เตรียมตัวสูงวัยให้ครบเครื่องทุกรสชาติ

ทุกคนเกิดมามักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนและทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ วิ่งวุ่นเหมือนหนูถีบจักรเกือบทั้งชีวิต ก่อนจะมารู้สึกเคว้งคว้างอีกทีหลังเกษียณ แต่ชีวิตเราไม่ได้เดินทางมาไกลเพื่อพบปลายทางที่ไร้ค่าขนาดนั้น หากวางแผนและปรับกลยุทธ์ระหว่างทางก่อนเข้าช่วงบั้นปลายไว้ดีพอ ลุยเตรียมวัตถุดิบเพื่อรอปรุงรสชาติของชีวิต ที่เกิดมาครั้งหนึ่งต้องมีสีสัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนบทบาทไปอย่างไรก็ตาม


1. เตรียมตัวกายและใจให้พร้อม


มีตัวอย่างให้เห็นมากต่อมา สำหรับคนที่สุขภาพร่างกายดีเว่อร์แต่ก็ยังไม่พ้นโรคภัย ยิ่งใครลุยงานหนักประหนึ่งแข่งกีฬาโอลิมปิกจนระหว่างทาง จนลืมใส่ใจร่างกายและจิตใจ ยิ่งเสี่ยงเผชิญความป่วยเรื้อรังในยามสูงวัยแน่นอน รวมถึงจิตใจอาจเหี่ยวเฉาได้ง่าย เมื่อถึงวันที่ไม่ได้ทำงานเหมือนเดิม


2. อย่าพลาดทำเรื่องสนุก จะได้ไม่เสียดายชีวิต


เราควรใช้สิทธิความสนุกสนาน ทั้งในการทำงานและใช้ชีวิต ได้พักผ่อนชาร์จแบตเติมพลังงานใจให้เต็มที่ อะไรอยากทำอย่ารอไปปลดปล่อยแค่ช่วงสุดท้ายของชีวิตเท่านั้น เพราะกิจกรรมบางอย่างอาจหมดแรงตอนอายุมากแล้ว เช่น การปีนเขา  การทำสวน เมื่อถึงเวลาต้องเกษียณตัวเองออกมาอยู่บ้าน อาจทำได้เพียงแค่รู้สึกเสียดายว่า ทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนยังเป็นหนุ่มสาว


3. อย่าใช้ร่างกายหนัก เพราะทุกอย่างไปแสดงผลตอนแก่


นกที่ตื่นเช้าบางทีไม่ได้หมายความว่าขยัน แต่เป็นเพราะนอนดูซีรีส์หรือปาร์ตี้ดึก พอจรดเช้ามืดก็ออกไปทำงานเลย หรือการทำงานหนักเกิน 10 ชั่วโมงต่อวันเพราะอยากเป็นเพอร์เฟ็กต์ชั่นนิสต์ ซึ่งในช่วงอายุยังน้อยร่างกายอาจยังไหว แต่หากโหมใช้ร่างกายหนักต่อเนื่อง มักเพิ่มโอกาสบ่มเพาะโรคที่พร้อมปะทุทันทีเมื่อร่างกายอ่อนแอโดยเฉพาะอายุ 30 ปีขึ้นไป ถ้าไม่อยากเห็นตัวเองโอดโอยตอนแก่หรือมีโรครุมเร้า ก็จงใช้ร่างกายให้สอดคล้องกับจังหวะชีวิตดีกว่า

1864025017

4. ครอบครัวคือความมั่นคงทางใจ


เราต่างเลือกเกิดและไม่สามารถปฏิเสธการเป็นสมาชิกของครอบครัวได้ และเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนล้วนมีส่วนผสมดีและไม่ดี ดังนั้นอย่าไปยึดมั่นถือมั่นมาก ปล่อยวางแล้วหาวิธีสานสัมพันธภาพระหว่างครอบครัวให้มั่นคงในระยะยาวดีที่สุด เพราะในวันที่คุณเจ็บป่วย อ่อนแอจากการงานหรืออ่อนไหวจากสังคมมา เชื่อเถอะว่าพวกเขานั่งฟังคุณระบายและเป็นที่พึ่งพิงได้เสมอ


5. ฝึกกินอาหารเป็นยา


การฝึกกินอาหารในแต่ละมื้อให้เป็นยา เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี โดยเฉพาะการดูแลให้แต่ละมื้ออาหารมีส่วนผสมของสมุนไพร จำกัดการกินพวกแป้ง น้ำตาล หรือไขมัน ให้เหลือแต่ในระดับเหมาะสมกับที่ร่างกายต้องนำไปใช้ ถือเป็นการเก็บแต้มสะสม ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดีกว่าไปกินยาเป็นอาหารแทนเมื่ออายุมากขึ้น


6. เพื่อนไม่ต้องเยอะ แต่เน้นคุณภาพ


มีเพื่อนแท้แค่หนึ่งคนก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว เพราะเพื่อนแท้คือคนที่กล้าพูดความจริง ดุ ด่า ว่ากล่าว มักพร้อมยื่นมือมาให้ในช่วงที่เจอทุกข์มากกว่าสุขเสมอ ถ้าใครยังหาเพื่อนแท้สักคนไม่ได้ โปรดจงพิจารณาและปรับปรุงตัวด่วน เพราะเท่ากับคุณไม่มีกองหนุนเสริมทางใจเลย คิดดูเถิดว่าเมื่อถึงบั้นปลายชีวิตจะเศร้าเหงาหงอยขนาดไหน


7. หัดอยู่คนเดียวให้ได้


เราต่างเกิดมาคนเดียว บทจะไปก็ต้องไปคนเดียว แถมไม่มีใครรู้ว่าวาระสุดท้ายนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร การมีครอบครัว คู่ชีวิต หรือการผูกพันทางจิตใจกับใครอาจเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ควรตระหนักเสมอว่าสิ่งเหล่านี้ไม่จีรัง การเริ่มฝึกคิดพร้อมวางแผนรับมือการอยู่คนเดียวให้ได้ จึงเป็นสิ่งที่ควรคิดเผื่อไว้ หากเกิดอุบัติเหตุทางชีวิตขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สิ่งนี้จะเป็นฐานที่มั่นให้ตัวเองตั้งหลักได้เร็ว และใช้ชีวิตอย่างแข็งแกร่งตามลำพังได้ต่อไป

8. ฝึก 4 Smart สมาร์ทให้ตัวเองเสมอ


“ไม่ล้ม ไม่ลืม ไม่ซึมเศร้า และกินข้าวอร่อย” เริ่มจาก Smart Walk ที่ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อร่างกายแข็งแรง Smart Brain คือ การดูแลฝึกฝนทักษะทางสมองเพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม Smart Sleep & Emotional คือ ควรนอนหลับอย่างเพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมง เลี่ยงการกินอาหารและออกกำลังกายก่อนนอน เพราะจะทำให้นอนไม่หลับและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าตามมา และ Smart Eat คือการกินอาหารอย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการ  ครบ 5 หมู่


9. การไม่มีหนี้ยามแก่ ย่อมเป็นลาภอันประเสริฐ


ตั้งแต่ทำงานหากมีหนี้ก็ควรวางแผนบริหารจัดการหนี้ให้ดี ยิ่งอายุน้อยก็ควรจัดลำดับการสร้างหนี้ที่จำเป็น ตั้งเป้าหมายมีเท่าไรต้องรีบจบให้ไว เพราะยังดีกว่าสะสมหนี้เป็นดินพอกหางหมู พอแก่ตัวไปก็ยังต้องทำงานใช้หนี้ เป็นภาระที่แม้จะเหนื่อยแสนเข็ญแค่ไหนก็หยุดไม่ได้ การสางหนี้ให้จบหรือเหลือให้น้อยที่สุดก่อนเกษียณ ถือเป็นสวรรค์ของคนสูงวัยโดยแท้
 

10. วางแผนการเงินสร้าง Passive Income


หากมีการวางแผนการเงินที่ดี หลังเกษียณแล้วไม่ได้หมายความว่ารายได้จะหมดไป นอกเหนือจากเงินออมที่เก็บอยู่ในบัญชี การมี Passive Income จากการลงทุนต่างๆ เช่นกองทุนรวม หุ้นกู้ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ จะช่วยให้ชีวิตหลังการใช้จ่ายไม่ต้องตึงเครียดจนเกินไป และหากทำ ประกันที่จะได้รับเงินก้อนตอนอายุ 60 ปี ตั้งแต่ตอนทำงาน ตอนที่ยังไม่เกษียณก็สามารถนำเบี้ยที่จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ เมื่อเกษียณแล้วก็จะได้รับเงินคืนตามอายุที่กำหนด แล้วยังได้ความคุ้มครองชีวิต กรณีที่ผู้เอาประกันจากไปก่อนวัยอันควร โดยสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้ตามที่ต้องการ


10 ข้อที่กล่าวมาจะไม่เกิดผลหรือมีประโยชน์เลย หากไม่ได้เริ่มนับหนึ่งลงมือคิดและทำ หากปฏิบัติตามได้เมื่อไร มั่นใจได้เว่าเราจะกลายเป็นคนสูงวัยที่ครบเครื่องทุกรสชาติ จนไม่ต้องนึกเสียดายอะไรเลย


ที่มา
https://urbancreature.co/aging-society-overview/
https://multimedia.anamai.moph.go.th/ebooks/hp-ebook_08_mini/