พลังของ 5 SME ไทย ฝ่าฟันทุกอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

เส้นทางการทำธุรกิจ ย่อมไม่ใช่เส้นทางราบรื่นที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เป็นเส้นทางที่ขรุขระด้วยปัญหาและอุปสรรคนานาประการที่ถาโถมเข้ามาให้ผู้ประกอบการได้เผชิญและต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อกรุยทางไปสู่ความสำเร็จ ในงานมอบรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15  ธุรกิจ SME ไทย 5 แบรนด์ดังที่ได้รับรางวัล ได้แก่ ดีวาน่าสปา  น้ำเต้าหู้แบรนด์โทฟุซัง  กราโนล่าแบรนด์ไดมอนด์เกรนส์   สลัดผัก ผลไม้ แบรนด์ Oh! Veggies และ Oh! Fruity  ยาอมสมุนไพรแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์เส้นทางธุรกิจที่น่าสนใจในงานสัมมนาหัวข้อ “The Power of Never Giving Up – พลังแห่งการไม่ยอมแพ้”

divana

ดีวาน่าสปา : ความเสี่ยงคือโอกาส

เพราะความเสี่ยงสร้างโอกาส คุณพัฒนพงศ์ รานุรักษ์ และคุณธเนศ จิระเสวกดิลก กลุ่มบริษัท ดีวีเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แชร์ประสบการณ์ในวันที่ต้องผันตัวจากอาชีพพนักงานต้อนรับของสายการบินชั้นนำ มาเปิดธุรกิจสปา แม้จะถูกรุมเร้าจากปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ แต่ด้วยจิตใจแข็งแกร่งมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญงานให้บริการ ทั้งสองได้สร้าง ดีวาน่าสปา เป็นลักชัวรี่สปาชั้นนำของไทย
 

“ในตอนแรกคิดว่าจะทำร้านอาหาร แต่บ้านที่ได้มาอยู่ในซอยตันไม่เหมาะกับร้านอาหาร จึงเปลี่ยนมาเป็นสปา เพราะเราเห็นช่องว่างในตลาดระหว่างนวดไทยที่ราคาถูก กับสปาไฮเอนด์ที่ราคาแพงมาก เราจึงทำสปาที่มีนวัตกรรม เป็นโปรแกรมสปาที่แปลกและสร้างสรรค์ โดยใช้หลักการ Design Service เป็นต้นแบบให้เป็นการออกแบบบนพื้นฐาน Emotional เหนือจากการใช้งาน (Functional)  แม้หลายคนจะบอกว่าเรากำลังเสี่ยง แต่เราก็ถือว่าความเสี่ยงสร้างโอกาสให้เรา” คุณพัฒนพงศ์กล่าว

คุณธเนศกล่าวว่า นอกเหนือจากคุณภาพ Service Excellence ดีวาน่าสปายังใช้กลยุทธ์สื่อสารเรื่องราคาแบบใหม่ กำหนดราคาค่าบริการต่อ 70/100/130 นาที ไม่ใช้ 60/90/120 นาทีแบบร้านสปาอื่น เพื่อทลายความคิดของลูกค้าไม่ให้เอาราคามาเปรียบเทียบ แต่ให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความคุ้มค่าของบริการที่ได้รับ รวมถึงการที่มีเมนูสปาหลากหลายระดับ ตั้งแต่คอร์สนวดไทย ราคาจับต้องได้ในบรรยากาศลักชัวรี่ คอร์สซิกเนเจอร์ ทรีทเมนต์ จนกระทั่งถึงคอร์สทรีทเมนต์แบบฉบับเฉพาะแบรนด์ดีวาน่าสปาเท่านั้น


ด้วยคุณภาพบริการที่ยอดเยี่ยมของดีวาน่าสปา ในการมอบรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15 ดีวาน่าสปาจึงได้รับรางวัลในมิติการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) การบริหารจัดการด้านบุคลากร (People Excellence) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)

น้ำเต้าหู้โทฟุซัง - สร้างโอกาสจาก Pain Point

ด้วยปัญหาการหาซื้อน้ำเต้าหู้ให้คุณพ่อในตอนเช้าของทุกๆ วัน คุณสุรนาม พานิชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโทฟุซัง จำกัด จึงมองเห็นโอกาสธุรกิจน้ำเต้าหู้สำเร็จรูปที่สามารถหาซื้อได้ตลอดเวลา และต้องเป็นน้ำเต้าหู้สำเร็จรูปคุณภาพดีรสชาติอร่อยกว่าเจ้าอื่นๆ ที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาด หลังจากทุ่มเทวิจัยเรียนรู้เรื่องเอนไซม์ถั่วเหลืองและการผลิตน้ำเต้าหู้นานอยู่ 11 เดือน โทฟุซัง น้ำเต้าหู้ออร์แกนิคแท้ 100% ก็ออกสู่ตลาด

คุณสุรนามมองว่า “โทฟุซัง” ไม่ได้จะมาแทนน้ำเต้าหู้สด แต่เป็นตัวแทนที่ดีที่สุดในที่ที่ไม่มีน้ำเต้าหู้สดขาย “ถ้าหน้าร้านสะดวกซื้อมีน้ำเต้าหู้สดขาย ใครๆ ก็เลือกซื้อน้ำเต้าหู้สดเพราะมีปาท่องโก๋ด้วย แต่ถ้าหลัง 9 โมงเช้าแล้ว โทฟุซังก็จะเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่อยากกินน้ำเต้าหู้” นอกจากนี้ โทฟุซังยังนำเสนอโปรดักส์น้ำเต้าหู้ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เช่นน้ำเต้าหู้เม็ดแมงลัก โดยเป็นเจ้าแรกผลิตน้ำเต้าหู้สำเร็จรูปใส่เครื่อง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าคุณภาพดีที่สุดให้กับลูกค้า น้ำเต้าหู้โทฟุซัง จึงได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15 ในมิติการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service), การบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด (Branding and Marketing), องค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม  (Innovative Enterprise) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)

กราโนล่าแบรนด์ไดมอนด์เกรนส์  : เข้าใจลูกค้าก่อนว่าเขาอยากได้อะไร

ด้วยความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจของ คุณวุฒิกานต์ - คุณชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทบรันช์ ไทม์ จำกัด จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Diamond Grains กราโนล่าแบรนด์ไทยที่ทั้งสองเริ่มลองทำตั้งแต่ยังอยู่มหาวิทยาลัย โดยยึดหลักว่าทำสิ่งที่ใจเราชอบ เพราะธุรกิจไม่ใช่สิ่งที่ทำในระยะสั้นๆ อาจต้องมีการล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง ดังนั้นจึงต้องทำในสิ่งที่เราอินกับมันจริงๆ ซึ่งสำหรับทั้งสองก็คืออาหาร จึงจับธุรกิจอาหารที่เข้ากับเทรนด์ตลาดปัจจุบันที่เน้นอาหารเพื่อสุขภาพออกโปรดักส์กราโนล่า อาหารธัญพืชดีต่อสุขภาพ

ตลอด 7 ปีที่ทำธุรกิจมา อุปสรรคได้เข้ามาทดสอบความมุ่งมั่นของคุณวุฒิกานต์และคุณชนิสรา นับตั้งแต่วันแรกของการทำธุรกิจ แม้ว่าตอนทดลองทำสินค้าทดลองชิมในระยะแรกจะได้เสียงตอบรับด้านบวกจากคนรอบข้าง แต่เมื่อวางจำหน่ายจริงแล้วผลกลับไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง “ที่เขาบอกว่าอร่อยเพราะมันฟรี แต่มันไม่สามารถทำให้เขาควักเงินซื้อได้ จึงได้รู้ว่าความอร่อยอย่างเดียวไม่ใช่จะขายได้” คุณชนิสรากล่าวต่อถึงการปรับสูตรกราโนล่าให้ขายได้ ซึ่งใช้เวลาถึง 3 ปีในการปรับสูตรต่างๆ ซึ่งในที่สุดก็พลิกแนวคิดใหม่จากเดิมที่เคยคิดว่าอยากทำอะไร มาทำความเข้าใจว่าลูกค้าอยากได้อะไร เขาอยากจะจ่ายเงินเพื่ออะไร เป็นการทำงานให้ลูกค้า ไม่ใช่ทำงานเพื่อตัวเอง เมื่อปรับแนวคิดได้แล้วก็สามารถปรับสูตรที่ตลาดต้องการได้ภายในเวลาเพียง 2 เดือน นำมาสู่ความสำเร็จของ Diamond Grains กราโนล่าแบรนด์แรกของไทยที่ได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15 ในมิติการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service), องค์กรที่มีการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business Practice) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)

สลัดผักผลไม้ Oh! Veggies และ Oh! Fruity : เริ่มจากสเกลธุรกิจขนาดเล็ก ที่เติบโตอย่างมั่นคง

จากกระแสความนิยมของอาหารเพื่อสุขภาพและด้วย Mindset ของผู้ประกอบการที่สามารถมองหาโอกาสจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน คุณวุฒิชัย-คุณสุวิมล เจริญศุภกุล จึงมองเห็นโอกาสในธุรกิจผักสลัดสำเร็จรูปพร้อมทาน โดยคุณวุฒิชัยมองว่าในประเทศไทยยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ถ้ามีการสร้างสรรค์โปรดักส์ให้ดีกว่าของเดิม จึงเป็นที่มาของ บริษัทพลังผัก จำกัด เจ้าของสลัดผักผลไม้แบรนด์ Oh! Veggies และ Oh! Fruity


ในการทำสินค้าอาหารสดคุณวุฒิชัยให้ความใส่ใจตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบ โดยไปพูดคุยกับเกษตรกรปลูกพืชผักอินทรีย์ถึงแผนการธุรกิจว่าจะเติบโตอย่างไร ทางช่องทางไหน  สำหรับคำถามเรื่องการจัดการสินค้าที่อายุการเก็บรักษาสั้น (Short Shelf-life) อย่างผักสลัดนั้น คุณวุฒิชัยใช้วิธีสังเกตการสั่งซื้อซ้ำ (repeat order) จากร้านค้าปลีก ซึ่งเป็นการมอนิเตอร์ยอดขายได้แบบเรียลไทม์ คือถ้ามีร้านค้าสั่งเข้ามาก็แปลว่าขายได้ ถ้าไม่สั่งของซ้ำก็แปลว่าขายไม่ได้ ซึ่งทีมงานก็จะเข้ามาดูหน้าร้านว่าเกิดปัญหาอะไรที่ทำให้ขายไม่ได้

นอกจากนี้ เรื่องสเกลของธุรกิจก็มีความสำคัญอย่างมาก ในส่วนของบริษัทพลังผัก เน้นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่รวดเร็วแต่มั่นคง โดยเริ่มต้นธุรกิจจากสเกลเล็กๆ ทดสอบตลาดด้วยการวางจำหน่ายสินค้าในร้านขายอาหารสุขภาพ ลงพื้นที่คุยกับผู้บริโภค ฟังเสียงลูกค้าว่าต้องปรับปรุงสินค้าอย่างไร แล้วค่อยๆ เรียนรู้ ขยายไปทีละขั้นไปสู่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก แล้วค่อยไปโมเดิร์นเทรด จนมาถึงเชนร้านสะดวกซื้อ ซึ่งคุณวุฒิชัยเลือกที่จะลงโปรดักส์เพียง 300 ร้านจากทั้งหมด 3,000 ร้านค้าทั่วประเทศ เพื่อเรียนรู้ว่าร้านทำเลตรงไหนขายได้ ทำเลไหนขายไม่ได้ เกิดจากอะไร ร้านทำเลที่ขายไม่ดีก็ไม่เอาสินค้าไปลง การที่ค่อยๆ ปรับขยายสเกลไปทีละขั้น ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาซัพพลายเชน แต่ถ้าลงสินค้าทีเดียวเป็นพันสาขาจะมีปัญหาเรื่องซัพพลายเชนแน่นอน


คุณวุฒิชัยสรุปหลักการของบริษัทพลังผักว่าเริ่มจากสเกลเล็กก่อน ทำการทดสอบตลาด แล้วค่อยขยายสเกลธุรกิจ เป็นการป้องกันตัวเองและนำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคง โดยรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15 บริษัทพลังผัก จำกัด ได้รับรางวัลในมิติองค์กรที่มีการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business Practice) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)

ยาอมสมุนไพรแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว : รักษาเอกลักษณ์ ปรับตัวตามยุคสมัย

เรื่องราวตำนานของยาอมสมุนไพรแบรนด์ตะขาบ 5 ตัวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 85 ปีก่อน เมื่อคุณพ่อจุ๊ยไซ แซ่ซิ้ม ได้อพยพจากประเทศจีนมาตั้งรกรากในแผ่นดินไทย และได้นำวิชาความรู้ด้านสมุนไพรจีนมาปรุงยารักษาให้ญาติมิตรและคนคุ้นเคย และกลายเป็นกิจการผลิตยาสมุนไพรสำเร็จรูปขนาดย่อม ทั้งยาต้ม ยาน้ำ ยาเม็ด วางจำหน่ายตามร้านขายยาในกรุงเทพฯภายใต้เครื่องหมายการค้ารูปตะขาบ 5 ตัว หลังจากคุณพ่อจุ๊ยไซเสียชีวิตในปีพ.ศ. 2515 กิจการได้ตกทอดอยู่ในมือของ คุณสุเทพ สิมะวรา ประธานกรรมการบริหารบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด ในปัจจุบัน

ในตอนนั้นคุณสุเทพต้องมาเรียนรู้ธุรกิจการทำยาใหม่ทั้งหมด และตลาดยาสมุนไพรที่คุณพ่อทำไว้นั้นยังอยู่ในวงจำกัด อย่างไรก็ดี คุณสุเทพและครอบครัว ก็ตัดสินใจที่จะลุยทำตลาดให้ยาสมุนไพรที่เป็นมรดกของคุณพ่อเป็นที่นิยมและเป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศ โดยคุณสุเทพเลือกยาอมสมุนไพรเป็นสินค้าตัวหลัก แม้จะเป็นยาแผนโบราณ มีจุดด้อยที่รสชาติและรูปลักษณ์ คุณสุเทพก็ค่อยๆ ปรับคุณสมบัติให้ทันสมัยขึ้นด้วยการเติมความเย็นความหอมเท่าที่สามารถทำได้ ขณะเดียวกันก็ชูคงสูตรเดิมที่มีจุดเด่นตรงสรรพคุณยาอมเปี่ยมด้วยคุณภาพ ประกอบกับกลยุทธ์การตลาดเน้นการแจกสินค้าตัวอย่าง (Trial) ให้ผู้คนได้ทดลอง  การปรับปรุงกระบวนการผลิตจากแรงงานคนเป็นการใช้เครื่องจักร ทำสลาก แก้ไขทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้าน ส่งผลให้ยาอมสมุนไพรแบรนด์ตะขาบ 5 ตัวเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างผ่านทางโมเดิร์นเทรด ฯลฯ เป็นที่นิยมทั้งในไทยและตลาดต่างประเทศ


หัวใจความสำเร็จของยาอมสมุนไพรแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว คือการรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสินค้าที่มีมาแต่เดิม และทำความเข้าใจตลาดเพื่อปรับสินค้าให้เข้ากับรสนิยมผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้บริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัดได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 15 ในมิติองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) การบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด (Branding and Marketing) การบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการ (Operational Best Practice) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)