ข้อควรรู้เกี่ยวกับหุ้น High Risk High Return

หากพูดถึงคำศัพท์หนึ่งที่นักลงทุนได้ยินเสมอ คือ High Risk, High Return หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยคำว่าความเสี่ยง (Risk) คือ ความไม่แน่นอน เท่ากับว่า เป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่อาจคาดเดาได้


ในทางทฤษฎีความเสี่ยงในการลงทุน หมายถึง การที่อัตราผลตอบแทนของนักลงทุนที่ได้รับจริงจะมีความคลาดเคลื่อนหรือแตกต่างไปจากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจะได้รับ ซึ่งอาจจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าหรือต่ำกว่า โดยผลตอบแทนจากการลงทุนจะมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับความเสี่ยง คือ หากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูง ระดับความเสี่ยงที่ต้องแบกรับจากการลงทุนก็จะสูงตามไปด้วย


สำหรับคุณสมบัติหุ้น High Risk, High Return ส่วนใหญ่จะมีการแกว่งตัวของราคาหุ้นที่สูงกว่าตลาด หรือหุ้นที่มีค่าเบต้า (Beta) สูง เช่น หุ้น XYZ มีค่าเบต้า 2 เท่า หมายความว่า ถ้าตลาดหุ้นโดยรวมเปลี่ยนแปลงไป 10% หุ้น XYZ ราคาจะขึ้นหรือลงเปลี่ยนแปลงไป 20% (ค่าเบต้า เป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของราคาหุ้นว่าตัวไหนเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยกว่ากัน โดยค่าเบต้าต่ำ หมายถึง ราคาหุ้นมีผันผวนน้อยกว่าตลาดโดยรวม ขณะที่ค่าเบต้าสูง หมายถึง ราคาหุ้นมีผันผวนมากกว่าตลาดโดยรวม)


หุ้น High Risk, High Return มักจะเป็นหุ้นที่ราคาพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ปรับตัวลดลงหรือทรงตัวอยู่ในระดับต่ำมาเป็นระยะเวลานาน (Turnaround Stock) เช่น ผลการดำเนินงานเปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไร และเมื่อเป็นกำไรแล้วก็จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางตรงกันข้ามหากคาดว่าหุ้นตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เช่น ผลดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง นักลงทุนก็จะขายหุ้นอย่างรวดเร็วและราคาหุ้นจะปรับลดลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย

นอกจากนี้หุ้น High Risk, High Return มักจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนเพื่อเก็งกำไร เพราะได้รับข้อมูลว่าธุรกิจกำลังได้รับผลบวกทำให้ผลการดำเนินงานเติบโต ราคาหุ้นปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าข้อมูลที่ออกมาไม่เป็นความจริงหรือผู้บริหารของบริษัทออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว ราคาหุ้นก็จะปรับลดลงอย่างรวดเร็ว


อีกทั้ง หุ้น High Risk, High Return อาจเป็นหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) เนื่องจากอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น น้ำมัน ปิโตรเคมี สินค้าเกษตร เหล็ก มีราคาผลิตภัณฑ์เคลื่อนไหวสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมหรือเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากอุตสาหกรรมวัฏจักรจะมีระยะยาวเป็นขาขึ้นหรือขาลงค่อนข้างนาน ดังนั้น หุ้นประเภทนี้นอกจากราคาหุ้นจะมีลักษณะความผันผวนสูงแล้ว ราคาผลิตภัณฑ์ก็มีความผันผวนสูงด้วย 


กลยุทธ์ลงทุน

โดยธรรมชาติตลาดหุ้นก็มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว นักลงทุนต้องลดความเสี่ยงออกไปให้ได้ โดยในเบื้องต้นควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนั้นอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันต้องเข้าใจวัฏจักรอุตสาหกรรมว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ศึกษาปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจนั้นว่าเป็นอย่างไร และก่อนตัดสินใจลงทุนต้องประเมินมูลค่าที่แท้จริงเสมอ  

 

 

กลยุทธ์ลงทุนหุ้น High Risk, High Return

1.มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรม เพราะถ้าไม่แม่นยำ โอกาสขาดทุนจะสูงมาก และไม่ควรลงทุนตามกระแสโดยไม่ศึกษาข้อมูล

 

2.ต้องเป็นผู้ที่ตัดสินใจเร็ว ที่สำคัญต้องมีวินัยในการตัดขาดทุนเมื่อรู้ว่าลงทุนผิดทาง (Cut Loss)

 

3.ต้องมีระดับการขายทำกำไร (Take Profit) เสมอ เช่น หากราคาปรับขึ้น 10% จากราคาที่ซื้อก็จะขายทำกำไรทันที

 

4.ต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เพราะราคาหุ้นมักถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางด้านเทคนิค เช่น เครื่องมือทางเทคนิคเส้นแนวโน้ม (Trend Line) คือ เส้นที่แสดงทิศทางของหุ้นที่มีการเคลื่อนที่ไปในแนวทางใดทางหนึ่ง ตามแนวโน้มนั้น ๆ ทำให้ทราบถึงแนวโน้มของราคาหุ้นในอนาคต หรือ MACD ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาหุ้นและสามารถวัดระดับว่าหุ้นตัวนั้นมีภาวะเป็นขาขึ้นหรือขาลงได้ เป็นต้น

 

หากนักลงทุนสนใจลงทุนหุ้น High Risk, High Return นอกจากจะต้องเข้าใจอุตสาหกรรมนั้นแล้ว ต้องเข้าใจความเสี่ยง เพราะหุ้นประเภทนี้ส่วนสำคัญ คือ ถ้าเกิดความผิดพลาดก็จะขาดทุน ยิ่งผิดพลาดมาก ยิ่งขาดทุนมาก จึงต้องมีวินัยในการตัดขาดทุนเมื่อรู้ว่าลงทุนผิดทาง (Cut Loss) ดังนั้น หุ้นประเภทนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ติดตามหุ้นอย่างใกล้ชิด ทบทวนข้อมูลธุรกิจ มีความรู้ความเชี่ยวชาญกับอุตสาหกรรมธุรกิจนั้นเป็นอย่างดี