การแข่งขันเป็นเรื่องธรรมดาของคนบนโลกนี้ ทุกคนล้วนเจอการแข่งขัน ถูกประเมินความสามารถ และเปรียบเทียบกับคนรอบตัวเสมอ บางครั้งแพ้ บางครั้งชนะ แต่เมื่อเราเติบโตขึ้นจะพบว่าการแข่งขันที่มีความหมายมากที่สุด และนำเราไปสู่ความสำเร็จมากที่สุดนั้น คือ การแข่งขันกับตัวเอง ซึ่งการเริ่มต้นลงสู่สนามที่มีเราเป็นนักกีฬาแค่คนเดียวจะสนุกมากยิ่งขึ้น หากเราตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย ขัดกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองสุด ๆ เช่น การตื่นเช้า หรือการออกกำลังกายลดน้ำหนัก เหล่านี้เป็นเป้าหมายที่ชวนให้เราแข่งขันกับตัวเอง กล้าลุกขึ้นมาสู้ และคว้าชัยชนะ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ดังนั้น ลองมาดูกันว่าเรื่องไหนบ้างที่เราควรตั้งเป้าหมายและแข่งขันกับตัวเอง
- ก้าวข้ามความกลัว หนึ่งในการแข่งขันกับตัวเองที่ยากที่สุด และช่วยให้เราผ่านอุปสรรคในชีวิตไปได้ นั่นคือ การก้าวข้ามความกลัว สาเหตุของความกลัวในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนเกิดจากประสบการณ์ที่ไม่ดี หรือการจินตนาการไปเอง เช่น กลัวการนั่งเครื่องบิน กลัวความมืด หรือบางคนกลัวการพูดในที่สาธารณะ ซึ่งความกลัวเหล่านี้ส่งผลกระทบให้เราไม่กล้าทำอะไรเลย และพลาดโอกาสเปิดรับประสบการณ์ดี ๆ ดังนั้น การเอาชนะความกลัวจึงเป็นบดทดสอบสำคัญในชีวิต ซึ่งเราทุกคนสามารถผ่านมันไปได้โดยตั้งสติ คิดพิจารณาถึงความกลัวนั้น พยายามทำความเข้าใจด้วยเหตุผล เช่น หากเรากลัวการพูดในที่สาธารณะ ลองพิจารณาเหตุผลที่ทำให้เรากลัว อาจเป็นเพราะเราไม่มั่นใจในเนื้อหาที่พูด หรือไม่เคยฝึกฝน ออกเสียง เพื่อพูดในที่สาธารณะมาก่อน ซึ่งหากเรามองเห็นถึงสาเหตุของความกลัวแล้ว ให้ลองแก้ไขเหตุของความกลัวนั้น เช่น ทบทวนเนื้อหา ฝึกฝนพูดหน้ากระจก เพื่อสร้างความมั่นใจ เมื่อเราเตรียมตัวพร้อมแล้ว ขั้นต่อไป คือ การเผชิญหน้ากับความกลัว ก้าวออกไปพูดในที่สาธารณะอย่างที่ได้เตรียมตัวมา แน่นอนมันอาจไม่ดีที่สุดในครั้งแรก แต่การพยายามเอาชนะความกลัวของตัวเองโดยไม่ย่อท้อ ถือว่าเราได้เปิดประตูให้ตัวเองก้าวออกจากห้องแห่งความกลัวนั้นแล้ว ซึ่งหากเราฝึกฝน และเผชิญหน้ากันจนคุ้นชิน สิ่งเหล่านั้นจะไม่สามารถสร้างความกลัวให้เราได้อีก
- ตั้งเป้าหมายทางการเงิน มนุษย์เงินเดือนที่เริ่มทำงาน หรือคนที่ผ่านการทำงานมาแล้วหลายปี ต่างมีเป้าหมายทางการเงินเพื่อทำตามฝัน ซึ่งในการตั้งเป้าหมายนี้ สามารถนำมาใช้เป็นโจทย์ในการแข่งขันกับตัวเองได้ โดยแบ่งเป้าหมายทางการเงินเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้เราสามารถทำสำเร็จได้ไม่ยากเกินไป เริ่มต้นที่เป้าหมายระยะสั้น เช่น การออมเงินภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อดาวน์รถ หรือเพื่อเป็นเงินออมฉุกเฉิน สำหรับเป้าหมายระดับกลางระยะเวลา 3-5 ปี เพื่อใช้สำหรับเรียนต่อ หรือจัดงานแต่งงาน และเป้าหมายระยะยาว 8-10 ปีขึ้นไป เพื่อใช้สำหรับการผ่อนบ้าน คอนโด หรือวางแผนเกษียณ ทุกเป้าหมายที่เราตั้งไว้ต่างให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อชีวิต และสร้างวินัยทางการเงินที่ดีเยี่ยม เพื่อให้เราสามารถเก็บเงินให้ได้ตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราแข่งขันกับตัวเอง ต่อสู้กับเป้าหมายที่ท้าทาย รวมถึงเอาชนะความต้องการใช้เงินไปกับสิ่งล่อใจอื่น ๆ ซึ่งทำให้เราก้าวไปถึงเป้าหมายได้ช้าลง ทั้งนี้ การเก็บเงินตามเป้ายังต้องแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสม และไม่ทำให้ชีวิตตึงเกินไปจนชีวิตขาดความสุข การเอาชนะตัวเองจึงจะมีความหมายและดีต่อใจ
- ตัวท็อปในสายงาน สร้างธุรกิจในฝัน หลังจากเรียนจบ หลายคนมีความตั้งใจจะเติบโตในสายงานที่ตัวเองรัก หรือบางคนเริ่มต้นด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่มีเป้าหมายจะเป็นเจ้านายตัวเองภายในไม่กี่ปีข้างหน้า สำหรับคนที่ต้องการก้าวเข้าสู่การเป็นตัวท็อปในสายงานของตัวเอง นอกจากจะต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมงานแล้ว การแข่งขันกับตัวเองจะช่วยผลักดันให้เราก้าวหน้าไปได้ไกล โดยเสต็ปแรกเราต้องปักธงให้ชัดเจนว่า เราต้องการอะไร จะทำให้เส้นทางสู่ความสำเร็จชัดเจนขึ้น ต่อมาให้ฝึกทำงานที่ท้าทายความสามารถ เพื่อพัฒนาทักษะ และหากมีโอกาสควรร่วมงานกับคนเก่ง หมั่นเรียนรู้กลยุทธ์ รวมถึงวิธีคิดของคนเหล่านี้ ค่อย ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์พร้อมสร้างมูลค่าให้ตัวเอง สิ่งสำคัญ คือ ต้อง Work Smart ไม่ใช่ Work Hard เพราะการทำงานหนักอย่างเดียวไม่ได้การันตีว่าเราจะประสบความสำเร็จในสายอาชีพนั้น สำหรับคนที่มองหาโอกาสการเป็นเจ้านายตัวเอง ต้องเริ่มตั้งโจทย์ว่า เราอยากทำธุรกิจอะไร โดยให้เริ่มจากสิ่งชอบ และไม่ลืมหาความรู้เรื่องธุรกิจ กลุ่มลูกค้า การตลาด เตรียมเงินทุน วางแผนธุรกิจ และประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจด้วย เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ให้ลงมือทำตามฝันได้เลย สำหรับทุก ๆ ขั้นตอนในการทำธุรกิจครั้งแรกล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น และฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้ได้ รวมถึงการเอาชนะความท้อแท้ในจิตใจตัวเอง เพราะก่อนธุรกิจจะประสบความสำเร็จ อาจต้องล้มลุกคลุกคลาน และเจอปัญหามากมากมาย ดังนั้น สนามการแข่งขันนี้จึงโหดไม่น้อย แต่หากเราสามารถชนะเกมนี้ได้ เท่ากับเราพัฒนาตัวเองไปถึงขั้นสร้างความมั่นคงให้ชีวิต ซึ่งน่าภูมิใจไม่น้อย
- เปลี่ยนตัวเองให้สุขภาพดีขึ้น ตามที่สตีฟ จอบส์เคยพูดไว้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตว่า “ในตอนนี้... ที่ผมนอนอยู่บนเตียง ผมตระหนักได้ว่าชื่อเสียงเงินทอง ไม่ได้มีค่าสำหรับผมเลย... คุณอาจจ้างใครมาทำเงินให้คุณได้... แต่ไม่สามารถเช่าใครสักคน ให้มาแบกรับโรคภัยไข้เจ็บแทนเราได้” แม้แต่คนดังระดับโลกยังทิ้งข้อคิดเรื่องสุขภาพไว้บนโลกนี้ และนี่ทำให้เห็นว่า เราควรให้ความสำคัญกับสุขภาพมาก ๆ ซึ่งการพยายามดูแลสุขภาพ ถือเป็นการแข่งขันกับตัวเองที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะหลายคนทุ่มเทชีวิตให้กับงาน หรือธุรกิจ จนลืมใส่ใจกับร่างกายและจิตใจตัวเอง ดังนั้น การลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง กินอาหารให้ตรงเวลา ลดอาหารขยะที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉลี่ยวันละ 2 ลิตร จะช่วยกระตุ้นสมองให้สดชื่น ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย นอกจากนี้ ต้องลดความเครียดด้วยการทำกิจกรรมยามว่างอื่น ๆ เช่น นั่งสมาธิ ดูหนัง ฟังเพลง และพยายามเอาชนะความขี้เกียจในออกกำลังกายให้ได้ เลือกวิธีที่ชอบและสนุก ไม่เน้นความหนัก แต่ให้ออกกำลังกายอย่างน้อย วันละ 30 นาที ประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์ และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่เรารู้ว่าเป็นประโยชน์ แต่น้อยคนที่สามารถทำได้ครบ ดังนั้น การดูแลสุขภาพให้ดีจึงเป็นการแข่งขันกับตัวเองที่ท้าทาย และสามารถเปลี่ยนเราให้เป็นคนใหม่ที่สุขภาพดีขึ้นได้ แค่มีวินัยในตัวเอง
ความสำเร็จเล็ก ๆ จากการแข่งขันกับตัวเอง เป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ ขอแค่ลองตั้งเป้าหมาย พยายามทำให้ได้ และเมื่อเกิดความท้อถอย ให้เติมพลังบวกสู่ชีวิต คิดถึงผลลัพธ์ที่ดีหากทำสำเร็จ เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มความมุ่งมั่น ฝ่าฟันเอาชนะตัวเองจนคว้าความสำเร็จมาได้ สำหรับใครที่อยากเปิดรับความท้าทายใหม่ ๆ เรามีตัวช่วยที่ทำให้คุณถึงเป้าหมายได้ง่ายมาฝากกัน
>> เริ่มออมง่าย ๆ ถึงเป้าหมายเร็วกว่า
>> สุขภาพดี สร้างเองได้ แต่วางแผนไว้ อุ่นใจกว่า
>> ต้องการเงินลงทุน ไม่ยากอย่างที่คิด