนรู้ และมีความต้องการจำเป็นพิเศษด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตและมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป
วันนี้จึงอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ทำความรู้จักมูลนิธิเพื่อคนพิการ และร่วมทำบุญ แบ่งปันความสุขกันค่ะ
> สแกน QR Code ทำบุญทันใจ
>> กด “ยอมรับ” ให้ธนาคารที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลรายการนี้ ให้แก่ กรมสรรพากร และ/หรือ หน่วยรับบริจาค เพื่อการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
>> ใส่จำนวนเงินบริจาค กดปุ่มยืนยัน เพียงเท่านี้ เงินก็จะถูกส่งไปเข้าบัญชีของมูลนิธิโดยตรง
ข้อมูลบริจาคที่ส่งไปกรมสรรพากรจะถูกนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษี โดยเราสามารถคลิกดูรายละเอียดข้อมูลที่บริจาค E-Donation ไปแล้ว ที่เว็บไซต์กรมสรรพากรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ง่ายสะดวกทันใจ สายบุญยุคดิจิทัล
สามารถเลือกสถานที่ที่ต้องการทำบุญเพิ่มเติม ผ่านการ สแกน QR Code และ SCB EASY APP ได้ที่ >>
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/other-services/e-donation/e-donation-religious-sites.html
มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
ด้วยแนวความคิดของ มิสเจนีวีฟ คอลฟิลด์ สตรีตาบอดชาวอเมริกัน ที่มีความมุ่งมั่นและต้องการช่วยเหลือผู้พิการทางการมองเห็น และเห็นว่าประเทศไทยในขณะนั้นยังไม่มีองค์กรใดให้ความสนใจช่วยเหลือ จึงเดินทางเข้ามาในประเทศไทยและเริ่มก่อตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอดขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ณ บ้านเช่าหลังเล็ก ถนนคอชเช่ ศาลาแดง
โดยได้ร่วมกับนักศึกษาไทยประดิษฐ์อักษรเบรลล์ภาษาไทยขึ้น ต่อมามีผู้มีจิตกุศลช่วยเหลือและสนับสนุนร่วมกันจัดตั้งมูลนิธิชื่อว่า “มูลนิธิช่วยให้การศึกษาแก่คนตาบอดในประเทศไทย” เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2482 โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้การศึกษาแก่ผู้พิการทางการเห็นตามสมควรแก่อัตภาพ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองและอยู่ในสังคมได้อย่างคนปกติทั่วไปโดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ต่อมาในปี พ.ศ.2502 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และเปลี่ยนชื่อเป็น “มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์” โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้บริหารงาน
มูลนิธิฯ ได้ให้การสงเคราะห์ผู้พิการทางการเห็น โดยตั้งอยู่ในหลักการที่ว่า “การช่วยเหลือผู้พิการทางการเห็นนั้น มิใช่ช่วยเพียงการเริ่มต้นที่โรงเรียนเพื่อให้ได้รับการศึกษาเท่านั้น หากแต่ต้องช่วยพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสทางวิชาชีพเพื่อหารายได้เลี้ยงตนเอง โดยไม่เป็นภาระแก่ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ จึงจะถือได้ว่าการดำเนินงานของมูลนิธิฯ นั้น สัมฤทธิ์ผลโดยสมบูรณ์”
มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ
เมื่อราวปี พ.ศ. 2493-2495 ได้เกิดการระบาดของโรคโปลิโอ หรือโรคไข้ไขสันหลังอักเสบขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นโรคนี้เหมือนโรคประหลาดที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก นอกจากในวงการแพทย์ ทราบเพียงว่าโรคนี้ได้คร่าชีวิตของเด็ก และเยาวชนไปมากมาย ที่เหลือรอดชีวิตมาได้ ก็เหลือทิ้งไว้เพียงความพิการ
ขณะที่เหตุการณ์กำลังย่ำแย่ ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความช่วยเหลือล่าช้า ไม่เพียงพอ ได้มีกลุ่มสุภาพสตรีจิตอาสากลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีทั้งขาวไทยและชาวต่างประเทศประมาณ 15 คน รวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือเด็กพิการ และผู้ที่ต้องประสบโรคร้ายนี้ โดยได้ร่วมเป็นอาสาสมัครนั่งรถรับ-ส่งเด็กพิการ
หัวเรี่ยวหัวแรงหลักฝ่ายไทย คือ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร โดยมีมิสเจนีวีฟ คอลฟิลด์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิและโรงเรียนสอนคนตาบอดแห่งประเทศไทย กับมิสไอลีน เดวิดสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ขององค์การสหประชาชาติ ร่วมด้วยนางสุมาลี จาติกวนิช นางจีรวัสส์ ปันยารชุน คุณหญิงสมานใจ ดำรงแพทยาคุณ คุณหญิงเอิบสุข ไพรีระย่อเดช และอาจารย์จิรา สาครพันธ์ ด้วยการทำงานที่เป็นระบบ สั่งสมประสบการณ์ มิสไอลีน เดวิดสัน หนึ่งในสมาชิกชมรมอาสาสมัครก็ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจว่า “การช่วยเหลือผู้พิการ อันเป็นผลสืบเนื่องจากความเจ็บป่วยครั้งนั้น คงไม่ใช่แค่ระยะสั้นๆ แล้วจะสิ้นสุด เพราะเหตุว่ากว่าที่ผู้ป่วยเหล่านั้นจะฟื้นฟูสมรรถภาพของตัวเองได้ คงต้องกินเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ผู้ป่วยจึงจะมีความสามารถในการดูแลตัวเอง และอยู่ร่วมกับครอบครัว อยู่ร่วมกับสังคมได้เป็นปกติสุข” และนี่เอง คือ การจุดประกายเริ่มต้นของการก่อตั้งมูลนิธิ ในเวลาต่อมา
มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2497 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับมูลนิธิฯ ไว้ในพระราชูปถัมภ์เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2498 ทั้งยังทรงพระอนุญาตให้เชิญอักษรย่อประนามาภิไธย ไว้ในเครื่องหมายของมูลนิธิฯ
ในปี พ.ศ.2504 มูลนิธิฯ ได้จัดตั้งศูนย์บริการเด็กพิการ ขึ้นที่ ถนนติวานนท์ ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สำหรับเป็นที่พักระหว่างการรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูแก่เด็กพิการที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด และด้วยความช่วยเหลือจากกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้อนุญาตให้มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการฯ จัดตั้งโรงเรียนสอนคนพิการขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานชื่อโรงเรียนสอนคนพิการ โดยใช้พระนามของพระองค์ว่า “โรงเรียนศรีสังวาลย์” และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508
มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
มูลนิธิขาเทียมฯ กำเนิดขึ้นด้วยพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงอาทรถึงความทุกข์ของคนพิการขาขาดผู้ยากไร้ และที่ไม่สามารถเข้ารับบริการขาเทียมจากภาครัฐ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารทั่วทุกภาคของประเทศอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนขาเทียมในกลุ่มคนพิการขาขาดที่ยากไร้ เมื่อทรงทราบว่าแพทย์ไทยสามารถประดิษฐ์ขาเทียมได้ จึงได้พระราชทานความช่วยเหลือนับแต่นั้นมา “อย่าไปเอาเงินที่เขา มาเอาที่ฉัน” รับสั่งประโยคนี้ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กลายเป็นอุดมการณ์ของมูลนิธิขาเทียมฯ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จดทะเบียนก่อตั้งขึ้นโดยมีสำนักงานแรกอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๕ ด้วยทุนจดทะเบียนส่วนพระองค์ มูลนิธิขาเทียมฯ ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณกุศลต้องพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงตลอดจนอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยต้องพัฒนาเทคโนโลยีการทำขาเทียมตลอดเวลา ความสำเร็จในการพัฒนางานของมูลนิธิฯ เกิดขึ้นด้วยน้ำพระทัยของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงร่วมก่อตั้งมูลนิธิฯ ด้วยทรงมีพระเมตตาต่อคนพิการที่ยากไร้ และมีพระวิริยะอุตสาหะในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ที่ออกไปให้บริการประชาชนตามจังหวัดต่างๆปัจจุบัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่ง องค์นายกกิตติมศักดิ์ สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยพระกรุณาธิคุณและพระเมตตาคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์ มูลนิธิขาเทียมฯ จึงประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ มีคนพิการขาขาดทุกเชื้อชาติศาสนาเดินทางมาขอรับขาเทียมจากมูลนิธิฯ อยู่เสมอ