ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
คุณยายวัย 90 กับขนมโมจิที่ปรุงรสด้วยหัวใจ
ขนมที่อร่อยไม่ได้เกิดจากส่วนผสมชั้นเลิศหรือเคล็ดลับการปรุงเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ขนมอร่อยถึงใจคนทานก็เพราะคนทำบรรจงสร้างสรรค์แต่ละชิ้นด้วยหัวใจ มาพบกับเรื่องราวความหอมหวานของ Sasa-Mochi หรือ ขนมโมจิสูตรโบราณที่ห่อด้วยใบไผ่ซึ่งเป็นขนมคลาสสิคของญี่ปุ่น ที่หาทานที่ไหนไม่ได้ในโลกเพราะเป็นขนมที่ปรุงด้วยหัวใจของหญิงชราวัย 92 ปี Misao Kuwata ที่ใส่หัวใจและความปราณีตไปในทุกขั้นตอนจนเกิดเป็นขนมโมจิห่อใบไผ่ที่แป้งนุ่มลื่นอร่อยกลมกล่อมที่เธอทำอย่างพิถีพิถันจากทั้งสองมือด้วยทุกเรี่ยวแรงที่ยังมีของหญิงที่มีรอยยิ้มที่งดงามวัย 92 ปีคนนี้ ตามไปทานขนมโมจิของคุณยายกันค่ะ
ณ เมือง Kanagi เมืองชนบทเล็กๆ ในเขตจังหวัด Aomori เมืองทางเหนือสุดของญี่ปุ่น ที่มีผู้คนอาศัยประมาณ 8 พันคน ในทุกสัปดาห์ของฤดูร้อนคุณยายมิซาโอจะขี่จักรยานขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บใบไผ่เพื่อมาทำขนมโมจิสูตรโบราณ เธอกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ฉันรักที่นี่มันร่มรื่น ความเขียวขจีของต้นไม้ และเสียงนกที่ร้องเพลงให้ฉันฟัง” เธอจะเก็บใบไผ่ทีละใบครั้งละ 2-3 พันใบด้วยตัวเธอเองเพียงลำพัง เธอเก็บใบไผ่ที่มีคุณภาพดีที่สุดของปีแล้วเก็บมันไว้ใช้ตลอดปีโดยเลือกใบที่มีขนาดเหมาะสมและสภาพดีที่สุดเท่านั้น เพราะเมื่อหน้าหนาวมาเยือนที่นี่จะหนาวมากและไม่สามารถมีพืชชนิดใดโตได้เลย ดังนั้นผู้คนในเมืองจึงมีวิธีในการรักษาคุณภาพของพืชผักไว้กินตลอดปี
ขนมโมจิของคุณยายขึ้นชื่อว่ามีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุมลิ้นแทบจะละลายในปาก เธอกล่าวว่าการทำขนมโมจิสูตรโบราณนี้ใช้ทั้งเวลาและแรงกายอย่างมากเธอใช้สองมือทำเองคนเดียวตั้งแต่ต้นจนเสร็จเป็นโมจิที่ชาวเมืองต่างรอคอยที่จะลิ้มรส กรรมวิธีการทำขนมโมจิสูตรพิเศษของเธอเริ่มต้นด้วยการยกถุงแป้งข้าวเหนียวขนาดถุงละ 30 กิโลกรัม ไปผสมกับนม ส่วนผสมประกอบด้วยผงแป้งข้าวเหนียว ถั่วแดงบด น้ำตาลและนม เธอกวนผงข้าวเหนียวกับส่วนผสมนานเป็นชั่วโมง จนมันนุ่มลื่นเหมือนเส้นไหม หลังจากนั้นล่อนผงแป้งด้วยกระชอนอีกครั้งเพื่อให้เนื้อแป้งละเอียดลงอีก วิธีการผสมแป้งของเธอทำให้แป้งออกมานุ่มเหมือนกำมะหยี่ การผสมแป้งใช้เวลานานจนแป้งโมจิเหนียวนุ่มเนียนละมุม เธอกล่าวว่าเธอไม่ใช้ถุงมือเพื่อจะได้สัมผัสผิวของเนื้อแป้งว่าได้คุณภาพหรือยัง “แค่สัมผัสด้วยมือฉันก็บอกได้ทันทีว่าแป้งได้ที่แล้วหรือไม่” คุณยายกล่าว
การนำขนมโมจิไปให้ผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชราเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำขนมสุดพิเศษนี้ เธอเล่าว่า “วันนั้นหญิงชรา 2 คนที่บ้านพักคนชราเริ่มร้องไห้เมื่อได้ชิมขนมโมจิของเธอ หัวใจของฉันพองโต มันพูดไม่ออก ถ้าการทำขนมของฉันมันมีคุณค่ากับคนอื่นมากมายขนาดนี้ ฉันก็อยากทำมันตลอดไป” สำหรับเธอแล้วไม่ว่าขั้นตอนในการทำขนมโมจิสูตรโบราณนี้จะมีรายละเอียดมากและต้องใช้แรงกายมากแค่ไหน แต่เธอก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะทำให้ทุกคนที่ได้กินมีความสุข
ขั้นตอนต่อมาของการทำโมจิคือแป้งโมจิจะถูกนำไปนึ่ง เธอเล่าต่อว่ากว่าจะได้ขนมโมจิสูตรโบราณนี้มีขั้นตอนที่พิถีพิถันมาก แป้งจะถูกนึ่งเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่แป้งจะแข็งเกินไปแป้งโมจิร้อนๆ จะถูกปั้นด้วยสองมือของหญิงชรา หลังจากนั้นเธอบรรจงห่อแป้งโมจิด้วยใบไผ่ที่ต้องผ่านการล้างและเช็ดทำความสะอาดทีละใบ เธอบอกว่านอกจากใบไผ่จะหอมแล้วยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียอีกด้วย หลังจากแป้งโมจิถูกห่อด้วยใบไผ่จะนำไปนึ่งอีกประมาณ 1 นาทีเพื่อรักษาสีของใบไผ่และทำให้แป้งซึมซับความหอมละมุนของใบไผ่ด้วย เธอทำขนมโมจิ 300 ชิ้นด้วยตัวเองลำพัง อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหญิงชราวัย 92 ปี แต่เธอทำอย่างคล่องแคล่วเพราะเธอใส่ทั้งหัวใจและจิตวิญญาณลงไปในขนมโมจิทุกชิ้น แต่ละชิ้นถูกบรรจงเรียงลงบนโต๊ะเพื่อให้ขนมเซทตัว หลังจากนั้นขนมโมจิของเธอจะถูกนำไปวางขายที่ซุปเปอร์มาเก็ตในเมืองในราคาชิ้นละ 170 เยน และจำกัดให้ลูกค้าคนหนึ่งซื้อได้ไม่เกินห้าชิ้น ทุกครั้งที่วางขายพอร้านเปิดขนมโมจิของคุณยายมิซาโอขายจะขายหมดอย่างรวดเร็วแทบจะทันทีที่ร้านเปิดเพราะเป็นสินค้ายอดนิยมที่ชาวเมืองรอคอย ลูกค้าทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นขนมที่อร่อยไม่มีที่ติ เนื้อนุ่มและกลิ่นหอมอ่อนๆของใบไผ่ทำให้ขนมโมจินี้พิเศษมาก ทุกคนที่ได้ลิ้มลองขนมโมจิต่างยิ้มด้วยความสุข ในบางวันคุณยายไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตแล้วพูดคุยกับลูกค้าที่ซื้อขนมของเธอ “เมื่อฉันเห็นทุกคนมีความสุขกับการกินขนมโมจิของฉัน นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากทำมันมากขึ้นไปอีก” คุณยายกล่าวด้วยใบหน้าที่สุขใจ แต่กว่าจะนำความสุขไปส่งต่อให้ทุกคนเบื้องหลังนั้นคือการทำงานในครัวอย่างหนักเพียงลำพังของหญิงชราวัย 92 ปี
ในวัยเด็กคุณยายป่วยและต้องออกจากโรงเรียน แต่แม่ของเธอกล่าวกับเธอว่า “ถึงแม้ว่าลูกจะไม่ได้เกรดที่ดีจากโรงเรียน หรือไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ 10 นิ้วที่ลูกมีจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินชีวิต ใช้นิ้วมือทั้งสิบที่มีทำงานและชีวิตนี้ลูกจะไม่มีวันขาดเงิน” คุณยายมิซาโอกล่าวว่าทุกวันนี้เธอยังใช้ชีวิตตามคำสอนของแม่และมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคำสอนนั้นเป็นจริง หญิงชราในวัย 92 ยังใช้สิบนิ้วที่มีทำงานอย่างหนักเพื่อส่งมอบขนมโมจิแห่งความรักให้ทุกคนที่ได้ลิ้มลอง การทำงานด้วยใจมีความสุข ความภูมิใจกับงานที่ทำเป็นสูตรลับการสร้างความสุขในชีวิตและการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงในวัยใกล้ร้อยปี
อ้างอิง