ติดโซล่าร์รูฟท็อปที่บ้าน ช่วยลดค่าไฟ ที่เหลือขายได้ กกพ.ประกาศสนับสนุน รับซื้อไฟฟ้าภาคประชาชนหน่วยละ 2.2 บาท

ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกชีวิต และค่าไฟก็เป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายทุกๆ เดือน ในภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ค่าแรงถูก ค่าใช้จ่ายเพื่อสาธารณูปโภคนี้ นับวันก็มีแต่จะมากขึ้นๆ ทำให้ความสนใจในการติดตั้งโซล่าร์รูปท็อปตามบ้านเรือน ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เป็นการมองไกลระยะยาว พึ่งตนเอง และยังสอดคล้องกับกระแสรักษ์โลก ที่นับวันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกที ที่สำคัญ การติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปนี้ ณ วันนี้ นอกจากช่วยลดค่าไฟแล้ว ยังสามารถขายไฟ สร้างรายได้เข้ากระเป๋าเราได้ด้วย 

electric1

เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้มติเห็นชอบประกาศการรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง ไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ โดยรับซื้อต่อเนื่อง สอดรับกำหนด เป้าหมายปีละ 10 เมกะวัตต์ โดยในแง่ของปริมาณการรับซื้อนั้น การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)  5 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 5 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อไฟฟ้าที่ 2.20 บาทต่อหน่วย ระยะเวลารับซื้อไฟฟ้า 10 ปี กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัญญา (SCOD) ภายใน 270 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

ซึ่งในการประกาศครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่องจากการดำเนินการในปี 2564 โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพื่ออำนวยความความสะดวกให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการโดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
 

(1) ไม่จำกัดเวลาการยื่นคำขอขายไฟฟ้า แต่ยังคงเน้นกระบวนการพิจารณาคำขอขายตามเวลาที่กำหนดและผู้เสนอขายไฟฟ้าส่วนเกินจะต้องดำเนินการติดตั้งและตรวจสอบระบบให้แล้วเสร็จ ภายใน 270 วัน นับจากวันลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และหาก ดำเนินการไม่ทันตามกำหนดให้ยื่นหนังสือถึงการไฟฟ้าแจ้งความพร้อม เพื่อขอขยายเวลาได้อีก 90 วันก่อนยกเลิกสัญญา


(2) กรณีคำขอขายไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพิจารณาในปี 2564 ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายแจ้งผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าดำเนินการ ต่อตามขั้นตอนตามประกาศฉบับนี้


(3) กรณีคำขอขายที่ผ่านการพิจารณาแล้วในปี 2564 และยังไม่ถูกยกเลิกให้การไฟฟ้าแจ้งผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้ามาลงนามสัญญา ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง


ซึ่งการส่งเสริมให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าใช้เองโดยติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปในบ้าน เพื่อบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า ส่วนที่เหลือก็สามารถนำมาขายได้นี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีความผันผวน และราคาแพงจากภาวะวิกฤตราคาพลังงานโลกด้วยอีกทางหนึ่ง