ชมฟูจิซังแบบเต็มอิ่ม ในจังหวัดบ้านเกิดฟูจิ@ชิซูโอกะ

ฟูจิซังจ๋าอย่าขี้อาย ขอให้ฉันเห็นเธอชัดๆ สักครั้ง…MT. Fuji หนึ่งในไอคอลนิคของญี่ปุ่นที่ผู้มาเยือนหวังจะได้เห็นความงามของภูเขาที่สวยติดอันดับโลก และยังเป็นยอดเขาที่ใหญ่และสวยงามที่สุดของแดนอาทิตย์อุทัยแบบไม่มีเมฆมาบดบังสักครั้งหนึ่ง


เมื่อพูดถึงสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมภูเขาไฟฟูจิหลายคนมักจะนึกถึง 5 ทะเลสาบที่ล้อมรอบฟูจิ โดยทะเลสาบที่ฮิตที่สุดคือ Kawaguchiko แต่วันนี้เราจะพาคุณไปชมฟูจิซังในอีกมุม ที่จังหวัดบ้านเกิดของฟูจิซังกันที่ชิซูโอกะ (Shizuoka) เมื่อเป็นจังหวัดบ้านเกิดแน่นอนว่าในวันที่ฟ้าเป็นใจคุณจะได้เห็นฟูจิใหญ่ยักษ์ในความรู้สึก เหมือนใกล้แค่เอื้อมเลยทีเดียว


ชิซูโอกะไปยังไง?  จริงๆ แล้วชิซูโอกะ อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเลย ถ้านั่งรถไฟความเร็วสูงชิงกันเซ็ง (Shinkansen) ใช้เวลาเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นชิงกันเซ็งสาย Hikari ที่สถานีโตเกียว (Tokyo Station) แล้วยิงยาวต่อเดียวถึงชิซูโอกะกันเลย จะไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ แต่แนะนำให้ค้างสักสองคืนจะได้ชมฟูจิกันอย่างอิ่มเอม เผื่อวันไหนโชคร้ายฟูจิเกิดขี้อาย เรายังมีเวลาอีกวันไว้แก้มือ

fujisan7

จุดชมฟูจิซังในชิซูโอกะ มีอยู่หลายจุดทั้งแบบริมทะเล ริมทะเลสาบ ในเมือง หรือบนยอดเขา แต่วันนี้เราแนะนำจุดชมวิวฟูจิ 2 จุดที่เดินทางไปง่าย ยังไงก็ไม่หลง แถมวิวฟูจิสวยจับใจและตัวสถานที่เองก็เก๋ระดับติดดาว ที่แรกคือ Nihondaira Yume Terrace อีกที่คือ MT. Fuji World Heritage Centre


ไปลุยที่แรกกันก่อนเลยที่ Nihondaira  เริ่มต้นกันที่สถานีรถไฟหลักของชิซูโอกะ จากที่นี่เราจะขึ้นรถบัสสาย 42 สายเดียวนั่งตรงยาวขึ้นเขาถึงจุดชมวิวเลยด้วยค่ารถเพียงคนละ  570 เยน หรือแค่ประมาณ 160 บาท ระหว่างทางเราจะเริ่มเห็นฟูจิซังโผล่มาทักทายเรื่อยๆ ขอบอกว่ายังไม่ต้องรีบถ่ายรูป เก็นเมมโมรี่เก็บแบตเตอรรี่ของคุณเอาไว้เพราะวิวบนจุดชมวิวบนยอดเขานั้นเทพกว่าหลายเท่านัก ที่นี่สามารถเข้าไปเดินชมวิวฟูจิและเมืองชิซูโอกะได้แบบ 360 องศา แบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จะอยู่นานแค่ไหนเอาที่สบายใจกันเลย

ต้องบอกว่าพอขึ้นมาชั้นสามถึงกับลืมหายใจเพราะภาพฟูจิที่อยู่ตรงหน้านั้นสวยงามมาก ในวันที่ฟ้าใส ไม่มีเมฆบดบัง ฟูจิที่โดดเด่นด้วยหมวกสีขาวโพลน ตัดกับโค้งน้ำทะเลสีฟ้าระยิบระยับ (ผู้เขียนไปต้นเดือนธันวาคม)  เหมือนกับภาพที่เคยเห็นในโปสเตอร์ ภาพถ่ายจากกล้องมือถือสามารถสะท้อนความงามที่ตาเห็นได้เพียงแค่ 50% แต่ละมุมก็จะได้ภาพที่สวยงามต่างกันไป ที่สำคัญที่นี่ค่อนข้างกว้าง มีทั้งอินดอร์และระเบียงทางเดินรอบๆ คนจึงไม่แน่นไม่เบียดเสียด ทำให้หามุมถ่ายรูปได้ง่าย อยากได้มุมไหน แอ๊คไหนจัดไปไม่ต้องมารอคิวถ่ายรูป นอกจากนั้นตัวสถานที่เองมีความโดดเด่นจากการผสมผสานความเป็นโมเดิร์นแบบมินิมอลด้วยกระจกรอบด้านเข้ากับวัสดุไม้ซึ่งเข้ากับบรรยากาศโดยรอบอย่างกลมกลืน จุดชมวิวสุดเก๋แห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อดังที่สุด คนเดียวกับที่ออกแบบ Tokyo Olympics Stadium 2020 อีกด้วย เมื่อเต็มอิ่มกับฟูจิแล้วก็เดินกลับมาฝั่งตรงข้ามกับป้ายที่ลงรถมา แล้วขึ้นรถบัสสายเดิมกลับเข้าเมือง ทั้งฟรี ทั้งสะดวก เดินทางง่าย และวิวฟูจิระดับ 10 ดาวแบบนี้ จะพลาดไม่มาได้ยังไง

พร้อมหรือยังที่จะไปดูฟูจิใหญ่ยักษ์ เหมือนอยู่แค่มือเอื้อมที่เมือง Fujinomiya เมืองบ้านเกิดฟูจิ โดยจุดมุ่งหมายของเราคือ MT. Fuji World Heritage Centre เราจะเริ่มต้นที่สถานีรถไฟหลักที่ชิซูโอกะเช่นเดิม แต่คราวนี้จะนั่งรถไฟ JR หวานเย็น หรือรถไฟโลคอลสาย Minobu ไปกัน โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานี Fujinomiya ระยะเวลาเดินทางอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางเราจะเห็นฟูจิซังเป็นฉากหลัง ใครอยากถ่ายวิดิโอบนรถไฟแล้วเห็นฟูจิเคลื่อนตามไปตลอดทางก็จัดได้เลย พอถึงสถานีปลายทางจะมีป้ายบอกชัดเจนว่าจะเดินไป MT. Fuji World Heritage Centre ทางไหน แค่เดินตรงไปอย่างเดียวประมาณ 10 นาทีก็เจอเลย เพราะตั้งเด่นอยู่ริมถนน จากด้านหน้าอาคารจะเห็นฟูจิซังใหญ่ยักษ์ เป็นฉากหลังของบ้านเรือนผู้คนแถวนั้น เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าฟูจิซังได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนในเมืองนี้  สมแล้วที่บอกว่าเป็นบ้านเกิดของฟูจิซัง

ด้านหน้าตัวอาคารมีบ่อน้ำ เป็นอีกจุดที่ทุกคนต้องถ่ายภาพฟูจิสะท้อนอยู่ในน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมาก ยิ่งใกล้พระอาทิตย์ตกฟูจิยิ่งทวีความงาม หมวกสีขาวโพลนเปลี่ยนเป็นสีทองสุกสว่าง และเมื่อทุกอย่างรอบๆ ค่อยๆ มืดลงฟูจิดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่เปล่งประกายอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของยามพรบค่ำ เข้าใจคำว่า “มีออร่า” อย่างเห็นภาพก็วันนี้ ฟูจิยามอาทิตย์ลับขอบฟ้าช่างแจ่มกระจางไม่แพ้ดวงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนเดือนเพ็ญ


นอกจากความงามของฟูจิยักษ์ ตัวอาคารของที่นี่สวยงามโดดเด่นควรค่าแก่การมาเยือน และต้องบอกว่าเป็นอาคารที่ถ่ายรูปขึ้นมาก สวยทุกมุม อาคารนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังระดับต้นๆ ของญี่ปุ่นที่ตั้งใจอออกแบบให้อาคารเป็นรูปฟูจิคว่ำ เป็นการผสมผสานระหว่างความแข็งแรงของปูนเปลือย ความอ่อนโยนและความเป็นธรรมชาติของไม้ และความโปร่งสว่างของกระจก เป็นสถานที่ที่คุ้มค่าแก่การมาเยือน เพราะแค่ด้านนอกก็ทึ่งในความโดดเด่นแล้ว ด้านในยังมีเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิทั้งมิติด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ผู้ออกแบบช่างสร้างสรรค์ให้ผู้เข้าชมเหมือนกำลังเดินไต่ฟูจิซังไปเรื่อยๆ ชั้นบนสุดเป็นลานเปิดโล่ง เป็นจุดที่ถ่ายรูปคู่กับฟูจิได้เหมาะเจาะอีกจุดหนึ่ง ยืนแอ๊คท่าสวยๆ โดยมีฟูจิใหญ่ยักษ์เป็นฉากหลัง คุ้มค่ากับค่าเข้า 300 เยน หรือเพียงแค่ 80 บาท จริงๆ คุ้มแสนคุ้ม ยิ่งจ่ายด้วยบัตร SCB Planet ที่แลกเงินเยนไว้ล่วงหน้าตอนเรทดีๆ ยิ่งรู้สึกว่าคุ้มเข้าไปอีก

วันนั้นได้เต็มอิ่มกับฟูจิซังตั้งแต่เช้าจนค่ำ จากสว่างจนมืด จากมุมสูงไปจนเหมือนใกล้แค่เอื้อม Shizuoka เป็นอีกเมืองที่ไม่อยากให้สายญี่ปุ่นพลาด เพราะสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หลากหลาย โรงแรมราคาไม่แพง เดินทางสะดวกทั้งจากโตเกียว   นาโกย่าและโอซาก้า ตลอดทริปเราใช้บัตร SCB Planet ซึ่งแลกมาตอนเรทดี๊ดี ใช้คล่องไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้า ใครมีแผนจะไปญี่ปุ่นค่อยๆ ตามส่องเรทเงินเยนเอาไว้ ได้เรทถูกใจเมื่อไหร่ แลกเก็บไว้ใน SCB Planet ได้เลย แต่จะให้อุ่นใจขึ้นไปอีกหยิบบัตร SCB JCB ไปด้วยรับรองทุกทริปญี่ปุ่นสนุกไม่มีสะดุด