Circular Manufacturing พัฒนาธุรกิจสู่ความยั่นยืนด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน

Highlight
  • แนวคิดการบริหารธุรกิจในปัจจุบันมุ่งให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียรอบด้าน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ห่วงโซ่อุปทานมากกว่าผลกำไรทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว

  • โมเดล Circular Economy มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ด้วยการรักษาคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้ใช้ได้นานที่สุด

  • หลักการสำคัญของ Circular Economy มี  8 ประการ  ได้แก่ 1.Durability สามารถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น 2.Renewability สามารถใช้วัสดุใหม่ทดแทนได้ 3.Reuse สามารถใช้ซ้ำได้ 4.Repair สามารถบำรุงรักษาได้ 5.Replacement สามารถเปลี่ยนหรือทดแทนได้  6. Upgrade สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ 7. Refurbishment สามารถซ่อมแซมให้เป็นของใหม่ได้ และ 8. Reduced Material สามารถลดปริมาณวัสดุหรือวัตถุดิบได้

  • มาตรการจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้กระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตต้องนำ Circular Economy มาประยุกต์ใช้ในองค์กร  เช่น The European Green Deal มาตรการกระตุ้นให้ทุกประเทศช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจก จนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือที่เรียกว่า "Net Zero" ทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศต้องปรับตัวให้ทันกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ จากทั่วโลก

circular3

โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คือ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดคุณค่าสูงสุดแบบหมุนเวียน พร้อมกระบวนการจัดการของเสีย วัตถุดิบ สินค้าที่เสื่อมสภาพ  สินค้าหมดอายุ การใช้พลังงาน ให้สามารถกลับมาเป็นทรัพยากรหมุนเวียนภายใต้กระบวนการที่เหมาะสม  ดร.ศรุดา ศิริภัทรปรีชา Sustainability Management Manager  บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) ได้แชร์เรื่อง Circular Economy ในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์แบบบูรณาการให้ผู้เข้าสัมมนา Mission X Roadmap to Sustainability ดังนี้


Circular Economy สำคัญอย่างไร

ในอดีตแนวคิดการบริหารธุรกิจแต่ละองค์กรจะมุ่งเน้นที่ผลกำไรสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น  แต่ในปัจจุบันหลายองค์กรได้เปลี่ยนแนวคิดหันมาให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะในมิติทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการบริหารจัดการแบบ Optimized Profit  โดบคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่ายภายใต้ห่วงโซ่อุปทาน 


ข้อมูลของ Gartner พบว่าภายในปี 2030  Circular Economy จะเป็นเพียงระบบเศรษฐกิจเดียวของโลกที่เหลืออยู่ และจากข้อมูลงานวิจัยของ Economic ระบุว่า ถ้าในยุโรปมีการลดก๊าซเรือนกระจกจาก 4 อุตสาหกรรม ได้แก่ เหล็ก, พลาสติก, อลูมิเนียมและซีเมนต์ จะสามารถช่วยให้ลดก๊าซเรือนกระจกลงไปได้ถึง 56%  


นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า ความต้องการพลาสติกจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากฝั่งเอเชียและแอฟริกา โดยจะเพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ , อิเล็กทรอนิกส์ , บรรจุภัณฑ์  เป็นต้น ซึ่งถ้าหากฝั่งยุโรปไม่ดำเนินการใดๆ จะทำให้มีการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 76% ภายในปี 2050  และถ้าหากมีการนำโมเดล Circular Economy  มาใช้จะสามารถช่วยลดได้ถึง  50%  จากการใช้วัสดุทดแทนหรือการรีไซเคิล เป็นต้น 


ดังนั้น ความท้าทายในวันนี้ คือ จะเลือกดำเนินธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนในระยะสั้นหรือจะเลือกทำธุรกิจตามโมเดล Circular Economy ที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ด้วยการรักษาคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้ใช้ได้นานที่สุด 

Circular Economy มีหลักการ 8 ข้อ คือ

  1. Durability การผลิตหรือออกแบบสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น มีความคงทน ลดการใช้ทรัพยากรหรือลดของเสียจากซากเหลือทิ้ง
  2. Renewability การนำวัสดุที่สามารถนำมาทดแทนใหม่ได้มาใช้ในการผลิต
  3. Reuse การทำให้สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้งตลอดอายุการใช้งาน                                                       
  4. Repair การทำให้สามารถบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้ตลอดอายุการใช้งาน
  5. Replacement การทำให้สามารถเปลี่ยนหรือทดแทนการใช้วัสดุเดิมได้ หรือการใช้เทคโนโลยีทันสมัยมาทดแทน
  6. Upgrade การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน โดยไม่ต้องซื้อหรือผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่
  7. Refurbishment การปรับปรุง ซ่อมแซมสินค้าให้เป็นของใหม่
  8. Reduced Material Use การลดปริมาณวัสดุที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ

จากภาพประกอบจะเห็นได้ว่าวงจรที่สั้นสุดจะใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดในการกลับคืนสู่สภาพดังเดิม นั่นคือการ  Reused ขณะที่การ Recycle เป็นวงจรที่ยาวที่สุด นั่นหมายความว่าจะต้องใช้ทรัพยากรมากที่สุดในการกลับคืนสู่สภาพดังเดิม


ตัวอย่าง Circular Economy

  • โคคา โคล่า ในสมัยก่อนกระบวนการผลิตเมื่อใช้ทรัพยากรเสร็จหมดแล้ว จะนำไปฝังกลบซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ทางโคคาโคล่าจึงนำโมเดล Circular Economy มาใช้ โดยในปี 2566 ตั้งเป้าจะใช้ขวดรีไซเคิล PET 50% ของจำนวนยอดขายทั้งหมด

  • ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FBI) ทำ  Circular Economy ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ  เช่น การออกแบบ วัตถุดิบ การผลิต  การใช้พลังงานในองค์กร เป็นต้น  และเมื่อถึงปลายน้ำก็จะนำของเสีย ของที่ไม่ใช้แล้ว กลับมาเป็นวัตถุดิบเหมือนเดิมเช่น  ขยะอันตราย ขยะทั่วไป ที่จะนำไปสร้างคุณค่าคืนกลับได้ถึง100 %  

  • ธุรกิจอสังหาฯ สามารถนำโมเดล Circular Economy มาประยุกต์ใช้ได้ตั้งแต่เรื่องการผลิต โดยใช้หลักการ  Recycle และการ Reused   นอกจากนี้ หลังจากก่อสร้างเสร็จแล้ว วัสดุต้องแยกชิ้นส่วนได้ ซึ่งจะทำให้สามารถกลับคืนไปยังต้นน้ำได้เหมือนเดิม รวมไปถึงการซ่อมแซม ซ่อมบำรุงเพื่อให้สามารถยืดอายุการใช้งานได้ และหลังจากหมดอายุการใช้งาน ยังสามารถแยกชิ้นส่วนประกอบต่างๆ กลับคืนไปสู่ต้นน้ำเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เรียกว่า Refurbished  ได้อีกด้วย นั่นคือ การนำส่วนประกอบ หลังจากหมดอายุการใช้งานไปแล้ว เอามาดัดแปลงและนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ เป็นต้น


บริบทภายนอกที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิต

ดร.ศรุดา ได้ยกตัวอย่าง มาตรการจากทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคการผลิต ที่จะได้รับผลกระทบต่อการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ ดังนี้

  • The European Green Deal เป็นมาตรการของยุโรปที่ออกมาเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 55% ภายในปี 2030   เพื่อให้ทุกประเทศช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกลง เพื่อทำให้อุณหภูมิของโลกไม่เพิ่มขึ้นเกิน 1.5-2.0 องศาเซลเซียส และในปี 2050 ต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือที่เรียกว่า "Net Zero"

  • ยุโรปออกข้อห้าม Single Used Plastic (SUP) ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2564  เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะพลาสติกและผลกระทบที่เกิดขึ้น และ EU ได้ออกข้อห้ามการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก SUP 10 ประเภท ได้แก่ 1) ไม้พันสำลี 2) ช้อน/ส้อม จาน หลอด อุปกรณ์สำหรับกวน 3) ลูกโป่งและก้านลูกโป่ง 4) ภาชนะบรรจุอาหาร 5) ถ้วยสำหรับเครื่องดื่ม 6) ภาชนะบรรจุเครื่องดื่ม 7) ก้นบุหรี่ 8) ถุงพลาสติก 9) บรรจุภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์สำหรับห่อหุ้ม 10) กระดาษชำระชนิดเปียกและผลิตภัณฑ์สุขอนามัย

  • ออสเตรเลีย ใช้ Single Used Plastic เยอะที่สุดในโลก คือ 60 คนต่อกิโล ทำให้มีมาตรการในการลดการใช้ Single Used Plastic  ให้ได้ภายในปี 2568

  • ญี่ปุ่น ตั้งเป้าจะลดการใช้ Single Used Plastic จำนวน 25% ภายในปี 2030

  • ไทย รัฐบาลได้ประกาศ BCG โมเดลให้เป็นวาระแห่งชาติ

Circular Economy นำมาใช้ในองค์กรได้อย่างไร

ดร.ศรุดา กล่าวว่า  ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FBI)  มีพันธกิจ คือ  การพัฒนาสู่ความเป็นเลิศเชิงนิเวศเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างคุณค่าเพิ่ม ต่อผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยจากพันธกิจได้แตกออกมาเป็น Frame Work  ในการสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและพลังงาน โดย  FBI ได้กำหนดเป้าหมาย  2CG เพื่อใช้ในการรองรับมาตรการ  The European Green Deal ประกอบด้วย

  • Climate Change ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25.2 % ภายในปี 2024
  • Circular Economy ใช้ Circular Material 93% ภายในปี 2027
  • Green Economy Zero Waste to Landfill 100% ภายในปี 2020 และ Waste to Value ภายในปี 2026

ดร.ศรุดา ย้ำว่า การนำ Circular Economy มาใช้ในองค์กรสิ่งสำคัญที่สุด คือ ผู้นำองค์กร ถ้าผู้นำมีทิศทางไม่ชัดเจนการทำ Circular Economy  ก็ไม่มีทางสำเร็จได้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการผลิตตามโมเดล Circular Economy  คือ การสร้างคุณค่าจากกิจกรรมต้นน้ำและการบริหารงานแบบ Value Chain แทนแบบ Supply Chain


ทำ Circular Economy  แล้วดีอย่างไร

  1. ด้านเศรษฐกิจ :  1.ได้พัฒนานวัตกรรม 2.ลดต้นทุนการผลิตการบริการ 3.ค่า GDP สูงขึ้น

  2. ด้านสิ่งแวดล้อม : 1.การจัดการขยะ 2.สารพิษปนเปื้อน 3.เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4.ปกป้องระบบนิเวศ 5.อนุรักษ์แหล่งนี้

  3. ด้านสังคม :  1.ได้รับสินค้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 2.สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ 3.ไม่เบียดเบียนการใช้ทรัพยากรของชุมชนและสังคม
     

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ย่อมส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือย ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดกำลังจะขาดแคลน Circular Economy จึงเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ในการเปลี่ยนแปลงวงจรการใช้ทรัพยากรให้มีการหมุนเวียนได้มากที่สุด ด้วยการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงทำให้ Circular Economy กลายเป็นทางออกที่ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงานและวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

 

ที่มา : สัมมนา Mission X Roadmap to Sustainability: Circular Economy โดย ดร.ศรุดา ศิริภัทรปรีชา Sustainability Management Manager  บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) วันที่ 15 มิถุนายน 2566