ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
Future of Workplace เมื่อโควิดทำให้ออฟฟิศไม่เหมือนเดิม
การมาของโควิดทำวิถีชีวิตของมนุษย์ออฟฟิศในโลกใบนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณธัญญา สุวรรณพงศ์ Design Director และคุณอนุลักษณ์ ศิวะบุตร Senior Design Manager จากบริษัท Gensler บริษัทที่ปรึกษาและออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลก ได้มาแชร์มุมมองในการปรับดีไซน์เพื่อรับมือหลังโควิด รวมไปถึงมุมมองต่อสถานที่ทำงานในอนาคตที่ขนาดใหญ่และใจกลางเมืองอาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป พร้อมเผยงานวิจัยประสบการณ์ Work from Home ช่วงโควิดที่มีนัยสำคัญต่อรูปแบบการทำงานในอนาคต
โควิดเปลี่ยนความหมายของที่ทำงานอย่างไร
จากการระบาดของโควิดหลายองค์กรให้พนักงาน Work from Home คุณธัญญา มองว่าช่วงโควิดทำให้ คำว่า “Work” แยกออกจาก “Place” ในแบบที่ทุกคนทั่วโลกได้รับผลกระทบพร้อมกัน เมื่อมีการ Work from Home ทำให้เกิดคำถามว่าจะได้กลับไปที่ทำงานเมื่อไหร่ จากนี้ไปวัฒนธรรมองค์กรจะเป็นอย่างไร องค์กรจะมีนโยบายเรื่องความปลอดภัยอย่างไร จากคำถามเหล่านี้ทำให้องค์กรต้องหาโซลูชั่นที่เหมาะสมในการเตรียมพร้อมให้พนักงานกลับเข้ามาที่ออฟฟิศอีกครั้ง ก่อนอื่นคุณธัญญาขอเล่าหลักการออกแบบออฟฟิศว่าประกอบด้วย 4 ข้อ คือ 1. แสงสว่าง (Daylight) 2. การเคลื่อนไหว (Movement) 3. ความเป็นอยู่ (Well-Being) และ 4.ปฎิสัมพันธ์ (Interactive)
โดยรูปแบบออฟฟิศในปัจจุบันมี 3 แบบ ได้แก่ 1.Agile Workplace คือ สถานที่ทำงานที่สร้างความคล่องตัว สามารถรวมตัวเป็นทีมเพื่อแชร์ไอเดีย หรือแยกออกเป็นทีมย่อยได้ 2.Activities Base Workplace (ADW) เป็นการออกแบบออฟฟิศให้พื้นที่ต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละฟังก์ชั่น ทำให้มีรูปแบบพื้นที่ใช้สอยหลากหลายตามวัตถุประสงค์ 3.Co-Working Space เป็นที่ทำงานที่มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่ม Startup เป็นการแชร์พื้นที่ทำงานกับ Startup รายอื่น ทำให้สามารถร่วมมือหรือแชร์ข้อมูลระหว่างกันได้
เหตุผลที่คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพึงพอใจ Work from Home
ในช่วงที่เกิดโควิดบริษัท Gensler ได้ออกแบบสอบถามพนักงานของบริษัทเกี่ยวประสบการณ์ในการ Work from Home โดยมีพนักงานตอบแบบสอบถามกลับมาถึง 78% ซึ่งคุณธัญญา ได้สรุปใจความสำคัญของผลงานวิจัยดังนี้ 68% ของพนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความพึงพอใจกับการ Work from Home เมื่อเปรียบกับภูมิภาคอื่นพบว่า มีความพึงพอใจสูงกว่ายุโรปและจีน เมื่อดูเป็นรายเมืองที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย มีความพึงพอใจมากที่สุด 91 % และน้อยที่สุด คือ โตเกียว ญี่ปุ่น 59%
เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่าสาเหตุที่พนักงานในแถบเอเชียแปซิฟิกมีความพึงพอใจสูง 96% ตอบว่าเพราะรู้สึกว่าได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้างาน และรู้ว่าหัวหน้างานคาดหวังอะไรจากพวกเขา 67% รู้สึกว่าการทำงานที่บ้านได้มีการกระจายอำนาจและทำให้มีผลงานที่ดีขึ้น 50% มองว่ามีความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวดีขึ้น โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่นจะมีความพึงพอใจมากกว่าคนที่มีลูกในวัยอื่นๆ
สำหรับเหตุผลที่ทำให้มีความพึงพอใจต่อการ Work from Home 3 อันดับแรก คือ 1. ประหยัดเวลาในการเดินทาง 2. มีความยืดหยุ่นในการทำงาน 3. การได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ในทางกลับกันเหตุผลที่ทำให้ไม่พึงพอใจต่อการ Work from Home เพราะ 1. การขาดสังคม ขาดการปฎิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล คิดถึงเพื่อนร่วมงาน 2. การขาด Work Life Balance เพราะไม่สามารถแบ่งแยกการทำงานกับการพักผ่อนออกจากกันได้เด็ดขาด 3. ขาดการจัดสภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับทำงาน นอกจากนี้ผลวิจัยยังระบุว่า ความพึงพอใจในการ Work from Home จะสูงมากขึ้นหากมีอุปกรณ์หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม ดังนั้นองค์กรที่มีนโยบายที่จะให้พนักงาน Work from Home จะต้องจัดหาหรืออำนวยความสะดวกในเรื่อง Facilities ช่วยการทำงานให้สะดวกและเหมาะสม ก็จะทำให้ Work from Home มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ดีไซน์ออฟฟิศอย่างไรหลังโควิด
แน่นอนว่าหลังจากการคลายล็อคดาวน์ หลายออฟฟิศเริ่มให้พนักงานกลับเข้าไปทำงาน คุณอนุลักษณ์มองว่า เมื่อกลับไปแล้ว องค์กรควรดีไซน์พื้นที่ให้เหมาะสมกับ New Normal ดังนี้
1. จุดเข้าอาคาร
ทางเข้าจะต้องแยกระหว่างพนักงานกับผู้มาติดต่อ โดยมีจุด Check-In ตรวจวัดอุณหภูมิ มีไกด์ไลน์ในการทำระยะห่าง มีป้ายแจ้งบอกจุดป้องกันต่างๆ ในอาคาร
2. ออฟฟิศชั้นเดียว
มีมาตรการสำหรับการเข้ามาทำงาน จัดให้เดินทางเดียวไม่เดินสวนทางกัน มี Physical Distancing ไกด์ไลน์ มีป้ายบอกทางแจ้งว่าต้องเดินไปทางไหน และสร้างบรรยากาศในออฟฟิศให้พนักงานรู้สึกว่าปลอดภัย
3. ออฟฟิศมากกว่าหนึ่งชั้น
ให้ใช้บันไดหนีไฟแทนการใช้ลิฟต์เพื่อลดการสัมผัส มีป้ายสื่อสารเส้นทางเดินที่ชัดเจน
4. ที่นั่งในออฟฟิศ
จัดให้นั่งแยกห่างกันหรือนั่งเฉียงโดยไม่เผชิญหน้าตรงๆ มีการจัดเว้นระยะห่างส่งผลให้ที่นั่งไม่เพียงพอเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นต้องมีแผนการแบ่งกลับเข้ามาทำงาน ในกรณีที่แชร์โต๊ะทำงานต้องทำความสะอาดสม่ำเสมอ หรือมีป้ายแจ้งเตือนให้ทำความสะอาด หรือแจ้งว่าโต๊ะนี้ได้ทำความสะอาดไปแล้วเมื่อไหร่ เพื่อให้พนักงานเกิดความมั่นใจ
5. ห้องที่มีลักษณะปิด
เช่น ห้องทำงานส่วนตัว ห้องประชุม ต้องเปิดประตูให้อากาศถ่ายเท ห้องประชุมจะต้องรักษาระยะห่างไม่นั่งติดกัน และควรมีระบบเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการประชุมออนไลน์
6. ห้องครัว
จะต้องรักษาระยะห่างในการทานอาหาร ไม่แชร์อาหาร และจัดเก้าอี้นั่งให้น้อยลง รวมถึงมีมาตรการทำความสะอาดเพิ่มขึ้น
7. ควรจัดให้มีพื้นด้านนอกที่เปิดโล่ง
เพื่อให้พนักงานมีพื้นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ แต่ต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างเช่นเดียวกัน
คุณธัญญากล่าวเสริมว่า สิ่งสำคัญเวลาที่คนกลับเข้าไปทำงานพออยู่ร่วมกันก็อาจจะหลงลืม ควรมีป้ายแจ้งเตือนให้รักษาระยะห่าง บอกเส้นทางเดิน ย้ำเตือนเรื่องสุขอนามัยซึ่งเรื่องทำได้ทันที แต่ต้องออกแบบโดยใช้ข้อความที่สร้างรอยยิ้ม ไม่ทำให้พนักงานเกิดความกลัวหรือเครียด ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้เรื่องของการดีไซน์พื้นที่
Work from Home แล้ว ทำไมยังต้องมีออฟฟิศ
องค์กรชั้นนำของโลกหลายแหล่งเริ่มให้พนักงาน Work from Home แบบถาวร เช่น Facebook หรือ Twitter เมื่อถามว่าถ้าหากเทรนด์นี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อไปในอนาคตยังจำเป็นจะต้องมีออฟฟิศอยู่หรือไม่ คุณอนุลักษณ์ มองว่า การมีออฟฟิศยังมีความจำเป็นอยู่เพราะ 1. เป็นการรักษาวัฒนธรรมขององค์กร วัฒนธรรมองค์กรเป็นการแสดงให้เห็นถึงค่านิยม ความรู้ ความคิด เทคโนโลยี ตลอดจนสิ่งที่องค์กรสั่งสมมา รวมถึงความเชื่อถือ ศรัทธาร่วมกันของคนในองค์กร 2. เป็นการรักษาความสัมพันธ์ (Engagement) ของคนในชุมชนทั้งในและนอกองค์กร 3. ดูแลเรื่องการให้บริการลูกค้า และจากงานวิจัยของ Gallop พบว่า คนที่ทำงานด้วยกันถ้าเป็นเพื่อนกัน ผลของงานหรือประสบการณ์ทำงานจะออกมาดีมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการที่คนมีความผูกพันในลักษณะฉันท์เพื่อนจะส่งผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพดีกว่าการไม่มีความผูกพันกันเลย ฉะนั้นการมีออฟฟิศเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสได้ไปพบปะพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันยังเป็นสิ่งที่องค์กรจะต้องมีอยู่ต่อไป
Future of Workplace หน้าตาจะเป็นอย่างไร
เมื่อมองว่าออฟฟิศยังจำเป็นสำหรับองค์กร แล้วในอนาคตออฟฟิศจะต้องมีหน้าตาเป็นอย่างไร คุณอนุลักษณ์มองว่าในอนาคตจะต้องมีลักษณะดังนี้ 1. The New Neighborhood : จะต้องสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ใช้งานได้หลากหลายตามลักษณะงาน ต้องมีความยืดหยุ่น มีพื้นที่ขนาดเล็ก 2. Meet Market : เมื่อคน Work from Home มากขึ้นทำให้องค์กรจะต้องมี Connection Point หรือจุดให้คนกลับมาที่ออฟฟิศเพื่อประชุมหรือพบปะพูดคุยกัน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมีจุดเดียว แต่มีหลายจุดที่ให้พนักงานสามารถเลือกเข้ามาที่ออฟฟิศได้สะดวก 3. Digital Wonderland : ในอนาคตออฟฟิศต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กรให้สอดคล้องกับ New Normal และใช้ร่วมกับการทำงาน ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ช่วยให้การทำงานดีมากขึ้น เช่น การนำเทคโนโลยีมาช่วยในเรื่องลดการสัมผัส เช่น การเปิดประตูด้วยระบบ Facial Recognition หรือการใช้ Wi-Fi ในการปรับระดับของแอร์หรือไฟฟ้า เป็นต้น
คุณธัญญา กล่าวเสริมอีกว่า ในอนาคตการดีไซน์พื้นที่ใช้สอยจะต้องสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่หรือแบ่งโซนได้ทันทีเช่นในกรณีที่เกิดโรคระบาดก็สามารถปิดเฉพาะโซนได้ และออฟฟิศจะกลายเป็น Destination ที่ทำให้คนอยากไปทำงาน ไม่ใช่แค่ที่ที่จำเป็นจะต้องไป ออฟฟิศจะทำให้การกลับไปของพนักงานมีความหมายมากขึ้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าหลังโควิดหลายๆ องค์กรจะเอารูปแบบการ Work from Home มาใช้อีกแน่นอน
ก่อนจากกันเมื่อถามว่าออฟฟิศที่มีคนทำงานหลากหลายวัยต้องดีไซน์อย่างไร คุณธัญญามองว่าการดีไซน์พื้นที่ต้องมีทางเลือกให้คนแต่ละเจนเนอร์เรชั่น สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ทำ ไม่ใช่ออกแบบอย่างเดียวแล้วใช้ได้ทุกอย่าง (One Desk Fix All) ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่ล้าสมัยแล้ว ขณะที่คุณอนุลักษณ์มองว่าออฟฟิศในอนาคตจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะได้รับบทเรียนจากโควิด ทำให้ต้องเตรียมรับมือด้วยการนำเทคโนโลยีมาเสริมเรื่องการบริหารจัดการอาคาร ดังนั้นการดีไซน์ในอนาคตไม่ใช่แค่เรื่องการวางพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมตามลักษณะงานเท่านั้น ยังต้องคำนึงถึงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน การเป็นสถานที่ที่ทำให้พนักงานอยากเข้ามาทำงาน และที่สำคัญยังต้องคำนึงถึงเรื่องสุขอนามัยและการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย.
ติดตามดู LIVE SCBTV Future of Workplace: เมื่อโควิดทำให้ออฟฟิศไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป - ที่นี่ -
ที่มา : LIVE SCBTV Future of Workplace: เมื่อโควิดทำให้ออฟฟิศไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดย คุณธัญญา สุวรรณพงศ์ Design director และคุณอนุลักษณ์ ศิวะบุตร Senior Design Manager จากบริษัท Gensler ออกอากาศทาง Facebook SCB Thailand วันที่ 3 มิถุนายน 2563