หลังจากวิกฤตโควิดเริ่มซาลง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ใคร ๆ ก็อยากเก็บกระเป๋าไปเที่ยวต่างแดนกันทั้งนั้น เนื่องจากถูกสถานการณ์บังคับให้เดินทางออกไปนอกประเทศไม่ได้มานาน ตอนนี้ได้เวลากลับไปโบยบินแล้ว หนึ่งในคำถามที่มักจะพบตอนหาข้อมูลก่อนออกเดินทาง คือ เรื่องการแลกเงินเพื่อนำไปใช้กินเที่ยวในประเทศที่กำลังจะไป ไม่ว่าจะแลกที่ไหนดี เรทถึงจะคุ้ม แล้วควรจะแลกไปเท่าไหร่ถึงจะพอ เรื่องพวกนี้จะว่าไป คงไม่มีคำตอบจากใครที่ถูกต้องที่สุด เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกัน ขึ้นอยู่กับตัวผู้เดินทาง ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน ไปนานกี่วัน ไลฟ์สไตล์การเที่ยวเป็นเช่นไร จะใช้เงินกับอะไรบ้าง เป็นต้น บางประเทศจำเป็นต้องใช้เงินสด บางประเทศเป็น Cashless ไปแล้ว ใช้บัตร หรือสแกนคิวอาร์จ่ายเงินได้เลย

ในปัจจุบันกระแสบัตรเติมเงินที่ใช้เพื่อการท่องเที่ยวเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ด้วยข้อดีของเรทอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างถูก นักเดินทางรุ่นใหม่จึงหันมาสนใจ และเปิดใช้งานบัตรประเภทนี้กันมากมาย หนึ่งในบัตรที่ได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างในกลุ่มนักเดินทางบนโลกโซเชียล ก็คือ บัตร PLANET SCB ของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยความพิเศษของบัตรนี้ต้องบอกว่า มีถึง 13 สกุลเงินยอดฮิตที่ใช้กันในจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวให้แลกเก็บไว้ ในช่วงที่เรายังไม่ได้เดินทาง หากค่าเงินสกุลที่เราจะใช้นั้นอ่อนค่าลง เราก็สามารถแลกเก็บไว้ก่อนได้เลย ไม่ต้องมารอแลกตอนจะเดินทางซึ่งถึงตอนนั้นค่าเงินอาจจะแข็งขึ้นมาแล้วก็เป็นได้ อาจจะทำให้เราได้เรทที่สูงขึ้น ทั้งๆ ที่เรามีโอกาสเก็บเรทที่เราพอใจไว้ได้ เรื่องนี้ถูกใจสายส่องเป็นอย่างมาก เมื่อเจอเรทดีถูกใจตอนช่วงค่าเงินบาทแข็ง หรือค่าเงินต่างประเทศอ่อน ก็สามารถแลกเงินเก็บไว้ก่อนได้ทันที หรือที่หลายคนมักใช้คำว่า “ล็อกเรท” นั่นเอง

ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ หากเราวางแผนจะไปดูซากุระที่ญี่ปุ่นต้นปีหน้า แต่ในช่วงนี้พบว่าค่าเงินเยนอ่อนตัวมาก หากต้องการจะแลก 100 เยน ใช้เงินไทยไม่ถึง 25 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กรกฎาคม 2566) ซึ่งถ้าเรารอไปแลกช่วงฤดูท่องเที่ยวที่เราจะเดินทางเลย ค่าเงินเยนอาจจะแข็งขึ้น ทำให้เราต้องใช้เงินบาทมากขึ้นไปด้วย เพื่อแลกเงินเยนจำนวนเดียวกัน

วิธีการแลกเงินเข้าบัตร PLANET SCB ก็ทำได้ง่าย ๆ ผ่านแอป SCB EASY แค่เติมเงินบาทเข้าวอลเล็ทตามจำนวนเงินที่ต้องการ แล้วก็เลือกซื้อสกุลเงินต่างประเทศจาก 13 สกุลเงินหลักที่มีอยู่ในแอปเก็บไว้ได้เลย สำหรับสกุลเงินที่นักเดินทางอย่างเราสามารถแลกเรทคุ้ม ๆ เก็บไว้ได้ ทั้ง 13 สกุลเงิน มีดังนี้ USD - US Dollar / EUR - Euro / GBP - British Pound Sterling / JPY - Japanese Yen / SGD - Singapore Dollar / HKD - Hongkong Dollar / KRW - South Korean Won / CHF - Swiss Franc / AUD - Australian Dollar / CAD - Canadian Dollar / NZD - New Zealand Dollar / CNY - Chinese Yuan และ TWD - Taiwanese Dollar

ส่วนใครที่ต้องการไปเที่ยวประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากประเทศที่ใช้ 13 สกุลเงินนี้ ก็สามารถพกพาบัตร PLANET SCB ไปเที่ยวด้วยได้เหมือนกัน เพราะตัวบัตรยังสามารถรูดจ่ายซื้อสินค้าได้ทุกประเทศทั่วโลก สูงสุดเทียบเท่า 500,000 บาทต่อวัน แค่เติมเงินบาทใส่ไว้ในบัตรก็พอ เวลาใช้ระบบจะดึงเงินบาทที่เติมไว้ไปแลกเป็นสกุลเงินของประเทศนั้น ๆ โดยใช้เรทของวันที่มีการใช้จ่ายจาก VISA ซึ่งเราจะไม่ถูกชาร์จเรทอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% เหมือนบัตรเครดิตทั่วไปด้วย และยังใช้เบิกถอนเงินสดจากตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์ VISA โดยกดได้สูงสุดเทียบเท่า 100,000 บาทต่อวันได้อีกด้วย

แนะนำให้สมัครบริการแจ้งเตือนผ่าน SCB Connect ไว้ก่อนเดินทาง จะได้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในบัตรได้ ทุกครั้งที่มีเงินออกจากบัตรหรือวอลเล็ท จะมีไลน์เด้งเข้ามือถือมารายงานทันที กรณีที่บัตรหายระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่นั้น ก็สามารถอายัดบัตรด้วยตัวเองผ่านแอป SCB EASY ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับใครที่กังวลเรื่องค่าธรรมเนียมรายปีนั้น หายห่วงได้เลยเพราะบัตร PLANET SCB ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้ตลอดชีพ เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ทริปต่อไปก็สามารถเก็บกระเป๋าไปเที่ยวอย่างมีความสุขได้แล้วนะ

สำหรับใครที่สนใจดูสิทธิพิเศษอื่นๆ ของบัตร PLANET SCB สามารถเข้ามาดูรายละเอียด และสมัครบัตรได้ที่นี่เลย https://www.scb.co.th/th/personal-banking/cards/prepaid-cards/planet-scb-card.html