ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
5 เทคนิคใช้เงินแบบนี้สิ...ยิ่งใช้ยิ่งรวย
ทำไมนะพอมีเงินสักก้อนกลับมีแต่เรื่องต้องใช้จ่ายเงินอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น แถมยิ่งใช้จ่ายมากเท่าไหร่เงินก็ยิ่งหดหายไปในพริบตา แต่มีวิธีการใช้เงินอีกรูปแบบหนึ่ง ที่หากคุณยิ่งใช้เงินมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งรวยขึ้นมากเท่านั้น วิธีการใช้เงินแบบนี้เป็นอย่างไร มาติดตามไปด้วยกัน
1.ใช้เงินซื้อสลากออมทรัพย์
สำหรับคนที่ชอบลุ้นตัวโก่งทุกงวด ลองหันมาซื้อสลากออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยแถมยังมีสิทธิ์ได้ลุ้นเงินรางวัลทุกเดือนอีกด้วย ซึ่งสลากออมทรัพย์จะคล้ายกับเงินฝากประจำที่มีระยะเวลาที่แน่นอน เช่น ผู้ซื้อจะต้องถือให้ครบกำหนดอายุ 3 หรือ 5 ปีแล้วจะได้อัตราดอกเบี้ยซึ่งจะต่ำกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไปแต่ไม่ต้องเสียภาษี ที่สำคัญตามที่กล่าวไว้ข้างต้นคือมีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลทุกงวด และถ้าหากซื้อให้ครอบคลุมทุกเลขท้าย (ส่วนมากจะต้องใช้เงินหลักครึ่งล้าน) ก็มีสิทธิ์ถูกรางวัลเล็กๆ เช่น เลขท้าย 2 ทุกงวด แต่ถ้าหากมีโชคใหญ่อาจได้กำเงินหลักล้านไปครอง ซึ่งการซื้อสลากออมทรัพย์มีข้อดีคือเงินต้นไม่หายได้ดอกเบี้ยไม่เสียภาษีมีสิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลทุกงวด
2.ใช้เงินซื้อหุ้นกู้ / พันธบัตรรัฐบาล
ลองใช้เงินด้วยการไปซื้อหุ้นกู้ ซึ่งหุ้นกู้ก็คือ "ตราสารหนี้" นั่นเองแต่ออกโดยเอกชน ซึ่งเป็นการระดมทุนเพื่อใช้ในกิจการต่างๆ ของบริษัท เช่น ลงทุนขยายกิจการ เพื่อก่อสร้างโรงงาน ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นกู้ ผู้ซื้อหุ้นกู้จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ ขณะที่ผู้ออกหุ้นกู้จะเป็นลูกหนี้ที่ขอยืมเงิน พร้อมสัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้คืนให้ในอัตราที่แน่นอน ตามระยะเวลาของสัญญาการกู้เงิน โดยผลตอบแทนของหุ้นกู้จะได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากเงิน ถ้าหากไม่มั่นใจในหุ้นกู้เอกชนอาจจะพิจารณาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐก็ได้ที่มีความเสี่ยงต่ำและเมื่อความเสี่ยงต่ำผลตอบแทนย่อมต่ำตามไปด้วย แต่ก็มั่นใจได้ว่าจะได้รับการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอแน่นอนเพราะรัฐบาลค้ำประกัน
3.ใช้เงินซื้อกองทุนรวม
เมื่อมีเงินลองใช้เงินไปซื้อกองทุนรวม เพราะกองทุนรวมช่วยบริหารเงินของเราให้งอกเงยได้ โดยการลงทุนในกองทุนรวมมีข้อดีคือจะมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยช่วยบริหารกองทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของกองทุนทำให้ผู้ซื้อกองทุนไม่จำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการลงทุน แต่ก่อนซื้อกองทุนควรศึกษาข้อมูลหรืออ่านหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจอย่างถี่ถ้วนเสียก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เช่น กองทุนนี้ลงทุนในสินทรัพย์อะไร เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร, มีความเสี่ยงเท่าไหร่, มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง, มีนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่, ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เป็นต้น และผู้ซื้อควรเลือกกองทุนให้ตรงกับวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้ ที่สำคัญการซื้อกองทุนไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมากเพียงแค่มีเงินหลักพันก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ทันที แถมยังสามารถซื้อกองทุนได้เป็นประจำด้วยเทคนิค DCA (Dollar Cross Average) หรือการซื้อกองทุนทุกเดือนด้วยเงินจำนวนเท่าๆ กัน ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนั่นเอง ทั้งนี้กองทุนรวมมีหลายสินทรัพย์ให้เลือกลงทุน เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น, ตราสารหนี้ระยะยาว, หุ้น, ทองคำ ,น้ำมัน , อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น สนใจใช้เงินซื้อกองทุน ซื้อผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY ได้เลย มีระบบ AI แนะนำกองทุนที่เหมาะกับแต่ละบุคคลให้ด้วย ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/digital-banking/scb-easy/wealth-for-you-info.html
4.ใช้เงินซื้อหุ้น
เมื่อพูดถึงการซื้อหุ้นหลายคนอาจบอกว่ายิ่งซื้อยิ่งขาดทุน แถมเงินไม่ได้งอกเงยอย่างที่คิดไว้ เพราะตลาดหุ้นมีความผันผวนและความเสี่ยงสูง การกำหนดกลยุทธ์การลงทุนจึงทำได้ยาก ถ้าไม่ระมัดระวัง นอกจากจะไม่สามารถป้องกันเงินต้นได้แล้ว ยังมีโอกาสขาดทุนอีกด้วย แต่การลงทุนในหุ้นยังเป็นทางเลือกที่ดีเพราะผลตอบแทนของหุ้นสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ แต่ต้องรู้จักเลือกหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงคือหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูง โดยปกติหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลควรสูงกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งควรมองหาอัตราผลตอบแทนระดับสูง เช่น 5% ขึ้นไป ทั้งนี้ทั้งนั้นการลงทุนมีความเสี่ยงก่อนลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ
5.ใช้เงินซื้อความรู้
สิ่งที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทองก็คือความรู้ เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า “มีความรู้เหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน” เพราะการมีความรู้สามารถนำความรู้นั้นไปต่อยอดประกอบอาชีพ นำไปสู่ไอเดียดีๆ ในการลงทุน นำไปสู่การหาเงินได้มากกว่าเดิม ฉะนั้นการซื้อความรู้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ทักษะความรู้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีคอร์สเรียนออนไลน์ที่สามารถพัฒนาทักษะความรู้และช่วยอัพสกีลและรีสกีลของคุณให้โดดเด่นทันยุคดิจิทัล ที่สำคัญมีคอร์สเรียนออนไลน์ที่สามารถเรียนได้จากในประเทศและต่างประเทศแถมราคายังไม่แพงเมื่อเทียบกับมูลค่าความรู้ที่คุณได้มา และอย่าลังเลใจที่จะใช้เงินซื้อความรู้ให้กับตัวเอง
จะเห็นได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้จักใช้เงินให้ถูกที่ถูกทาง ก็จะทำให้คุณพบกับความลับของเงินที่จะเพิ่มทวีคูณกลับมาหาคุณได้อย่างไม่มีวันหมด
ที่มา :