ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
FIRE สูตร (ไม่) ลับ ฉบับคนอยากมีอิสรภาพทางการเงิน
ถ้าถามว่าต้องการเกษียณตอนไหน เชื่อว่าทุกคนจะตอบว่า “ต้องการเกษียณเร็วที่สุด” อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ชีวิตวัยเกษียณมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ต้องมี “อิสระภาพทางการเงิน” ด้วย ซึ่งแนวคิดเรื่องการมีอิสรภาพทางการเงินให้ได้เร็วที่สุด เป็นเป้าหมายของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีคำเรียกว่า FIRE (Financial Independence Retire Early)
โดยกลุ่มคนดังกล่าวจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อทำให้ตัวเองมีอิสรภาพทางการเงินให้เร็วที่สุด คือ การบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของตัวเอง ส่วนเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายก็นำไปลงทุน โดยตั้งเป้าหมายการลงทุนเพื่อทำให้เกิดอิสรภาพทางการเงินให้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 10 ปี หรือ 20 ปี เป็นต้น โดยเทคนิคความสำเร็จของ FIRE มีดังนี้
1.วางแผนค่าใช้จ่าย
โดยจะสะกดรอยเงินของตัวเองด้วยการใส่ใจในรายละเอียด คือ การจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เช่น รายสัปดาห์หรือรายเดือน โดยจะแบ่งค่าใช้จ่ายเป็น 3 ประเภท
ค่าใช้จ่ายคงที่ คือ ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนทุกเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือเงินกู้ เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายผันแปร คือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีความแน่นอนในแต่ละเดือน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ช้อปปิ้ง ค่าทานอาหารนอกบ้าน ค่าสังสรรค์ ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายเพื่อการออมและลงทุน คือ ค่าใช้จ่ายที่ต้องกันเอาไว้ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำไปออมและลงทุนตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เช่น เงินออมเพื่อดาวน์บ้าน แต่งงาน หรือเงินลงทุนเพื่อวัยเกษียณ เป็นต้น
โดยถ้ารู้ว่าค่าใช้จ่ายไหนที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตก็จะทำการตัดออกทันที ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ตัดออกได้ง่ายที่สุด คือ ค่าใช้จ่ายผันแปรที่ไม่จำเป็น เช่น ช้อปปิ้ง ค่าทานอาหารนอกบ้าน ค่าสังสรรค์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันจะพยายามก่อหนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะใช้อัตราส่วนภาระหนี้สินต่อรายได้เป็นตัวกำหนด คือ ภาระหนี้สินต่อรายได้ต้องไม่เกิน 35% เช่น รายได้เดือนละ 20,000 บาท ภาระผ่อนหนี้สินในแต่ละเดือนก็ไม่ควรเกิน 7,000 บาท
2.การหารายได้เสริม
นอกจากจะเน้นการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ก็ต้องหารายได้เสริมเข้ามาอีกด้วย โดยจะใช้ความถนัดที่ตัวเองมีอยู่ในการสร้างอาชีพ และเมื่อมีรายได้เข้ามาก็จะนำไปลงทุน เพื่อให้เกิดอิสรภาพทางการเงินให้เร็วที่สุด
สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการ FIRE มากที่สุด
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเมินว่ามี 4 กลุ่ม ได้แก่
1.รู้หา คือ กลุ่มที่รู้วิธีใช้ความสามารถของตัวเองในการหารายได้ ยิ่งมีรายได้สูงขึ้น ส่งผลให้มีมีเงินออมและการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย
2.รู้เก็บ คือ กลุ่มที่มีการแบ่งรายได้มาลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นการสร้างวินัยทางการเงิน ทำให้ฐานของเงินลงทุนขยายตัวเพิ่ม เพื่อรองรับการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต
3.รู้ใช้ คือ กลุ่มที่ใช้จ่ายเงินในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น เพื่อให้รายได้ที่คงเหลือเป็นเงินลงทุนเพียงพอที่จะใช้ขยายฐานสร้างความมั่งคั่งในอนาคต
4.รู้ขยายดอกผล คือ กลุ่มที่มีแนวคิดลงทุนดีกว่าไม่ลงทุน และเรียนรู้ว่าเงินลงทุนมีทางเลือกอะไรบ้างที่จะนำไปขยายผลให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ที่สำคัญจะเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆ ยิ่งมีโอกาสทำให้เกิดอิสรภาพทางการเงินเร็วยิ่งขึ้น
อิสระภาพทางการเงิน เป็นเป้าหมายของทุกคน แต่การที่จะทำได้ก็ต้องมีวินัยทางการเงิน ทั้งการหารายได้และการบริหารค่าใช้จ่าย จากนั้นก็นำไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เกิดอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้นเท่านั้น