ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ส่องตลาด “คนขี้เกียจ” เมื่อความสบายคือสารเสพติดชนิดหนึ่ง
เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของมนุษย์จนกลายเป็นเรื่องปกติ เราสามารถทำเรื่องต่างๆ ได้เพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะซื้อของ โอนเงิน จองตั๋ว สั่งอาหาร เรียกแท็กซี่ ความสะดวกสบายเหล่านี้เองได้หล่อหลอมให้คนในยุคนี้มีพฤติกรรมที่รักสบายและหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นหรือยอมจ่ายเพื่อซื้อความสะดวกให้กับตัวเอง จากจุดนี้จึงเป็นที่มาของเศรษฐกิจขี้เกียจ (Lazy Economy) ที่มีคนขี้เกียจ (Lazy Consumer) หรืออาจเรียกว่าเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายขั้นสุด โดยใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างความสะดวกสบาย รวดเร็ว ช่วยลดขั้นตอน ทำให้คนกลุ่มนี้มีความสุขกับสิ่งที่พวกเค้าได้รับเพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปทำในบางเรื่องบางสิ่งบางอย่างด้วยตัวเอง
คนไทยกับ 10 กิจกรรมที่ขี้เกียจมากที่สุด
แน่นอนว่ากลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่เสพติดความสะดวกสบายมีอยู่ทั่วโลก โดยในส่วนประเทศไทยจากงานวิจัยของกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คน แบ่งเป็น Gen Z, Gen Y, Gen X และ Baby Boomers พบว่า 10 อันดับกิจกรรมที่ขี้เกียจมากที่สุด ได้แก่ 1.ออกกำลังกาย 84% 2.รอคิวซื้อของ 81% 3.ทำความสะอาดบ้าน 77% 4.อ่านหนังสือ 70% 5.ทำอาหาร 69 % 6.พูดคุยหรือพบเจอคนเยอะๆ 68% 7.ดูแลผิวพรรณตัวเอง 68% 8.เรียน/ทำงาน 65% 9.ออกไปช้อปปิ้ง 64% และ 10.เดินทางไปไหนมาไหน 60% (ที่มา : วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล)
นอกจากนี้ในต่างประเทศเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์อันดับ 1 ของจีนอย่างเถาเป่าได้เปิดเผยข้อมูลว่า กลุ่มผู้บริโภคชาวจีนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เป็นกลุ่มที่รักความสบายและพร้อมจ่ายให้กับสินค้าและบริการที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องออกแรงหรือไม่ต้องเสียเวลา ทำให้สินค้ากลุ่มอำนวยความสะดวกขายดีเพิ่มมากขึ้นกว่า 70% โดย 4 อันดับสินค้าที่ขายดี ได้แก่ อายแชโดว์ที่ปาดครั้งเดียวจบ หม้อร้อนอเนกประสงค์ เก้าอี้เล่นเกมปรับนอนได้ และเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะ
“SLOTH” กลยุทธ์ครองใจ "คนขี้เกียจ"
การทำธุรกิจที่จะเอาชนะใจคนขี้เกียจนั้นมีท่าไม้ตาย คือ ทำอย่างไรก็ได้ที่จะตอบสนองต่อความต้องการของผู้เสพติดความสบายให้ได้รับความสะดวกในขั้นสุด ไม่ต้องเหนื่อย ไม่เสียเวลา ไม่ต้องออกจากบ้าน ช่วยแบ่งเบาภาระและสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น หากคนทำธุรกิจสามารถคิดค้นสินค้าหรือบริการที่ทำให้พวกเค้ารู้สึกว่ามีชีวิตดีกว่าเดิม สบายกว่าเดิม ง่ายกว่าเดิม เมื่อนั้นโอกาสที่จะสามารถครองใจผู้บริโภคกลุ่มนี้มีแน่นอน โดยกลยุทธ์ที่มัดใจคนขี้เกียจมีอยู่ 5 ข้อ (ที่มา : วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล)
5 ประเภทธุรกิจครองใจคนขี้เกียจ
เมื่อมีตลาดผู้บริโภคที่รักความสะดวกสบายขั้นสุด แล้วธุรกิจหรือบริการอะไรที่จะสามารถครองใจคนกลุ่มนี้
1. ธุรกิจประเภททำแทนกันได้
จะเห็นได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ธุรกิจบริการประเภทออกแรงให้เองทำแทนกันได้(On Demand Service) เริ่มผุดขึ้นมาให้เห็นเพื่อเอาใจกลุ่มคนรักสบายทั้งหลาย เช่น บริการทำความสะอาดบ้าน บริการซื้อของแทน บริการขับรถแทน บริการรับจองคิว บริการขนย้ายของ รวมไปถึงบริการส่งอาหารหรือ Food Delivery โดยจากงานวิจัยของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าอุตสาหกรรมธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ในไทยเติบโตถึง 35,000 ล้านบาท/ปี ล่าสุดสถาบันการเงินอย่าง SCB ได้ออกนอกกรอบธุรกิจเดิมสู่ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ ครีเอทแอปพลิเคชั่นส่งอาหารที่ชื่อ “Robinhood” เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ รวมถึงตอบโจทย์ผู้บริโภคสายขี้เกียจได้เป็นอย่างดี อ่านเพิ่มเติมที่ บทความ -“Robinhood” แอปพลิเคชั่น Food Delivery สัญชาติไทย เพื่อคนไทย-
2.ธุรกิจประเภทสินค้าที่ไม่ต้องขยับ ไม่ต้องจับ ไม่ต้องถือ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ทำให้มีสินค้าประเภท Automation และ Hand Free เกิดขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มขี้เกียจให้ได้รับความสุขจากการใช้สินค้าในกลุ่มนี้ เช่น หุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาด เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ เครื่องล้างจานอัตโนมัติ เครื่องพับผ้าอัตโนมัติ เครื่องช่วยแปรงฟัน หรือร้านค้าที่ไม่มีแคชเชียร์ที่เป็นแบบ Automate Store หรือที่จับแบบคล้องคอ (Lazy Holder) เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ไม่ต้องถือของเองให้เมื่อยมือ เป็นต้น
3.ธุรกิจประเภทพร้อมใช้งานทันที
เมื่อความขี้เกียจเข้าครอบงำ กลุ่มสินค้าประเภทพร้อมกิน พร้อมดื่ม พร้อมใช้ หรือ Ready to ทั้งหลายย่อมได้ใจผู้บริโภคกลุ่มคนรักความสบายขั้นสุด ซึ่งสินค้าและบริการประเภท Ready to ตัวอย่างเช่น ครีมรองพื้นแบบ All in One ทั้งบำรุง ปกปิด กันแดด ช่วยลดเวลาในการแต่งหน้า อายแชร์โดว์ที่ปาดเพียงครั้งเดียวแล้วจบ สเปรย์ทำความสะอาดเส้นผมเมื่อไม่มีเวลาสระผมแต่อยากแก้ปัญหาหัวมันผมเหม็น ข้าวกล่องอุ่นเองได้ไม่ต้องใช้ไมโครเวฟ บริการส่งปิ่นโต บริการจัดเตรียมวัตถุดิบอาหารพร้อมสูตรและวิธีปรุงสำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกไปซื้อของ เป็นต้น
4. ธุรกิจประเภทร่วมมือ ร่วมใจ
คนขี้เกียจมักขาดแรงจูงใจในการทำบางสิ่งบางอย่างให้ประสบความสำเร็จ เพราะรู้สึกเหนื่อยยากลำบากที่จะทำ ดังนั้น การสร้างธุรกิจในเชิง Community Online ให้มีความรู้สึกร่วมกันหรือ Better Together ทำให้มีแรงผลักดันในการร่วมมือทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จ ช่วยเหลือกันและกัน หรือการแข่งขันระหว่างกัน เช่น แอป PartyHaan ที่ออกมาเพื่อแก้ Pain Point สำหรับคนขี้เกียจไปหาคนมาหาร หรือไม่อยากไปขอความช่วยเหลือจากใคร แต่เมื่อใช้แอปตัวนี้ก็สามารถหาคนหารได้ในเรื่องต่างๆ โดยไม่ต้องพูดคุย เช่น หารค่าแท็กซี่ ค่า Netflix ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยว่ากิจกรรมที่คนไทยขี้เกียจเป็นอันดับ 6 คือ พูดคุยหรือเจอกับคนเยอะๆ มีมากถึง 68%
5. ธุรกิจการอ่านให้ฟัง หรือ Read Less, Listen More
จะเห็นได้ว่าในช่วง 1-2 ปีมานี้ ธุรกิจ Podcast ทั้งในและต่างประเทศเติบโตขึ้นมากเพราะตอบโจทย์ความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถฟังได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องใช้สมาธิมากเหมือนหนังสือ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่ว่าคนไทยขี้เกียจอ่านหนังสือมากถึง 70% หรือคิดเป็น 46 ล้านคน (ที่มา : วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล) เนื่องจากไม่ชอบอ่านเยอะแต่เลือกที่จะฟังเพราะสามารถทำกิจกรรมอื่นร่วมไปกับการฟังได้ หรือ Short VDO ที่ได้รับความนิยมอย่าง TikTok ที่มีการสอน How to แบบสั้นๆ ไม่เกิน 1 นาทีก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
ไม่แปลกใจเลยว่า เศรษฐกิจขี้เกียจ (Lazy Economy) เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการเติมเต็ม ช่วยแก้ไข Pain Point ให้กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่มีความเร่งรีบในการใช้ชีวิต การมีสินค้าหรือบริการ ที่สามารถช่วยลดภาระ ลดความยุ่งยาก ลดระยะเวลา หรือมีเวลาไปทำเรื่องอย่างอื่นที่สำคัญกว่า จึงเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจหรือนักการตลาดต้องหา Consumer Insights ให้เจอ ก็จะทำให้มีโอกาสคว้าใจของกลุ่มผู้บริโภคสายขี้เกียจที่รักความสบายขั้นสุด และคาดว่าในไม่ช้าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะมีเพิ่มมากขึ้น จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคต
ที่มา
https://www.marketingoops.com/reports/behaviors/lazy-consumer-lazy-economy/
https://www.brandbuffet.in.th/2019/09/lazy-consumer-marketers-new-opportunity/