ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยังน่าสนใจหรือไม่

ถ้าหากนึกถึงตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว นักลงทุนมักมุ่งเป้าไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นยุโรป เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ และอาจลืมว่าในประเทศกลุ่มพัฒนา ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถือเป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว


หากมองหาเหตุผลว่าทำไมตลาดหุ้นญี่ปุ่นมักถูกมองข้าม ปัจจัยสำคัญ คือ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตได้เฉลี่ยเพียง 1% ซึ่งอยู่ในระดับต่ำจากโครงสร้างประชากรเป็นผู้สูงอายุจำนวนมาก รวมทั้งมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินการไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยให้ความสนใจกับการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น


อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2565 ดัชนี NIKKIE 225 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการซื้อขายกันระดับ 25,000 จุด ทำให้นักลงทุนเริ่มหันกลับมามองและให้ความสนใจกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


ปี 2565 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น (จีดีพี) ที่ระดับ 3.3% สอดคล้องกับสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประมาณการจีดีพีในปีนี้จะขยายตัว 3.2% เนื่องจากรัฐบาลประกาศอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งมีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 107.59 ล้านล้านเยนในช่วงที่ผานมา


โดยตัวเลขการขยายตัวในครั้งนี้ถือเป็นตัวเลขการขยายตัวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 โดยการบริโภคของภาคเอกชนและประชาชนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ คาดว่าจะขยายตัว 4.0% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันภาคเอกชนและประชาชนจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น และภาคการลงทุนของภาคเอกชนในการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ถนน ทางเดินเท้า คาดว่าจะขยายตัว 5.10% และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นอย่างชัดเจน รัฐบาลจะนำมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวกลับมาใช้อีกครั้ง ประกอบกับนโยบายการเงินที่คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ -0.1% จะเป็นปัจจัยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลดีต่อผลประกอบการบริษัทในประเทศญี่ปุ่นที่จะได้เห็นกำไรกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

จากการฟื้นตัวและมาตรการชัดเจนดังกล่าว Sumitomo Mitsui DS Asset Management ประเมินว่าดัชนี NIKKIE 225 ปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นไปซื้อขายที่ระดับ 32,000 จุด จากการเปิดประเทศ และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศกลับมาสดใสอีกครั้ง


สำหรับปี 2565 อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ คือ กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มของเทคโนโลยี เนื่องจากปัจจุบันญี่ปุ่นมีการผ่อนคลายมาตรการให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาทำงานได้ เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี รัฐบาลญี่ปุ่นมีการปรับโครงสร้างการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อดำเนินนโยบายระดับชาติ ในการส่งเสริมการปฏิรูปการบริหารที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น จึงมีการใช้งบประมาณและสนับสนุนในเรื่องของเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นในปีนี้


สำหรับความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอาจเผชิญในปี 2565 ได้แก่ การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid-19 ยังไม่จบ แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงถึงประมาณ 80% แต่การกลายพันธ์ของไวรัสก็จะส่งผลต่อการเปิดประเทศในอนาคตได้ ถัดมา คือ การเป็นสังคมผู้สูงอายุจะส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคอาจชะลอตัว และงบประมาณของภาครัฐอาจจะถูกตัดมาใช้ดูแลสังคมผู้สูงอายุที่สร้างผลิตผลทางเศรษฐกิจได้น้อย ขณะที่ตลาดแรงงานอาจขาดแคลนได้


แต่ด้วยปัจจัยเชิงบวกทางเศรษฐกิจและมาตรการต่าง ๆ ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากที่เคยอยู่นอกสายตานักลงทุน กลับมากลายเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจไม่แพ้ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วในฝั่งอเมริกาและยุโรป หากนักลงทุนสนใจและกำลังเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น สามารถเริ่มต้นจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้