รวม 8 เทคนิคดี ๆ Work from Home อย่างไรให้ชีวิต Balance งาน Work

มนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) ในช่วง Social Distancing คงต้องปรับตัวให้เข้ากับอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อให้ชีวิตงานเดินต่อไปได้อย่างไม่สะดุด เช่น

  • การเรียนรู้เทคโนโลยีที่ต้องใช้ในการทำงานแบบ Work From Home อย่างแอปประชุมออนไลน์  การวางแผนงาน   รวบรวมข้อมูล  วางไอเดีย  ส่งเอกสารส่งงาน  หรือแม้กระทั่ง  Screen Sharing
  • การปรับพื้นที่ในบ้านให้มีมุมสำหรับ Work From Home อย่างสงบ การเตรียมอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้ที่ให้เรานั่งทำงานได้โดยแบบที่จะไม่เป็น Office Syndrome
  • การปรับเปลี่ยนตารางเวลาชีวิตพร้อมๆ กับการดูแลเรื่องอาหารการกินให้เหมาะกับการ Work From Home
  • การดูแลบุคคลในบ้าน เช่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือสำหรับบางคนที่มีลูกเล็ก ๆ ที่ต้องดูแลในช่วงปิดเทอม หรือ ดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ไปพร้อม ๆ กับการ Work From Home


หลังจากที่ Work From Home มาซักพัก ก็คงได้เรียนรู้กันว่าจริงๆ ทำงานที่บ้านมันก็มีทั้งข้อดี เช่น ป้องกัน COVID-19, ลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทาง, มีเวลามากขึ้นทำให้ได้แชร์โมเม้นต์ดีๆ ร่วมกับคนที่บ้านฯลฯ  ส่วนข้อเสียก็พอมีบ้างปนเปกันไป และที่สำคัญการทำงาน Work From Home ก็วุ่นวายไม่ต่างจากที่ทำงานเลย ไหนจะต้อง Conference Call, อ่านไลน์กรุ๊ป, ตอบเมล,  รับโทรศัพท์, ทำงานส่วนตัวที่ต้องพรีเซ้นท์ ฯลฯ เวลาแต่ละวันผ่านไปรวดเร็วจริงๆ


ถ้าเราอยากให้ Work From Home ของเรามีประสิทธิผลมากขึ้นจะต้องทำอย่างไร ลองมาดูกัน

how-to-work-from-home-efficiently-01

1. ปรับทัศนคติในการทำงานเมื่อต้อง Work From Home

สำหรับหัวหน้างาน ต้องไว้เนื้อเชื่อใจลูกน้อง ว่าสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ ห้ามจับผิดกันเด็ดขาด สำหรับงานบางฟังก์ชันที่อาจมีเนื้องานน้อยลงอาจลองมอบหมายให้ทีมงานลองรับผิดชอบเนื้องานใหม่ หรือวางแผนพัฒนางานให้ดีขึ้นก็ได้


สำหรับลูกน้อง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการ Work From Home ไม่ใช่ Holiday ต้องวางแผนทำงานให้ชัดเจนเสมือนไปทำงาน และพร้อมที่จะ on call ตลอดเวลา ตามเวลาทำงานของแต่ละบริษัท ไม่ใช่เอาเวลาไปหยุดพักผ่อน

2. มีวินัยในการทำงาน Work From Home

ต้องทำตัวให้เหมือนไปทำงานทุกวัน ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าว ให้พร้อมก่อนเริ่มงาน ซึ่งจะช่วยให้เราตื่นตัว รู้สึกว่าต้องทำงาน ห้ามลุกขึ้นมานั่งทำงานในชุดนอน หรือยังไม่อาบน้ำแปรงฟันเด็ดขาด เพราะจะทำให้เรารู้สึกขี้เกียจ และลดประสิทธิภาพในการทำงานลง

3. จัดเตรียมพื้นที่สำหรับทำงาน Work From Home

ควรมีพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับการทำงาน Work From Home โดยเฉพาะ เช่น จัดเตรียมโต๊ะ เก้าอี้สำหรับทำงาน รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น โน้ตบุ๊ก ปลั๊กไฟ สมุด ปากกา ฯลฯ  ให้พร้อม และจัดโต๊ะให้เรียบร้อย จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น  ที่สำคัญห้ามนั่งทำงานบนโซฟา หรือบนเตียง นานๆ เพราะอาจทำให้ไม่พร้อมที่จะทำงาน และอาจปวดหลังได้


ที่สำคัญควรเช็คว่าสัญญาณ WIFI เพียงพอที่จะทำงานหรือไม่ เพราะอาจต้องใช้อินเทอร์เน็ตทั้งวัน อาจลองโทรไปเช็คเพื่ออัพเกรดความเร็วกับทาง Internet Provider เพิ่มเติม (ในช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าเป็นกรณีพิเศษ)

4. เคลียร์กับคนในบ้านให้เข้าใจการ Work From Home

การ Work from Home สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องไปทำงานทุกวันในยุคนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นอาจต้องเคลียร์กับคนที่บ้านให้เข้าใจว่าต้องพร้อมที่จะทำงานตลอด Office Time ดังนั้นในช่วงกลางวันอาจต้องขอพื้นที่ส่วนตัวในการทำงาน เพื่อที่จะได้โฟกัสกับงานได้เต็มที่


สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ถ้ามีคนช่วยดูแลลูกในช่วงกลางวันอาจต้องรบกวนให้ช่วยดูแลในเป็นหลัก  แต่ถ้าไม่มีใครช่วยดูแล อาจต้องคุยกับทีมฯ ให้เข้าใจและจัดสรรเวลาในการทำงาน และดูแลลูกให้ชัดเจน

5. กำหนดแผนงานสำหรับการ Work From Home ให้ชัดเจน

ควรมี To do List และจัดสรรความสำคัญของงานในแต่ละวัน ว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จก่อนหลังอย่างไร เช่น งานด่วน งานเร่ง งานสำคัญ หรือมีงานค้างที่ต้องตามจากใครบ้าง  ถ้ามีประชุมควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มประชุมซัก 15 นาที และฝึกใช้แอปประชุมออนไลน์ให้คล่อง ยิ่งถ้ามีการนำเสนองาน ก็ควรเตรียม agenda และไฟล์งานให้พร้อม


ที่สำคัญในการประชุมออนไลน์ผ่านแอปต่างๆ  หลายคนอาจไม่ชอบเปิดกล้องเพราะอาจจะเขิน หรือไม่คุ้นเคย แต่ในความเป็นจริงการเปิดกล้องจะทำให้เราโฟกัสกับการประชุมมากขึ้น ทั้งยังเห็นสีหน้าท่าทางของผู้เข้าประชุม ทำให้รู้ Feed Back ของเรื่องที่คุยกันแบบเรียลไทม์ และการประชุมก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

6. มีเวลาพักผ่อนและเลิกงานที่ชัดเจน

ในการทำงาน Work From Home ก็ต้องตั้งเวลาในเริ่มงาน พักเที่ยง และเลิกงานให้เหมือนเวลาไปทำงาน  อย่าหักโหมกับงานเกินเหตุ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ที่สำคัญการ Work From Home จะได้เวลาที่เหลือจากการเดินทางในแต่ละวันกลับคืนมา อาจทำให้เราใช้เวลาในส่วนนี้มาทำอย่างอื่นได้อีก และมีเวลาดีๆ ให้คนที่บ้านมากยิ่งขึ้น

7. ดูแลสภาพจิตใจให้พร้อมสำหรับการ Work From Home

ในช่วง Social Distancing ที่ต้องอยู่ห่างจากเพื่อน ครอบครัว คนรัก และไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตได้เหมือนในภาวะปกติ อาจทำให้เครียด และเหงาได้ ดังนั้นควรมีการพูดคุยกันอยู่เสมอไม่ให้ห่างเหิน  สำหรับในทีมฯ อาจให้แต่ละสัปดาห์มีชั่วโมงนึงที่ทุกคนมาคุยอัพเดทชีวิตเรื่องอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องงาน เพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมือนไปทำงานที่มีการพูดคุยและแซวเล่นกัน อาจลองคิดธีมสนุกๆ ในการเข้ามาประชุมนี้เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสนุกมากยิ่งขึ้น

8. ดูแลใส่ใจสุขภาพให้เต็มที่

นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เราใส่ใจดูแลสุขภาพได้เต็มที่ เราจะได้นอนอย่างเต็มที่มากขึ้นเพราะไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อฝ่ารถติดไปทำงาน ทานอาหารได้ตรงเวลา เลิกงานก็สามารถจะออกกำลังกายเบาๆ ที่บ้านได้ทันที และยังสามารถได้เข้าครัวลองปรุงอาหารที่ชอบทานเอง ได้ Work Life Balance อย่างลงตัว ตามที่เราดีไซน์ เมื่อสุขภาพดี ก็ส่งผลให้มีจิตใจพร้อมที่จะเริ่มงานใหม่ในแต่ละวัน และทำงานได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น

ถึงแม้ COVID-19 ที่เข้ามาเป็นวิกฤตในชีวิตของทุกคน แต่เราก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองต่อไปได้ อย่าปล่อยให้เวลาในช่วงนี้หลุดลอยไปอย่างไร้ประโยชน์ ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ และสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานให้กับทีมฯ และองค์กร และก็พร้อมที่จะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน