ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
7 ข้อดีเมื่อ Work from Home
เมื่อออฟฟิศประกาศให้พนักงาน Work from Home มีปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไปของเพื่อนร่วมงาน ส่วนใหญ่บอกว่าดีเพราะไม่อยากอยู่รวมกันกลัว COVID-19 บางคนชอบเพราะได้เปลี่ยนบรรยากาศ คนมีครอบครัวก็ดีใจจะได้ดูแลลูกในช่วงปิดเทอม คนโสดบอกเบื่อไม่ได้ออกจากบ้านแถมยังเปลืองค่าไฟอีกต่างหาก ไม่ว่าจะมีปฏิกิริยากันแบบไหน เท่าที่สังเกตในช่วงแรกส่วนใหญ่จะชอบมากกว่าเพราะไม่ต้องตื่นออกจากบ้านแต่เช้า แต่พอนานๆ เข้ากลับพบว่าทำงานที่ออฟฟิศสะดวกสบายกว่ามาก เพราะมีอุปกรณ์ครบ จะติดต่อประสานงานหรือนัดประชุมกับใครก็ทำได้รวดเร็ว แถมยังมีสังคมได้พบปะพูดคุยเม้าท์มอยกับเพื่อนร่วมงาน แต่เมื่อเกิดวิกฤติการ Work from Home นับเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 หากมองในแง่ดีจะพบว่าการทำงานอยู่ที่บ้านก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน
1. พัฒนาคุณภาพงานเดิม เพิ่มเติมผลงานใหม่
เวลาทำงานในออฟฟิศ เคยสังเกตตัวเองมั้ยว่าในแต่ละวันเราใช้เวลาไปกับเรื่องอะไรบ้าง ตอนเช้าตอบไลน์เจ้านาย ตอบอีเมลคนในออฟฟิศ ตอนสายถึงบ่ายเข้าประชุมวันละ 2-3 มีทติ้ง ระหว่างวันรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา เวลาที่เหลือได้เนื้องานไปจริงๆ มีแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ขาดโฟกัสในการทำงานเพราะต้องเร่งรีบปั่นงานให้เสร็จ จะเห็นได้ว่าเวลาที่จะคิดพัฒนาคุณภาพงานเดิมให้ดีขึ้นหรือสร้างสรรค์งานใหม่แทบจะไม่มีเลย แต่ถ้า Work from Home สามารถโฟกัสงานได้มากกว่า มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่กว่าเพราะได้ออกจากสภาพแวดล้อมและกรอบเดิมๆ จึงเป็นโอกาสที่ชาวออฟฟิศจะได้พัฒนาคุณภาพของงานและมีเวลาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้น
2. ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งเรื่องงาน & เรื่องส่วนตัว
ทุกวันนี้มีแอพพลิเคชั่นช่วยให้สามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ทั้งแอพประชุมออนไลน์ วางแผนงาน รวบรวมข้อมูล วางไอเดีย ส่งเอกสารส่งงาน หรือแม้กระทั่ง Screen Sharing ก็ทำได้รวดเร็ว ซึ่งปกติการทำงานในออฟฟิศอาจไม่ได้ใช้แอพพวกนี้บ่อยนัก ถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หากเวิร์คยังสามารถเอาไปต่อยอดที่ออฟฟิศต่อได้ นอกจากนี้เมื่อต้องทำงานอยู่บ้านบางครั้งเราขี้เกียจออกจากบ้าน ลองมาทดลองใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งที่ทุกวันนี้มีฟังก์ชั่นเพิ่มมากมาย นอกเหนือจากฝาก-โอน-จ่าย ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เช่น ซื้อประกัน, ขอสินเชื่อ , ซื้อกองทุน, บริจาค ก็ทำได้ง่ายผ่าน SCB Easy App หรือหากต้องหาอาหารกินเองอาจทดลองใช้แอพสั่งอาหารเจ้าต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย ถือว่าเป็นโอกาสในการอัพเดทแอพใหม่ๆ เพื่อเพิ่มสกิลในการทำงานและการใช้ชีวิตของตัวเอง
3. มีเวลาส่วนตัวเพิ่ม เสริมคุณค่าให้ชีวิต
แน่นอนว่าทำงานอยู่ที่บ้านไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าทำให้มีเวลาส่วนตัวหรือเวลาให้กับครอบครัวก่อนที่จะเริ่มทำงานหรือหลังเลิกงาน อย่างน้อย 1 - 2 ชั่วโมง ไม่ว่าจะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี อ่านหนังสือพัฒนาศักยภาพตัวเอง นั่งสมาธิผ่อนคลายจิตใจให้มีสติ ทำความสะอาดหรือจัดระเบียบบ้านให้เข้าที่เข้าทาง คนมีครอบครัวแล้วก็มีเวลาทำกับข้าวให้ลูกน้อยได้ทานอาหารคุณภาพดีมีประโยชน์ สอนการบ้านลูกหรือดูแลพ่อแม่วัยชราให้มีความสุข ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษที่ได้ทั้งสุขภาพและประหยัดเงิน จะเห็นได้ว่าเพียงมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าหรือเย็นแค่วันละ 1 - 2 ชั่วโมง ก็สามารถช่วยเสริมคุณค่าให้กับชีวิตของเราได้มากขึ้นกว่าเดิม
4. ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ลดความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ
คนทำงานออฟฟิศในเมืองกรุงนอกจากจะทำงานกันหนักหน่วงแล้ว ในแต่ละวันยังต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ตื่นออกจากบ้านแต่เช้าเพราะกลัวรถติดจะไปทำงานไม่ทัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ทุ่มสองทุ่ม แถมส่วนใหญ่ไม่ได้กินข้าวเช้าที่บ้านเพราะไม่มีเวลาเตรียม ต้องฝากท้องไว้ที่ร้านสะดวกซื้อหรือแผงลอยริมทาง อาหารเย็นกว่าจะได้กินก็เกือบ 2 ทุ่ม จะอาบน้ำเข้านอนก็ปาไป 4-5 ทุ่ม เรียกได้ว่าวันๆหนึ่งเหนื่อยทั้งกายและใจ ทำให้หลายคนกลายเป็นโรคจากความเครียด ทั้งโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน นอนไม่หลับ การได้ Work from Home จึงเป็นการรีเซทวงจรชีวิตของคนออฟฟิศกันใหม่ ไม่ต้องเร่งรีบได้ผ่อนคลายความตึงเครียด ช่วยฟื้นคืนสุขภาพให้กลับคืนมามีวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์
5. เติมความรักความผูกพันในครอบครัว
ปกติคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มักมีภาระที่ต้องรับผิดชอบทั้งดูแลลูก คู่สมรส พ่อแม่สูงวัย ส่วนใหญ่จะได้เจอหน้าค่าตากันก็เฉพาะช่วงเช้ากับช่วงเย็นเท่านั้น บางคนอาจไม่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำไป เพราะออกจากบ้านแต่เช้าลูกหรือพ่อแม่ยังไม่ตื่น กลับมาถึงลูกหรือพ่อแม่ก็นอนหลับแล้ว การ Work from Home ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้กระชับความสัมพันธ์ของคนภายในครอบครัว มีเวลาได้ดูแลซึ่งกันและกัน ทำกับข้าวให้กัน แถมยังได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบระหว่างกัน ถือเป็นการเติมความรักความผูกพันของทุกคนในครอบครัว
6. ป้องกัน COVID-19 และหลีกเลี่ยง PM 2.5
ช่วงนี้ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งต้องพกหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเสมอ เพื่อป้องกัน COVID-19 และ PM2.5 การ Work from Home เป็นโอกาสในการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจากการระบาดของ COVID-19 แถมยังได้ช่วยลดมลภาวะและไม่ต้องเจอฝุ่น PM 2.5 อีกด้วย
7. ประหยัดรายจ่าย
เวลาออกจากบ้านมักมีรายจ่ายเกิดขึ้นเสมอ ทั้งค่าเดินทาง อาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ยิ่งสาวๆ ด้วยแล้ว ยังมีค่าช้อปของใช้ส่วนตัวเพิ่มอีก นับดูแล้วเกิดค่าใช้จ่ายต่อวัน 300 -1000 บาทเลยทีเดียว การทำงานอยู่ที่บ้านเลยได้ลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปในตัว นับเป็นโอกาสที่จะได้เก็บออมเงินในส่วนนี้เป็นหลักพันหลักหมื่นเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่าการทำอยู่ที่บ้าน หรือ Work from Home มีข้อดีมากมายในช่วงเกิดวิกฤติแบบนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า Work from Home ไม่ใช้การพักผ่อน ดังนั้น จะต้องมีระเบียบวินัยในการทำงาน มีความรับผิดชอบ ตั้งแต่เวลาทำงาน การผลิตผลงาน รวมไปถึงการรายงานความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะๆ ก็จะทำให้การ Work from Home ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ผลสัมฤทธิ์ของงาน และสามารถอยู่รอดปลอดภัยวิกฤติ COVID-19 ในครั้งนี้ได้