ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ลงทุนหุ้นอย่างเซียน
หากพูดถึงเซียนแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่าในระดับโลกต้องมีชื่อของวอร์เรน บัฟเฟตต์ แต่สำหรับประเทศไทยจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เผยแพร่แนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคนแรกของเมืองไทยและกลายเป็นไอดอลให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ได้ศึกษาวิธีการลงทุน ปัจจุบันนอกจากเป็นนักลงทุนผู้ช่ำชองยังเป็นคอลัมน์นิสต์เขียนบทความลงสื่อ เขียนหนังสือให้ความรู้เรื่องการลงทุนหลายสิบเล่ม นักแปลหนังสือ และเป็นแขกรับเชิญไปบรรยายเรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่าให้กับองค์กรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
กว่าที่จะเป็นเซียนหุ้นอย่างทุกวันนี้ ดร.นิเวศน์ เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนจนถึงอายุ 40 ปีก็ถูก lay-off วิกฤติจึงเป็นโอกาสให้ได้ศึกษาเรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่าจนเมื่อเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อตอนต้นปี พ.ศ. 2539 ดัชนีตลาดหุ้นสูงถึง 1,354 จุด จนลดลงเหลือ 373 จุด เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2540 จึงได้เริ่มต้นลงทุนเพราะมองเห็นโอกาสว่าราคาหุ้นบางตัวลดลงเยอะมาก และไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แถมกำไรและเงินปันผลกลับไม่ได้ลดลง โดยมีเงินทุนตั้งต้น 10 ล้านบาท และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเซียนลงทุนแบบเน้นคุณค่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดย ดร.นิเวศน์มีมุมมองในการลงทุนที่นักลงทุนรุ่นใหม่ควรนำไปศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ในการลงทุนดังนี้
3 สไตล์การลงทุน
1.ลงทุนในหุ้นโตเร็ว (Growth Investment)
เน้นการลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง นักลงทุนกลุ่มนี้จะเลือกหุ้นคุณภาพสูงและไม่ค่อยเกี่ยงเรื่องราคา แต่จะเน้นดูที่ผลกำไรและมีการเติบโตสูง และหุ้นกลุ่มนี้มักจะให้ผลตอบแทนคุ้มค่าคุ้มราคา
2.ลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment)
เน้นการลงทุนหุ้นที่ดีหรือมีโอกาสจะดี แต่กลับมีราคาตกต่ำลงมามากหรือเรียกว่าเป็นหุ้นที่ดีแต่ราคาถูก การซื้อหุ้นได้ในราคาถูกนี้ทำให้เป็นเกราะคุ้มกันที่ดีแม้ว่าในอนาคตราคาหุ้นอาจจะปรับขึ้นไปสูงแล้วและปรับตัวลดลงมา แต่เพราะว่าซื้อในทุนที่ต่ำจึงทำให้มี Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยอยู่ในระดับสูง
3.ลงทุนแบบเหวี่ยงแห (Passive Investment)
วิธีการลงทุนแบบนี้ก็คือการซื้อหุ้นกระจายไปหลายอุตสาหกรรมหรือถ่วงน้ำหนักให้เหมือนตลาดหุ้นทำให้ผลตอบแทนขึ้นลงตามดัชนีหลักทรัพย์
เมื่อถามว่าวิธีไหนดีกว่ากัน ดร.นิเวศน์ บอกว่าต้องหาสไตล์การลงทุนให้เหมาะกับตัวเองเพราะแต่ละสไตล์ก็มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันไป อย่างหุ้นโตเร็วมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังคึกคัก แต่หุ้นแบบเน้นคุณค่ามักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้สไตล์การลงทุนไม่ควรเลือกปนกันเพราะอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งในตัวเอง ส่วนเทคนิคในการค้นหาหุ้น ดร.นิเวศน์ มีเทคนิคดังนี้
4 เทคนิคคัดหุ้นลงทุนระยะยาว
ต้องมีความแข็งแกร่งรอบด้าน โดยมีความได้เปรียบคู่แข่งอย่างยั่งยืน มีความสามารถในการแข่งขันที่สูง เช่น ขนาดกิจการใหญ่กว่าคู่แข่งมาก มี Market Share สูงกว่าคู่แข่งในตลาด มีเครือข่ายของธุรกิจมากถือเป็นกิจการที่มีคุณภาพ ลูกค้ามี Brand Royaltyสูงกับสินค้าและเป็นกิจการที่ไม่ถูกควบคุมด้านราคา หรือใครจะมาเปิดแข่งขันด้วยยาก เป็นต้น
แม้ว่ากิจการจะมีคุณภาพดี สามารถรักษากำไรและมียอดขายอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเปรียบเทียบผลประกอบการย้อนหลัง 5 -10 ปี แล้วกิจการไม่เติบโตก็ไม่ควรลงทุนเพราะผลตอบแทนในอนาคตก็จะไม่ดีตามไปด้วย และการเติบโตไม่ควรโตเกิน 15% ในระยะยาวเพราะถือว่าผิดปกติก็ไม่ควรเข้าไปลงทุนอีกเช่นกัน
ธุรกิจที่ถูกทำลายด้วยเทคโนโลยีหรือวิธีทำธุรกิจแบบใหม่ นักลงทุนต้องมีความระมัดระวัง เพราะหากเกิดขึ้นแล้วหมายถึงหุ้นที่ลงทุนนั้นจะหมดอนาคตไปเลย
ราคาหุ้นต้องไม่แพงจนเกินไปจะต้องดูค่า Price / Earnings Per Share (PE) PE หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไร โดยมีวิธีการคำนวณ คือ ราคาหุ้น (Price) หารด้วย กำไรต่อหุ้น (Earnings per Share : EPS) หรือจะคิดอีกอย่างด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap) หารด้วยกำไรสุทธิ (Net Profit) ซึ่ง PE จะเป็นตัวใช้วัดความถูก-แพงของหุ้น แม้ว่าจะเป็นหุ้นที่ดีแต่ค่า PE 50 เท่า – 100 เท่า ไม่ควรลงทุนเนื่องจากแพงเกินไป การกำหนดค่า PE ที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30-40 เท่า ซึ่งนอกจากการดูราคาหุ้นที่เหมาะสมแล้วอย่าลืมดูองค์ประกอบ 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นด้วยทั้งนี้การให้ค่า PE ที่เหมาะสม ไม่ใช่ดูราคาหุ้นเป็นเพียงอย่างต้องดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย
เหนือสิ่งอื่นใดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ ด้วยการติดตามข่าวสารของกิจการที่สนใจจะลงทุนอย่างรอบด้าน ตามดูผลประกอบการอย่างใกล้ชิด อ่านรายงานประจำปีและที่สำคัญต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกหุ้นมากกว่าฟังเสียงจากคนรอบข้างก็จะทำให้การลงทุนแบบเน้นคุณค่าประสบความสำเร็จและให้ผลตอบแทนอย่างยั่งยืน
หากคุณอยากลงทุนแต่ไม่มีประสบการณ์ลองใช้บริการลงทุนกับ บลจ.ไทยพาณิชย์ ที่ปัจจุบันได้เปิดบริการขายกองทุนรวมแบบ Open Architecture อย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน
แอป EASY INVEST
โดยเปิดเพียงบัญชีเดียว ก็สามารถซื้อกองทุนได้จาก 17 บลจ.ชั้นนำ กว่า 1,200 กองทุน ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม และถ้าต้องการซื้อกองทุนรวมใหม่จากบลจ.ที่ไม่เคยมีบัญชี ก็สามารถซื้อได้เลย ไม่ต้องส่งเอกสารเปิดบัญชีเพิ่ม ไม่ต้องเปิดบัญชีหลาย บลจ. อีกต่อไป ทำให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้เร็วและง่ายขึ้น
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
แอป EASY INVEST
ได้จาก
http://www.scbs.com/easyinvest
หรือดาวน์โหลดแอป
EASY INVEST
เพื่อเปิดกว้างโลกการลงทุนให้เป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว
ที่มา :
https://www.set.or.th/set/education/knowledgedetail.do?contentId=687&type=article
https://www.youtube.com/watch?v=c2t74Gits6w&list=PLQtlXHTArVHuz99zzaKx5f9YuU9rheYhs&index=13