ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
หนี้บัตรเครดิตมีผลทางกฎหมายอย่างไร
บัตรเครดิตได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตและถือเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคสังคมไร้เงินสด ซึ่งลูกค้าสามารถนำบัตรไปซื้อสินค้าและบริการได้ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากธนาคาร เมื่อมีการใช้บัตรเครดิตแล้ว ธนาคารหรือบริษัทเจ้าของบัตรจะทดรองจ่ายเงินค่าสินค้าหรือบริการแทนลูกค้าไปก่อน จากนั้นก็จะมีการเรียกเก็บเงินคืน โดยออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้า เพื่อให้ชำระเงินดังกล่าวคืน หากลูกค้าชำระเงินคืนครบเต็มตามจำนวนที่ใช้ไป และชำระตรงตามกำหนดเวลาที่ระบุ ธนาคารก็จะไม่เรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมในการใช้บัตร แต่หากเป็นการชำระคืนบางส่วนหรือไม่ชำระคืนหรือชำระคืนไม่ตรงตามกำหนดเวลา ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม โดยแจ้งให้ผู้ใช้บัตรทราบในใบแจ้งหนี้งวดถัดไป ด้วยความสะดวกของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ในการชำระค่าสินค้าและบริการ อีกทั้งบัตรเครดิตสามารถนำไปกดเงินสดตามตู้ ATM ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ กระแสการใช้บัตรเครดิตจึงเป็นที่นิยมแพร่หลายและกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนทั่วไป จนมีจำนวนผู้ใช้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เป็นที่ทราบกันดีว่าลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ตามลักษณะการจ่ายชำระเงินคืน หากจ่ายคืนเต็มวงเงินทุกเดือนจะไม่เสียดอกเบี้ย แต่หากจ่ายไม่เต็มวงเงิน อาจจ่ายแค่เท่าที่มีเงินแล้วเหลือยอดค้างไว้ หรือบางคนก็จ่ายแค่ขั้นต่ำ เมื่อท่านตกเป็นผู้ผิดนัดในการชำระเงินค่าบัตรเครดิต ปัญหาที่จะตามมาคือ ท่านจะขาดความน่าเชื่อถือด้านการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินเจ้าของบัตรเครดิตจะเปลี่ยนสถานะของท่านจากเดิมเป็นลูกหนี้ชั้นดีมาเป็นลูกหนี้ค้างชำระ หรือเรียกกันจนติดปากว่า แบล็กลิสต์ และจะรายงานข้อมูลการค้างชำระของท่านไปยังบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ส่งผลให้ท่านมีประวัติเสียด้านการเงิน และอาจจะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ยากขึ้น
ทั้งนี้ หนี้บัตรเครดิตที่หลายคนสร้างไว้มาจากเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหนี้บัตรเครดิตในแง่มุมทางกฎหมายถือเป็นแนวทางในการตัดสินใจเรื่องหนี้ของลูกหนี้บัตรเครดิตทุกคน หรือแม้จะยังไม่เป็นลูกหนี้ก็ควรอ่าน เพื่อเป็นข้อมูลในการช่วยตัดสินใจ ตั้งแต่ว่ารู้ว่าจะสร้างหนี้บัตรเครดิตหรือไม่แค่ไหน
ถ้าถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับบัตรเครดิต ถือเป็นคดีประเภทใด
ในกรณีที่คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตตามกฎหมายจะถือเป็นคดีแพ่ง ซึ่งผลลัพธ์ของคดีแพ่งคือ การบังคับคดีการชำระหนี้และชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น
ฟ้องศาลอะไร ที่ไหน
กรณีที่เป็นคดีเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิต เจ้าหนี้สามารถยื่นฟ้องลูกหนี้ ได้ที่ 1. ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล 2. ศาลที่มูลคดีเกิด (ที่ตั้งของสถาบันการเงินที่ลูกหนี้ได้ไปรับบัตรเครดิต)
คดีบัตรเครดิตจะเริ่มนับอายุความเมื่อใด
ในคดีบัตรเครดิตโดยทั่วไปเมื่อเจ้าหนี้ได้แจ้งกำหนดการชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ทราบแล้ว เมื่อถึงกำหนดลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด อายุความจะเริ่มนับทันทีในวันถัดไป โดยมีอายุความทั้งสิ้น 2 ปีนับจากผิดนัดชำระหนี้ ถ้าหากธนาคารไม่ได้ฟ้องร้องในเวลา 2 ปี คดีก็เป็นอันขาดอายุความ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารหมดสิทธิเรียกร้องต่อลูกหนี้ ทั้งนี้ถึงขะขาดอายุความไปแล้ว ทางฝ่ายเจ้าหนี้สามารถยื่นฟ้องได้ โดยศาลก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป เช่น ถ้าจะให้ศาลหยิบยกเอาเรื่องการขาดอายุความขึ้นมาพิจารณานั้น ลูกหนี้ต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีในเรื่องของการขาดอายุความ ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งศาลก็จะนำมาพิจารณาตรวจสอบดูข้อเท็จจริง และถ้าหากเป็นจริงตามที่ลูกหนี้ยื่นคำให้การต่อสู้มา ทางศาลก็จะทำการ"ยกฟ้อง" คือพิพากษาให้คดีตกไป โดยไม่บังคับให้เป็นไปตามคําฟ้องของเจ้าหนี้ต่อไป ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 193/29 กำหนดไว้ว่า เมื่อไม่ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้
เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือเจ้าหนี้สามารถอายัดเงินเดือนลูกหนี้ได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ โดยเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ได้ โดยศาลจะตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อออกหมายยึดและอายัดต่อไป ซึ่งทรัพย์สินที่สามารถยึดได้ มีดังนี้
1.เงินเดือน อายัดได้ไม่เกิน 30% และลูกหนี้ต้องมีเงินเดือนมากกว่า งนี้ 20,000 บาทถึงจะสามารถอายัดได้ และถ้าลูกหนี้มีค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่ารักษาพยาบาลก็สามารถนำหลักฐานไปขอลดหย่อนที่กรมบังคับคดีเพื่อลดเปอร์เซ็นต์การอายัดเงินเดือนได้
ตัวอย่างเช่น นายเอ ลูกหนี้ มีเงินเดือน 15,000 บาท กรณีนี้ไม่ถูกอายัดเงินเดือน นายบี ลูกหนี้ มีเงินเดือน 40,000 บาท กรณีนี้จะถูกอายัดได้ไม่เกิน 30% คือ 12,000 บาท คงเหลือเงินเดือนที่ไม่ถูกอายัด 28,000 บาท
2. เงินโบนัส อายัดได้ไม่เกิน 50%
3. เงินตอบแทนการออกจากงาน อายัดไว้ได้ไม่เกินสามแสนบาทหรือตามที่เจ้าหน้าที่บังคับคดีเห็นสมควร
4. เงินค่าตอบแทน ค่าสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ อายัดได้ตามที่ขอแต่ไม่เกิน 30%ของจำนวนทีมีสิทธิได้รับ
5. เงินในบัญชีเงินฝาก หรือเงินปันผลจากการลงทุน อายัดให้ตามที่ขอ โดยหากเจ้าหนี้ไม่ได้ระบุให้อายัดเฉพาะปีใดปีหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเป็นประจำทุกปีจนกว่าจะพ้นหนี้
6. ทรัพย์สินที่เป็นการลงทุน เช่น หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ หรือ กองทุน ให้อายัดให้ตามที่ขอ โดยระบุให้บุคคลภายนอกผู้รับคำสั่งอายัดส่งเงินเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาสิ้นสมาชิกภาพ
ทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ไม่สามารถยึดทรัพย์ได้
1. เงินเดือน ค่าจ้าง บํานาญ บําเหน็จ เบี้ยหวัดของลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการ
2. เงินเบี้ยเลี้ยงชีพ (เบี้ยคนชรา, เบี้ยคนพิการ)
3.เงินค่าวิทยฐานะ (ค่าตำแหน่งทางวิชาการ)กรณีเป็นข้าราชการ
4. เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
5.เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ลูกหนี้เสียชีวิต
กรณีลูกหนี้บัตรเสียชีวิต ความเป็นหนี้ไม่สิ้นสุด เมื่อลูกหนี้บัตรเครดิตเสียชีวิต ให้เจ้าหนี้ทวงถามต่อกองมรดกของลูกหนี้ ผู้รับมรดกของลูกหนี้ไม่ต้องรับชำระหนี้เกินวงเงินมรดกที่ได้รับ ยกตัวอย่างเช่น ผู้รับมรดกได้รับเงินมรดกจำนวน 6 ล้านบาท แต่จำนวนหนี้สินของผู้ตายมีมากถึง 7 ล้านบาท เท่ากับว่าผู้รับมรดกจะต้องชำระหนี้แค่ตามจำนวนมรดกที่ได้รับคือ 6 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนอีก 1 ล้านบาททถือเป็นหนี้สูญไป ไม่ต้องชำระหนี้เพิ่ม
อย่างไรก็ตามกฎหมายยังกำหนดวิธีการบรรเทาหนี้บัตรเครดิต คือการปรับโครงสร้างหนี้
การปรับโครงสร้างหนี้ เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ช่วยบรรเทาภาระหนี้สิน เนื่องจากโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของลูกหนี้ในเวลาปัจจุบัน ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นขอขยายเวลาชำระหนี้ออกไปโดยผ่อนค่างวดน้อยลง อัตราดอกเบี้ยคงเดิม ขอจ่ายดอกเบี้ยแต่เพียงอย่างเดียวสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นจึงขอจ่ายเป็นค่างวดตามเงื่อนไขเดิม พร้อมกับขยายระยะเวลาการกู้ออกไป เป็นต้น ดังนั้นกล่าวได้ว่า การปรับโครงสร้างหนี้ทำให้ลูกหนี้สามารถที่จะชำระหนี้ได้โดยที่ไม่ต้องไปขึ้นศาล และไม่ต้องถูกฟ้องล้มละลาย แต่ทั้งนี้การปรับโครงสร้างหนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ร่วมกัน