3 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้หมดเร็ว

บทความโดย :  นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®   นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร

เมื่อพูดถึงทรัพย์สิน สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ คือ บ้านและรถ เด็กจบใหม่เริ่มต้นทำงานก็มีความฝันอยากมีบ้าน มีรถ คนที่วางแผนสร้างครอบครัวก็อยากขยับขยายมีบ้านและรถที่ตอบโจทย์มากขึ้น การมีบ้านจึงเป็นความฝันของเกือบทุกคนเลยก็ว่าได้


แน่นอนว่าการมีบ้านที่ตอบโจทย์ความฝันนั้น ก็ต้องแลกมากับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะค่าผ่อนบ้าน ทำให้อาจไม่เหลือเงินออมและเงินลงทุนสำหรับเป้าหมายการเงินที่สำคัญอื่นๆ ดังนั้นหากเราสามารถลดภาระตรงนี้ได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะมีเงินเหลือเพื่อไปสร้างโอกาสการลงทุนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ในบทความนี้จึงอยากนำเสนอ 3 เคล็ดลับ ผ่อนบ้าน ให้หมดเร็ว

1. ลดระยะเวลาการผ่อนให้สั้นลง

เราสามารถทำได้โดยจ่ายค่าผ่อนบ้านต่อเดือนให้มากขึ้นอีก 30 – 50% หรือโปะเป็นเท่าตัวเลยหากทำได้ เช่น ถ้าเราต้องผ่อนบ้านต่อเดือนอยู่ที่ 10,000 บาทต่อเดือน ก็ให้โปะเพิ่มเป็น 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเทคนิคนี้จะทำให้เราผ่อนบ้านได้เร็วขึ้นจาก 30 ปีเหลือเพียง 9 – 10 ปีเท่านั้น แต่ถ้าหากเราไม่สามารถโปะได้มากขนาดนี้ เราอาจใช้วิธีผ่อนบ้านให้เร็วขึ้น เช่น จากเดิมเราต้องผ่อนบ้านทุกสิ้นเดือน เดือนถัดไปก็ลองเลื่อนวันให้เร็วขึ้นเป็นประมาณวันที่ 25 แล้วขยับวันผ่อนบ้านให้เร็วขึ้นทุก 5 วันไปเรื่อยๆ จะทำให้ทั้งปีคุณจะผ่อนบ้านไปทั้งสิ้น 14 งวด เท่ากับผ่อนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 17%  ซึ่งจะทำให้เราผ่อนบ้านได้เร็วขึ้นจาก 30 ปีเหลือเพียง 22 ปี และเมื่อมีเงินก้อน เงินพิเศษ เช่น เงินโบนัส เราก็อาจแบ่งเงินนั้นมาโปะบ้านเพิ่มเติมอีก ก็จะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นได้


2. รีบผ่อนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ

ในช่วง 3 ปีแรก เรามักได้รับข้อเสนอพิเศษจากสถาบันการเงินที่ปล่อย สินเชื่อ เช่น ดอกเบี้ย 0% ดอกเบี้ยคงที่ในระดับต่ำ ก็ให้รีบโปะในช่วงนี้ จะทำให้เงินที่เราผ่อน ไปลดยอดเงินต้นได้มากขึ้น ยอดหนี้บ้านของเราก็จะหมดเร็วขึ้น เพราะเมื่อเปลี่ยนไปเป็นช่วงดอกเบี้ยลอยตัว อาจทำให้ภาระดอกเบี้ยบ้านสูงขึ้น ก็จะทำให้ลดต้นได้น้อยลง ซึ่งเมื่อถึงช่วงนี้ เราจำเป็นที่จะต้องขอรีไฟแนนซ์ต่อนั่นเอง

3. ขอรีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอปรับอัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้านกับธนาคารเดิม (Retention)

การรีไฟแนนซ์ คือ การชำระเงินกู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดด้วยเงินกู้ใหม่ และใช้สินทรัพย์ตัวเดิมเป็นหลักประกัน โดยขอกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อนำไปปลดภาระเงินกู้เก่าที่มีอยู่ การทำรีไฟแนนซ์เป็นการสร้างสภาพคล่องของการใช้หนี้ เป็นการช่วยลดอัตราดอกเบี้ยโดยเฉพาะในกรณีที่คุณกำลังผ่อนบ้าน รถยนต์ หรือ คอนโด แล้วเกิดความขัดข้องฝืดเคืองด้านการเงิน อาจจะมีเรื่องฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน เกิดความขัดข้องผ่อนต่อไม่ได้ ทุนไม่พอ ดอกเบี้ยสูงขึ้น หรือ หมุนเงินไม่ทัน การรีไฟแนนซ์จะช่วยสร้างสภาพคล่องด้านการเงินให้คุณได้ ที่สำคัญเมื่อเราได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้เงินที่เราผ่อนบ้านต่อเดือนไปลดเงินต้นได้มากขึ้น ยอดหนี้บ้านของเราก็จะหมดเร็วขึ้น


โดยเมื่อคุณทำรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงิน ให้ดูที่รายละเอียดว่าดอกเบี้ยจากการรีไฟแนนซ์ควรต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้เดิมอย่างน้อย 2 - 3% โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการรีไฟแนนซ์บ้านไปอยู่กับสถาบันการเงินใหม่ จะต้องพิจารณาว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์และค่าจดจำนองนั้น มีค่าน้อยกว่าค่าดอกเบี้ยที่เราประหยัดได้จากการรีไฟแนนซ์หรือไม่


การทำรีไฟแนนซ์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่รายละเอียด ข้อกำหนดเงื่อนไขของสถาบันการเงิน และ ผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับ หากคุณใช้เวลาสักนิด ใช้เวลาศึกษารายละเอียดด้านการเงินให้ถี่ถ้วน คุณจะได้รับผลประโยชน์จากการทำรีไฟแนนซ์อย่างแน่นอน


ดังนั้น การจะตัดสินใจซื้อบ้านในแต่ละครั้ง เราจึงควรศึกษาข้อมูล และ วางแผนการเงิน ของตัวเองให้เหมาะสมเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อบ้านจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง และความสามารถในการออมเงิน อันหมายถึงการทำลายความมั่นคงและมั่งคั่งในอนาคตของตัวคุณเอง