ความยั่งยืนคืออะไร ทำไมธุรกิจต้องใส่ใจเรื่องความยั่งยืน?

Highlight:
 
  • ผลการศึกษาของ Sustainability Institute of ERM พบว่านักลงทุนมองประเด็นของความยั่งยืนมากขึ้น จากเดิมที่มองในแง่ของตัวเลขผลกำไรเป็นรายปี

  • ความยั่งยืนมีผลกับการตัดสินใจของนักลงทุน   องค์กรที่มีการทำเรื่องความยั่งยืนได้ดีและเปิดเผย จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนและราคาหุ้นสูงกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เปิดเผยเรื่องความยั่งยืน

  • Sustainability Management Processes คือการสอดแทรกความยั่งยืนให้อยู่ในกลยุทธ์ดำเนินกิจการ เพราะความยั่งยืนที่ดีต้องฝังไปกับกลยุทธ์ขององค์กร ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา

  • Materiality Analysis คือการวิเคราะห์หาประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ มีผลกระทบบวกหรือลบกับธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder)

  • การจะวิเคราะห์ประเด็นความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสีย ต้องลงรายละเอียดใน Value Chain ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ธุรกิจของเราอย่างเดียว

  • แนวทางเปิดเผยรายงานเรื่องความยั่งยืน Global Reporting Initiative (GRI) ปัจจุบันจะใช้แนวทาง GRI 3 ที่เริ่มใช้ในปี 2021


ความยั่งยืน หรือ ESG
เทรนด์มาแรงในแวดวงธุรกิจทั่วโลก โดยบริษัททั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์มีความสนใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องความยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง  ERM Bangkok ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ โดยดร.ชัชรี ธีรพงษ์  Principal Consultant คุณทศพร บุญสง Managing Consultant และคุณบงกช ทองสดายุ Principal Consultant จะมาบอกว่าความยั่งยืนสำคัญกับธุรกิจอย่างไร

esg-materiality-analysis-01

กลุ่มประเด็นความสำคัญเรื่องความยั่งยืนมีอะไรบ้าง


ESG ประกอบด้วย Environmental สิ่งแวดล้อม : Climate Change Biodiversity การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ระบบการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมในองค์กร , Social สังคม : โอกาสการทำงานที่เท่าเทียมกัน ค่าตอบแทน เสรีภาพในการรวมตัวกันในเรื่องต่างๆ ความปลอดภัยในการทำงาน สิทธิขั้นพื้นฐานของพนักงานและคู่ค้า การดูแลลูกค้า รับผิดชอบกับสินค้าที่จำหน่ายไป, Governance ธรรมาภิบาล : จริยธรรมทางธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับ


แบ่งกลุ่มประเด็นความสำคัญเรื่องความยั่งยืน ดังนี้

  • Geopolitics : การเมืองในพื้นที่มีผลต่อความยั่งยืน  โดยการลงทุนในอนาคตจะเชื่อมโยงกับ ESG มากขึ้น เช่น การขอกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจกับแบงก์ต่างชาติ จะมีกฎระเบียบการให้เงินทุนที่นำเรื่อง ESG เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย

  • Climate Change : มองประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและพันธกิจบนเวทีโลกในข้อตกลงก๊าซเรือนกระจก Paris Agreement ที่จะถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการค้าระหว่างประเทศ เช่น การควบคุมนำเข้าส่งออกสินค้าที่ขั้นตอนการผลิตปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนก่อน ดังนั้นจึงต้องศึกษาและเข้าใจเรื่อง ESG

  • Biodiversity : ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นเทรนด์ที่กำลังจะมาโดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่ต้องระวังการไปสร้างความเสียหายทางชีวภาพ

  • Respect fundamental rights : ธุรกิจดูแลพนักงานได้ดีขนาดไหน โดยองค์กรที่มีความยั่งยืนสูงจะรักษาพนักงานที่มีคุณภาพให้อยู่กับบริษัทให้นานที่สุด  เพราะบุคลากรเป็นสินทรัพย์ขององค์กร และต้องเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทให้ต่อสู้กับคู่แข่งได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการดูแลคู่ค้า มีส่วนร่วมทั้ง Value Chain ให้มีความยั่งยืนร่วมกัน เช่นประเด็นเรื่อง Human Right ก็ไม่ใช่จำกัดแต่พนักงานของบริษัท แต่ต้องดูการประกอบธุรกิจของบริษัทคู่ค้าของเราด้วย ว่าไปละเมิดเรื่อง Human Right เช่นจ้างแรงงานเด็กหรือไม่?


ผลการศึกษาของ Sustainability Institute of ERM ที่อังกฤษ ตรงกับที่ UN Global Compact ที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำองค์กรชั้นนำในต่างประเทศ ที่มองเห็นความสำคัญของความยั่งยืนในการบริหารจัดการองค์กร เป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสในโลกอนาคต เพราะนักลงทุนจะมองประเด็นของความยั่งยืนมากขึ้น จากเดิมที่มองในแง่ของตัวเลขผลกำไรรายปี แต่ตอนนี้นักลงทุนจะมองว่าบริษัททำอะไรที่สร้างความยั่งยืนองค์กรเพื่อให้มีผลกำไรต่อเนื่องกันไปเป็น 5 ปี 10 ปี ซึ่งนักลงทุนจะดูคะแนนการประเมินเรื่องความยั่งยืนในองค์กรจากหลายหน่วยงาน เช่น ดัชนี DJSI , S&P กลุ่ม MSCI  และพบว่ากลุ่มธุรกิจที่ทำ ESG ดี นักลงทุนจะให้ความสนใจ และส่งผลให้ราคาหุ้นสูง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เปิดเผยเรื่อง ESG สู่สาธารณชน


นอกจากนี้ แนวคิดสำคัญของความยั่งยืน ประกอบด้วย People Planet Profit เป็นการมองภาพอนาคต แสวงหาโอกาสและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เช่น การลงทุนทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกเตรียมรับ Carbon Tax ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในระยะยาวการให้ความสำคัญเรื่อง ESG จึงช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ ในส่วนที่เป็นโอกาส ก็มีเรื่อง Green Investment หรือ Green Fund ที่เป็นเงินกู้สีเขียวให้แก่องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมีโอกาสเข้าถึงเงินทุนนำมาขยายธุรกิจสร้างผลกำไรก่อนคนอื่น

ทำอย่างไรให้การบริหารจัดการความยั่งยืนเข้าไปอยู่ในองค์กร

ความยั่งยืนที่ดีต้องฝังไปกับกลยุทธ์ขององค์กร ต้องอยู่ในการทำงานทุกภาคส่วน ไม่ใช่การทำเพิ่มเติมขึ้นมา Sustainability Management Processes  คือการสอดแทรกความยั่งยืนให้อยู่ในกลยุทธ์ดำเนินกิจการ มีการทำการประเมินสาระสำคัญเรื่องความยั่งยืน หรือ Materiality Analysis ที่เป็นกระบวนการวิเคราะห์ว่าประเด็นความยั่งยืนอันไหนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ มีผลกระทบบวกหรือลบกับธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) การวิเคราะห์ประกอบด้วย
 

  • การวิเคราะห์ประเด็นความสำคัญเรื่อง ESG ที่ธุรกิจเรามีโอกาสจะไปเกี่ยวข้องหรือละเมิดได้ เช่น ในธุรกิจก่อสร้าง ผู้รับเหมาอาจมีประเด็นเรื่องการใช้แรงงานเด็ก แล้วส่งผลกับชื่อเสียงและธุรกิจของเราได้ ทั้งนี้ ประเด็น ESG ด้านต่างๆ จะมีระดับความสำคัญไม่เท่ากันในแต่ละธุรกิจ ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างมักจะมีประเด็นเรื่องสังคม ธุรกิจเกษตร หรือธุรกิจพลังงานจะมีประเด็นกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เป็นต้น ดังนั้น จึงต้องพิจารณาว่าประเด็นที่มีความสำคัญต่อธุรกิจของเรา

  • ธุรกิจมีนโยบายที่เกี่ยวข้องประเด็น ESG หรือไม่ เช่น นโยบายสนับสนุนการแก้ปัญหา Climate Change รวมไปถึงกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกในระยะกลาง ระยะยาว รวมถึงการทำ Action Plan , Road Map

  • การลงมือทำจริง มีคนรับผิดชอบโครงการที่ทำในแต่ละภาคส่วน มีการเปิดเผยข้อมูลซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้นักลงทุนเห็นภาพการจัดการที่ดีและให้ความสนใจธุรกิจของเรามากขึ้น


การวิเคราะห์ประเด็นสำคัญใน Value Chain

Materiality ตามความหมายในตลาดหลักทรัพย์คือ ประเด็นความสำคัญเรื่องความยั่งยืน  ซึ่งการจะหาประเด็นความสำคัญขององค์กร เราต้องเข้าใจองค์กรและบริบทขององค์กรตัวเองก่อน ว่าเราทำธุรกิจเรื่องอะไร เรามีกิจกรรมทางธุรกิจอะไรบ้างที่จะส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า ทั้งนี้ การจะวิเคราะห์ประเด็นความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) มีว่ามีใครบ้าง จำเป็นต้องลงรายละเอียดใน Value Chain ทั้งหมด เพราะ Value Chain คือกิจกรรมของการดำเนินธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงส่งมอบสินค้าบริการให้ลูกค้า ดังนั้น การหาผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กรเราจึงไม่จำกัดเฉพาะพนักงานเท่านั้น ต้องวิเคราะห์ว่าผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญ มีความเป็นห่วงเรื่องอะไร  และMateriality จะเป็นตัวบอกว่าบริษัทควรให้ความสำคัญประเด็นไหนที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสีย


หลักการบ่งชี้หาผู้มีส่วนได้เสีย มาจากวิเคราะห์ว่า 1) องค์กรต้องพึ่งใครบ้าง  2) ต้องรับผิดชอบใครบ้าง 3) มีใครบ้างที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน 4) องค์กรเรามีอิทธิพลกับใครบ้างและใครมีอิทธิพลกับเราบ้าง 5) กลุ่มที่ให้คำแนะนำ ความคิดเห็นกับธุรกิจเราได้


เมื่อได้กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียมาแล้ว ก็ต้องทำ Stakeholder Analysis ซึ่งมีทั้ง Internal Stakeholder และ External Stakeholder เพื่อวางแผนบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสีย

กรอบการรายงานเปิดเผยข้อมูล GRI 3

ทั้งนี้ การทำ Materiality Analysis  มีการอ้างอิงมาตรฐานและกรอบการทำงานที่เกี่ยวข้องในการเปิดเผยข้อมูล โดยมีการให้คะแนนเรทติ้ง มี 2 รูปแบบ แบบแรกคือแบบ การให้คะแนนเชิงรุก (Actively) ที่หน่วยงานเช่น S&P Global, DJSI Dow Jones Sustainability Index เป็นต้น จะตั้งคำถามให้คะแนน แบบที่สองคือ การให้คะแนนเชิงรับ (Passively) ที่หน่วยงานเข้ามาดูข้อมูลที่เปิดเผยอยู่รายงานด้านความยั่งยืน และในเว็บไซต์ขององค์กร


แนวทางการเปิดเผยรายงานเรื่องความยั่งยืน หรือ Global Reporting Initiative (GRI) จะบอกว่าการรายงานเรื่องความยั่งยืนของธุรกิจในแต่ละภาคอุตสาหกรรมต้องเปิดเผยเรื่องอะไรบ้าง โดยปัจจุบันจะใช้แนวทาง GRI 3 ที่เริ่มใช้ในปี 2021 ซึ่งมีข้อแนะนำการเปิดเผยข้อมูล 4 ขั้นตอน ได้แก่
 

  1. Understand the organization’s context : รู้ว่ากระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กรมี Value Chain อย่างไร มี Stakeholder กลุ่มใดบ้าง  อะไรที่เป็นความเสี่ยงและโอกาสของธุรกิจ มาตรฐานในอุตสาหกรรมของธุรกิจให้ความสำคัญกับประเด็นอะไร

  2. Identify actual and potential impact : เมื่อรู้ว่าผู้มีส่วนได้เสียเป็นใคร ก็ต้องเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์พูดคุยกับเขา วัดความพึงพอใจ สอบถามความคาดหวัง และเอามาวิเคราะห์ผลที่จะอาจเกิดกับธุรกิจ ทั้งนี้ การประเมินผลและเตรียมแผนรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมีระดับต่างกัน (Spectrum of Impact) ทั้งเกิดขึ้นโดยตั้งใจและเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ซึ่งก็ต้องนำมาคิดให้ครบถ้วน จากนั้น ก็นำผลกระทบมาจับเข้ากับความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ นอกจากเรื่องภาวะภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ประเด็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษย์ชนก็เป็นสิ่งที่ GRI ให้ความสำคัญมาก

  3. Assess the significant of the impacts : ประเมินขนาดผลกระทบว่าใหญ่ขนาดไหน โอกาสที่เกิดขึ้นของผลกระทบ (Likelihood) ทั้งทางบวกและลบ วงผลกระทบขยายไปถึงใครบ้าง และแนวทางการชดเชยผลกระทบนั้นๆ

  4. Prioritize the most significant impacts for reporting : จัดกลุ่มเรื่องผลกระทบเป็นกลุ่มประเด็นสำคัญหัวข้อเดียวกัน เพื่อวางกลยุทธ์จัดการไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการให้ความสำคัญแต่ละกลุ่มอย่างไร เพื่อจะบริหารจัดการทรัพยากรแก้ไขผลกระทบแต่ละกลุ่ม
     

นอกจากนี้ GRI ยังกำหนดให้ทางบริษัทต้องไปขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก อีกส่วนอาจไปหารือกับผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรม จากนั้นก็นำหัวข้อประเด็นสำคัญ (Materiality Topic) ไปเผยแพร่ข้อมูลสู่ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน สื่อสารภายในองค์กร ให้ทราบอย่างชัดเจน นำไปสู่การออกนโยบายที่เกี่ยวข้อง จากนั้นลงมือปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแล้วก็ตรวจสอบผล และเปิดเผยข้อมูล ประเด็นสำคัญหรือ Materiality Topic เป็นเหมือนเข็มทิศ ก่อนจะเดินหน้าลงมือทำอะไร ก็ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะมุ่งหน้าในประเด็นอะไร เรื่องอะไรเป็นอันดับแรก


ที่มา : การสัมมนา Mission X Roadmap to Sustainability : Materiality Analysis – Value Chain & Stakeholder โดย ERM Bangkok  วันที่ 15 - 16 มิถุนายน 2566