ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การตลาดของคนเหงาเหงา
“โลกของเราเป็นสีเทา เลยมีความเหงาอยู่เป็นเพื่อน” “แม้อยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ฉันรู้สึกว่าไม่มีใคร” คำคมโดนใจในโลกออนไลน์สะท้อนอารมณ์เบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของคนยุคดิจิตอลที่มีเทคโนโลยีเป็นเพื่อน ทำให้เกิดคำถามว่าในยุคที่การสื่อสารเชื่อมต่อถึงกันเพียงแค่หยิบมือถือ แต่ทำไมคนจึงมีความรู้สึกเหงา? ความเหงาเกิดจากอะไร? เมื่อพูดถึงความเหงานับเป็นภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เช่น ไม่มีคนรับฟังปัญหา คนรอบตัวไม่มีเวลาให้ รู้สึกไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสังคม ในทางจิตวิทยายังกล่าวว่า ความเหงา แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ในสังคมที่เราต้องการนั้นต่างจากความเป็นจริง เช่น อยากให้ทุกคนเป็นมิตรกัน แต่ความเป็นจริงกลับเป็นศัตรูคอยหาเรื่องใส่กัน ทำให้เกิดความรู้สึกเหงาเพราะความสัมพันธ์นั้นไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้นั่นเอง จากเทรนด์ความเหงาจึงทำให้นักการตลาดทั่วโลกหันมาสนใจที่จะศึกษาพฤติกรรมเพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจความต้องการของคนกลุ่มนี้และนับเป็นการเปิดน่านน้ำสีครามเพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางการตลาดของผู้บริโภคกลุ่มคนเหงา
ใครต่อใครก็เหงา
ไม่ผิดหรอกหากคุณจะเหงาเพราะทั่วโลกเขาก็เหงากัน ในต่างประเทศเทรนด์ประชากรคนเหงามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ที่อังกฤษมีการสำรวจพบว่า มีจำนวนคนเหงาถึง 9 ล้านคน จนต้องมีการตั้งกระทรวงความเหงา (Ministry of Loneliness) เพื่อดูแลสุขภาพจิตของประชากรกลุ่มดังกล่าว เพื่อให้คำปรึกษาและจัดให้มีกิจกรรมช่วยเหลือคนเหงาให้ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ส่วนอเมริกาได้มีงานวิจัยพบว่า 3 ใน 4 ของประชากรคิดเป็นร้อยละ 75 คนในเจน Z อายุ 18-22 ปีเป็นกลุ่มที่มีความเหงามากที่สุด
สำหรับประเทศไทยได้มีการทำวิจัยการตลาดคนเหงา โดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จากกลุ่มตัวอย่าง 1,126 คน พบว่ามีคนเหงาในไทยมีถึง 26.75 ล้านคน คิดเป็น 40.4% ของประชากรไทย โดยแบ่งเป็นกลุ่ม แอบเหงา 23.6% , เหงาจนชิน 14.5% และเหงาจับใจ 2.3% จากงานวิจัยพบว่า กลุ่มคนที่มีความเหงาสูงสุด ได้แก่ วัยทำงาน มีความเหงา 49.3% (อายุระหว่าง 23 – 40 ปี) รองลงมาคือ วัยเรียน มีความเหงา 41.8% (อายุระหว่าง 18 – 22 ปี) และตามมาด้วยวัยผู้ใหญ่ มีความเหงา 33.6% (อายุระหว่าง 41 – 60 ปี) ในขณะที่วัยสูงอายุ มีความเหงาต่ำที่สุดคือ 24.5% (อายุมากกว่า 60 ปี) เพราะมีการจัดการด้านอารมณ์และมีความพร้อมทางจิตใจ
เมื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างความเหงากับปัจจัยรายได้ พบว่า “รายได้มาก เหงาน้อย” “รายได้น้อย เหงามาก” โดยกลุ่มคนเหงา 46.3% ที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท บอกว่าที่เหงาเพราะไม่มีเงินออกไปเที่ยวนอกบ้านหรือไปช้อปปิ้งเพราะมีภาระอื่นที่ต้องจ่ายทั้งค่าที่พักอาศัย ค่าผ่อนรถ เป็นต้น
วิธีแก้เหงาของคนเหงา
จากการสำรวจพบว่ามี 3 วิธีที่ใช้เพื่อคลายเหงาให้กับตัวเอง
โอกาสธุรกิจตลาดคนเหงา
วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้กล่าวถึงตลาดคนเหงาในประเทศไทยว่ามีจำนวนถึง 26.75 ล้านคน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่รองรับตลาดคนเหงาเติบโตเพิ่มขึ้น โดยในต่างประเทศมีการทำธุรกิจเพื่อเจาะตลาดคนเหงา เช่น สหรัฐอเมริกา มีแอป Papa บริการเรียกคนมาช่วยดูแลผู้สูงอายุ เช่น ช่วยทำงานบ้าน พาไปซื้อของหรือไปหาหมอ และยังมีแอป People Walk หาเพื่อนออกกำลังกาย ในประเทศญี่ปุ่นมีบริการเช่าคุณลุง (OSSAN Rental) เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำหรือแก้ปัญหาให้คนเหงาหรือคนที่มีความเครียด
ในประเทศประเทศไทย ธุรกิจคอมมูนิตี้ที่เอาใจคนเหงาและได้รับความนิยมในช่วงที่ผ่านมา เช่น ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านบอร์ดเกม ธุรกิจ Co-Working Space ธุรกิจดิจิทัล เช่น แอปหาเพื่อนหรือหาคู่ แอปปาร์ตี้หารหาคนหารในเรื่องต่างๆ ธุรกิจการให้บริการสัตว์เลี้ยง เช่น โรงพยาบาล คลินิก สถานรับฝากสัตว์เลี้ยง ธุรกิจท่องเที่ยวในรูปแบบไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม
กลยุทธ์จับใจคนเหงา
จากที่กล่าวมาแล้วว่าคนเหงาในประเทศไทยมีจำนวนถึง 26.75 ล้านคน ทำอย่างไรที่จะทำธุรกิจเพื่อรับรองความต้องของประชากรกลุ่มนี้ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้แนะนำให้ใช้ 4 กลยุทธ์ดังนี้
ประชากรคนเหงาเป็นกลุ่มคนในสังคมอีกกลุ่มที่นักธุรกิจหรือนักการตลาดควรให้ความสนใจ สร้างผลิตภัณฑ์และบริการหรือทำโปรโมชั่น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ เพราะจะเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ในน่านน้ำสีครามที่ช่วยเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ให้กับสินค้าและบริการได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ข้อมูลจาก :
https://positioningmag.com/1228902
https://www.marketingoops.com/reports/behaviors/lonely-in-the-deep-market/