7 ข้อดีเมื่อ Work from Home

เมื่อออฟฟิศประกาศให้พนักงาน   Work  from  Home  มีปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไปของเพื่อนร่วมงาน   ส่วนใหญ่บอกว่าดีเพราะไม่อยากอยู่รวมกันกลัว COVID-19  บางคนชอบเพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศ  คนมีครอบครัวก็ดีใจจะได้ดูแลลูกในช่วงปิดเทอม   คนโสดบอกเบื่อไม่ได้ออกจากบ้านแถมยังเปลืองค่าไฟอีกต่างหาก   ไม่ว่าจะมีปฏิกิริยากันแบบไหน  เท่าที่สังเกตในช่วงแรกส่วนใหญ่จะชอบมากกว่าเพราะไม่ต้องตื่นออกจากบ้านแต่เช้า แต่พอนานๆ เข้ากลับพบว่าทำงานที่ออฟฟิศสะดวกสบายกว่ามาก  เพราะมีอุปกรณ์ครบ  จะติดต่อประสานงานหรือนัดประชุมกับใครก็ทำได้รวดเร็ว  แถมยังมีสังคมได้พบปะพูดคุยเม้าท์มอยกับเพื่อนร่วมงาน  แต่เมื่อเกิดวิกฤติการ Work from Home นับเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 หากมองในแง่ดีจะพบว่าการทำงานอยู่ที่บ้านก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน 

7-advantages-wfh2

1. พัฒนาคุณภาพงานเดิม   เพิ่มเติมผลงานใหม่

เวลาทำงานในออฟฟิศ  เคยสังเกตตัวเองมั้ยว่าในแต่ละวันเราใช้เวลาไปกับเรื่องอะไรบ้าง  ตอนเช้าตอบไลน์เจ้านาย  ตอบอีเมลคนในออฟฟิศ  ตอนสายถึงบ่ายเข้าประชุมวันละ 2-3 มีทติ้ง  ระหว่างวันรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา  เวลาที่เหลือได้เนื้องานไปจริงๆ มีแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น  ทำให้ขาดโฟกัสในการทำงานเพราะต้องเร่งรีบปั่นงานให้เสร็จ  จะเห็นได้ว่าเวลาที่จะคิดพัฒนาคุณภาพงานเดิมให้ดีขึ้นหรือสร้างสรรค์งานใหม่แทบจะไม่มีเลย  แต่ถ้า  Work from Home สามารถโฟกัสงานได้มากกว่า   มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่กว่าเพราะได้ออกจากสภาพแวดล้อมและกรอบเดิมๆ  จึงเป็นโอกาสที่ชาวออฟฟิศจะได้พัฒนาคุณภาพของงานและมีเวลาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้น

2. ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งเรื่องงาน & เรื่องส่วนตัว

ทุกวันนี้มีแอพพลิเคชั่นช่วยให้สามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้  ทั้งแอพประชุมออนไลน์  วางแผนงาน   รวบรวมข้อมูล  วางไอเดีย  ส่งเอกสารส่งงาน  หรือแม้กระทั่ง  Screen Sharing ก็ทำได้รวดเร็ว ซึ่งปกติการทำงานในออฟฟิศอาจไม่ได้ใช้แอพพวกนี้บ่อยนัก  ถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หากเวิร์คยังสามารถเอาไปต่อยอดที่ออฟฟิศต่อได้   นอกจากนี้เมื่อต้องทำงานอยู่บ้านบางครั้งเราขี้เกียจออกจากบ้าน ลองมาทดลองใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งที่ทุกวันนี้มีฟังก์ชั่นเพิ่มมากมาย นอกเหนือจากฝาก-โอน-จ่าย  ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี  เช่น  ซื้อประกัน, ขอสินเชื่อ , ซื้อกองทุน, บริจาค  ก็ทำได้ง่ายผ่าน SCB Easy App  หรือหากต้องหาอาหารกินเองอาจทดลองใช้แอพสั่งอาหารเจ้าต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย   ถือว่าเป็นโอกาสในการอัพเดทแอพใหม่ๆ เพื่อเพิ่มสกิลในการทำงานและการใช้ชีวิตของตัวเอง

3. มีเวลาส่วนตัวเพิ่ม  เสริมคุณค่าให้ชีวิต

แน่นอนว่าทำงานอยู่ที่บ้านไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าทำให้มีเวลาส่วนตัวหรือเวลาให้กับครอบครัวก่อนที่จะเริ่มทำงานหรือหลังเลิกงาน   อย่างน้อย 1 - 2 ชั่วโมง  ไม่ว่าจะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี   อ่านหนังสือพัฒนาศักยภาพตัวเอง  นั่งสมาธิผ่อนคลายจิตใจให้มีสติ   ทำความสะอาดหรือจัดระเบียบบ้านให้เข้าที่เข้าทาง   คนมีครอบครัวแล้วก็มีเวลาทำกับข้าวให้ลูกน้อยได้ทานอาหารคุณภาพดีมีประโยชน์  สอนการบ้านลูกหรือดูแลพ่อแม่วัยชราให้มีความสุข   ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษที่ได้ทั้งสุขภาพและประหยัดเงิน   จะเห็นได้ว่าเพียงมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าหรือเย็นแค่วันละ 1 - 2 ชั่วโมง  ก็สามารถช่วยเสริมคุณค่าให้กับชีวิตของเราได้มากขึ้นกว่าเดิม

4. ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์  ลดความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ

คนทำงานออฟฟิศในเมืองกรุงนอกจากจะทำงานกันหนักหน่วงแล้ว  ในแต่ละวันยังต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ  ตื่นออกจากบ้านแต่เช้าเพราะกลัวรถติดจะไปทำงานไม่ทัน  กว่าจะกลับถึงบ้านก็ทุ่มสองทุ่ม   แถมส่วนใหญ่ไม่ได้กินข้าวเช้าที่บ้านเพราะไม่มีเวลาเตรียม  ต้องฝากท้องไว้ที่ร้านสะดวกซื้อหรือแผงลอยริมทาง  อาหารเย็นกว่าจะได้กินก็เกือบ 2 ทุ่ม  จะอาบน้ำเข้านอนก็ปาไป 4-5 ทุ่ม  เรียกได้ว่าวันๆหนึ่งเหนื่อยทั้งกายและใจ   ทำให้หลายคนกลายเป็นโรคจากความเครียด  ทั้งโรคกระเพาะ  กรดไหลย้อน  นอนไม่หลับ  การได้ Work  from Home จึงเป็นการรีเซทวงจรชีวิตของคนออฟฟิศกันใหม่  ไม่ต้องเร่งรีบได้ผ่อนคลายความตึงเครียด  ช่วยฟื้นคืนสุขภาพให้กลับคืนมามีวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์  

5. เติมความรักความผูกพันในครอบครัว

ปกติคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว  มักมีภาระที่ต้องรับผิดชอบทั้งดูแลลูก  คู่สมรส  พ่อแม่สูงวัย ส่วนใหญ่จะได้เจอหน้าค่าตากันก็เฉพาะช่วงเช้ากับช่วงเย็นเท่านั้น  บางคนอาจไม่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำไป  เพราะออกจากบ้านแต่เช้าลูกหรือพ่อแม่ยังไม่ตื่น  กลับมาถึงลูกหรือพ่อแม่ก็นอนหลับแล้ว   การ  Work from Home ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้กระชับความสัมพันธ์ของคนภายในครอบครัว  มีเวลาได้ดูแลซึ่งกันและกัน  ทำกับข้าวให้กัน  แถมยังได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบระหว่างกัน  ถือเป็นการเติมความรักความผูกพันของทุกคนในครอบครัว

6.  ป้องกัน COVID-19  และหลีกเลี่ยง PM 2.5

ช่วงนี้ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งต้องพกหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเสมอ   เพื่อป้องกัน COVID-19  และ PM2.5  การ  Work  from Home เป็นโอกาสในการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจากการระบาดของ COVID-19 แถมยังได้ช่วยลดมลภาวะและไม่ต้องเจอฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย

7.  ประหยัดรายจ่าย

เวลาออกจากบ้านมักมีรายจ่ายเกิดขึ้นเสมอ ทั้งค่าเดินทาง  อาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว  ยิ่งสาวๆ ด้วยแล้ว  ยังมีค่าช้อปของใช้ส่วนตัวเพิ่มอีก  นับดูแล้วเกิดค่าใช้จ่ายต่อวัน  300 -1000 บาทเลยทีเดียว  การทำงานอยู่ที่บ้านเลยได้ลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปในตัว   นับเป็นโอกาสที่จะได้เก็บออมเงินในส่วนนี้เป็นหลักพันหลักหมื่นเลยทีเดียว 

 


จะเห็นได้ว่าการทำอยู่ที่บ้าน หรือ  Work from Home  มีข้อดีมากมายในช่วงเกิดวิกฤติแบบนี้  แต่ต้องไม่ลืมว่า   Work  from  Home  ไม่ใช้การพักผ่อน  ดังนั้น  จะต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน  มีความรับผิดชอบ  ตั้งแต่เวลาทำงาน  การผลิตผลงาน  รวมไปถึงการรายงานความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะๆ  ก็จะทำให้การ  Work from Home ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ผลสัมฤทธิ์ของงาน  และสามารถอยู่รอดปลอดภัยวิกฤติ COVID-19 ในครั้งนี้ได้