ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ทำไมตลาดหุ้นจีนน่าสนใจในปี 2565
หากนักลงทุนไปลงทุนในตลาดหุ้นปี 2564 อาจเห็นพอร์ตลงทุนปรับลดลง เนื่องจากตลาดหุ้นปรับฐานลงประมาณ 30% จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายแผนยุทธศาสตร์และการปรับบังคับใช้กฎหมายการใช้ข้อมูล จึงมีคำถามว่าเมื่อตลาดหุ้นปรับฐานลงไปมากพอสมควร ตลาดหุ้นจีนยังคงน่าสนใจหรือไม่
ปัจจัยสำคัญที่ตลาดหุ้นจีนน่าสนใจในปี 2565 เริ่มกันที่การเติบโตของเศรษฐกิจของจีน โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประมาณการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีน (จีดีพี) ที่ระดับ 4.8% ขณะที่ รัฐบาลจีนออกมาประกาศคาดการณ์จีดีพีว่าจะขยายตัวที่ระดับ 5.5% เพราะมองว่าเศรษฐกิจมีแรงหนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ด้านนโยบายการคลัง รัฐบาลจีนตั้งเป้าขาดดุลการคลังที่ 2.8% ของจีดีพี ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 3.2% ส่วนนโยบายการเงินยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 2.85%
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนออกมากล่าวถึงนโยบายที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและเป็นการรักษาเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นจีน โดยกล่าวว่าจะสนับสนุนบริษัทจีนที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมทั้งจะร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับประเด็นการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
สำหรับความน่าสนใจของตลาดหุ้นจีน หากดูเรื่องมูลค่าพื้นฐานของตลาดโดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน คือ P/E Ratio พบว่าตลาดหุ้น China Shanghai Composite (SSEC) อยู่ที่ประมาณ 16.10 เท่า ดัชนี Hang Seng Index (HIS) อยู่ที่ 13.86 เท่า โดยหากเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เช่น ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มี P/E Ratio ประมาณ 25.56 เท่า ตลาดหุ้นมาเลเซีย มี P/E Ratio ประมาณ 18.91 เท่า ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ มี P/E Ratio ประมาณ 22.34 เท่า และตลาดหุ้นไทย มี P/E Ratio ประมาณ 19.71 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นจีนค่อนข้างมีความน่าสนใจในการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากมูลค่าปัจจุบันอยู่ในระดับที่ถูก
ปัจจัยที่ทำให้จีนน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว คือ การเปลี่ยนแผนพัฒนาประเทศในปีที่ผ่านมาที่มุ่งเน้นไปที่การบริโภคจากภายในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ และ New Economy ที่ผลักดันเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตได้ในระยะยาว และการให้ความสำคัญในการพัฒนาและการลงทุนอย่างมากกับกลุ่มพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าให้เติบโตประมาณ 8.7% ต่อปี รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลากหลายที่สามารถทำได้หากจำเป็น เช่น การใช้กองทุนแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม หากมองในระยะสั้นอาจมีปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังมีความเสี่ยง คือ นโยบาย Zero Covid อาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอการเติบโต เพราะการปิดเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจจะทำให้ตลาดหุ้นปรับย่อตัวลงมาได้ แต่หากมองในแง่ดีก็เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนในตลาดหุ้นจีน คือ หุ้นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน เช่น เซมิคอนดักเตอร์ โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรงและมีโอกาสเติบโตด้านผลการดำเนินงานในระยะยาว
เนื่องจากรัฐบาลจีนมีความเข้มงวดกับการดำเนินธุรกิจและอาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อความผันผวนตลาดหุ้น ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรศึกษาข้อมูล ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และควรเน้นลงทุนระยะยาว