อ่านฉลากอาหารให้ถ้วนถี่ ช่วยเซฟมันนี่อย่างไร

เชื่อว่าหลายๆ คนเวลาไปชอปปิงสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ต่างมีวิธีการและเกณฑ์การเลือกของตัวเอง บางคนใช้เกณฑ์เรื่องราคา บางคนเลือกที่ยี่ห้อ บางคนเลือกที่แพ็กเกจ และหลายคนเลือกที่ปริมาณ


แต่น้อยคนนักที่จะเลือกดูฉลากก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า โดยเฉพาะประเภทอาหาร ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าฉลากอาหารนี้เอง สามารถช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ได้อีกมาก!


แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสการกินอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารคลีนจะมาแรงมากๆ โดยคนส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การลดของทอด ของมัน ของหวานต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า… 4 โรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดคือโรคใด


คำตอบคือ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอักเสบ และโรคหัวใจ โดยหนึ่งในโรคยอดฮิตของไทยอย่างโรคหลอดเลือดในสมองหรือที่เคยได้ยินกันว่า “Stroke” นั้น มีความสัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตสูงที่เกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มีรสเค็ม!


จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า คนไทยบริโภค “โซเดียม” เฉลี่ยวันละ 7,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากกว่าเกณฑ์ที่ควรได้รับจริงถึง 3 เท่า จากปกติปริมาณที่ควรได้รับอยู่ที่ 2,300 มิลลิกรัม หรือคิดเป็นภาพก็คือ…คนไทยกินเกลือกว่า 3 ช้อนโต๊ะ จากปกติควรกินที่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น

thai-food

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาหารไทยหนักไปทางเค็ม เครื่องปรุงรสในอาหารเกือบทุกเมนูต้องมีน้ำปลา พร้อมเหยาะเกลืออีกนิดให้ได้รสนัวขึ้นอีกหน่อย ยัง…ยังไม่พอแค่นั้น หากมื้อไหนขาดน้ำปลาพริกด้วยแล้ว เหมือนขาดใจ กลายเป็นคนกินอะไรก็ไม่อร่อยไปเสียดื้อๆ


ในบางมื้ออาหารที่คิดว่าเฮลธ์ตี้สุดๆ แล้ว มีผักและเนื้อสัตว์ครบหมู่ แต่สารปรุงรสต่างๆ ในน้ำซุปและเนื้อสัตว์นั้น กลับทำให้อาหารมื้อนั้นไม่เฮลธ์ตี้อีกต่อไป จะเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ปริมาณโซเดียมพุ่งปรี๊ดเกินกว่าที่ต้องการต่อวัน ซ้ำร้าย! เมื่อเข้าร้านสะดวกซื้อยิ่งแล้วใหญ่ ขนมขบเคี้ยวเอย น้ำหวานเอย อาหารแปรรูปเอย ล้วนมีโซเดียมในปริมาณที่สูง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองเข้าไปอีก


สำหรับการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองนั้น จะมีค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลอย่างน้อยๆ ปีละ 100,000 บาท ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยที่บ้านอีกเดือนละประมาณ 12,600 บาท รวมๆ แล้วตกค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 250,000 บาทต่อปี ดังนั้นเพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายจากความเสี่ยงที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บในอนาคต การเลือกซื้อของกินจากข้อมูลโภชนาการบนฉลากอาหารจะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราห่างไกลจากโรคยอดฮิตเหล่านี้ได้ 

ลองมาดูวิธีอ่านฉลากบนซองขนมกัน
 

• หนึ่งหน่วยบริโภค: 1/3 ซอง (30 กรัม)

• พลังงานทั้งหมด 150 กิโลแคลอรี

• ไขมันทั้งหมด 10 กรัม

• โซเดียม 150 มิลลิกรัม
 

นั่นหมายความว่าหากกินขนมซองนี้หมดภายในครั้งเดียว เราจะได้รับพลังงานทั้งหมด 150x3 = 450 กิโลแคลอรี ไขมัน 10x3 = 30 กรัม และโซเดียม 150x3 = 450 มิลลิกรัม ซึ่งยังไม่นับรวมกับโซเดียมที่ได้รับจากอาหารมื้อหลัก 3 มื้อและขนมจุกจิกบนโต๊ะทำงานที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและโซเดียมอีกนับไม่ถ้วน


เห็นแบบนี้แล้ว คงต้องเริ่มพลิกอ่านฉลากเพื่อศึกษาข้อมูลโภชนาการทุกครั้งก่อนซื้อ รวมถึงปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม


เพียงเท่านี้ก็ช่วยเซฟมันนี่ ไม่ต้องเสียเงินเรือนแสนให้กับค่ายาค่าหมออีกต่อไป