เป็นมนุษย์เงินเดือนให้เหมือนนักธุรกิจ

เรื่อง: HR-The Next Gen


Hi-Light:

  • มนุษย์เงินเดือนคือนักธุรกิจ และสินค้าของเราก็คือ เวลาและความรู้ความสามารถ
  • SWOT Analysis จะต้องทำอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้เห็นภาพว่า อีกไกลแค่ไหนที่เราจะถึงเป้าหมาย แล้วถ้าเราอยากไปถึงเป้าหมายให้เร็วขึ้น เราต้องวิ่งเร็วแค่ไหน และวิ่งเส้นไหนถึงจะใกล้ที่สุด


มาทำธุรกิจกับเราไหม เป้าหมายของเราคือ ยอดขายต้องลดลงกว่าปีที่แล้ว กำไรก็ต้องติดลบมากกว่าเดิม นี่เราเตรียมตัวเจ๊งในอีก 2 ปีข้างหน้า


นักธุรกิจที่ไหนจะคิดแบบนี้


สิ่งที่นักธุรกิจทำคืออะไร ก็ประเมินสถานการณ์ในแต่ละปีที่น่าจะเกิดขึ้น แล้วก็ลองประเมินทั้งยอดขาย และกำไรที่จะเกิดขึ้นตามสถานการณ์ต่าง ๆ ถ้าเศรษฐกิจดี ยอดขายกับกำไรจะเป็นยังไง ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายกับกำไรจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง ถ้ามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมา จะกระทบกับยอดขายและกำไรเราแค่ไหน แล้วจุดแข็งจุดอ่อนของเราคืออะไร จากสถานการณ์ที่ประเมินเรามีโอกาสหรืออุปสรรคแค่ไหน


หลังจากนั้นก็วางแผนที่จะสู้ศึกอีกครั้ง


มนุษย์เงินเดือนก็ไม่คิดอะไรที่ต่างจากสิ่งที่ธุรกิจทำ ถ้าเป้าหมายของธุรกิจคือการทำกำไร แล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเราไม่ต้องการให้ชีวิตมีกำไรหรอกเหรอ


กำไรในชีวิตจริง ไม่ได้หมายถึงแค่ที่เป็นตัวเงินหรอกนะครับ ที่ไม่เป็นตัวเงิน ก็คือกำไรในชีวิตที่หลายคนอยากได้เหมือนกัน ความมีชื่อเสียง การได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่น การได้รับความชื่นชมจากคนที่ทำงานด้วย ทั้งหัวหน้า ทั้งเพื่อนร่วมงาน ทั้งลูกน้อง นี่ก็กำไรทั้งนั้น


ถ้ากำไรที่เราอยากได้ ลอยมาหาเราได้เองนี่ถือว่าโชคดีมาก ซึ่งถ้าโชคดีเรื่อย ๆ ก็ยิ่งดีใหญ่ แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้นล่ะ จะทำอย่างไร เราเคยประเมินสถานการณ์ ประเมินความเป็นไปได้ในเรื่องการทำงานของเราบ้างมั้ย


มนุษย์เงินเดือนคือนักธุรกิจ และสินค้าของเราก็คือ เวลาและความรู้ความสามารถ

หนึ่งคน ก็มีหนึ่งธุรกิจของตัวเอง


ค่านิยมสมัยก่อน คนหนึ่งคนหรือธุรกิจหนึ่งธุรกิจ ก็จะให้บริการกับลูกค้าคือบริษัทที่จ่ายเงินเดือนให้กับเราเป็นประจำ ได้แค่หนึ่งบริษัท ทั้งเวลา ทั้งความรู้ความสามารถที่เรามี ก็ใส่ให้กับลูกค้ารายเดียวก็คือบริษัทนี่แหละ เคยมีความคิดฝังหัวคนรุ่นนึงว่า พนักงานประจำคือพนักงานที่บริษัทจ้าง 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ถึงเวลาที่ระบุจริงในสัญญาจ้างงานคือ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น จันทร์ถึงศุกร์ก็ตาม แต่เชื่อผมสิว่ามีไม่น้อยที่คิดว่าเวลาทั้งชีวิตเป็นของบริษัท


แต่สมัยนี้ไม่ใช่แล้ว คนหนึ่งคนหรือธุรกิจหนึ่งธุรกิจ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หมดแล้วจบกัน เวลาหลังจากนี้ เราสามารถขายความรู้ความสามารถให้กับคนซื้อคนอื่นได้ เท่าที่เวลาเรามี และความรู้ความสามารถของเราที่โดนใจลูกค้า


สถานการณ์เปลี่ยน ค่านิยมเปลี่ยน ถ้าเราตามไม่ทัน ไม่มีอะไรที่น่าเสียดายเท่ากับการเสียโอกาส


แล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเราเคยประเมินสถานการณ์ หรือตั้งคำถามในแต่ละปีกันบ้างมั้ย


รายได้รวมของปีนี้จะเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถ้าโบนัสมีผลต่อรายได้รวมในแต่ละปี ทำอย่างไรถึงจะได้โบนัสตามที่คาด ถ้าผลประเมินมีผลต่อการพิจารณาโบนัส ผลงานต้องออกมาดีแค่ไหน ถึงจะมีผลให้การประเมินออกมาดี ที่สำคัญเรามีโอกาสที่จะเลื่อนตำแหน่งมากน้อยแค่ไหน ถ้าตำแหน่งที่สูงขึ้นหมายถึงรายได้ที่มากขึ้น และคนแบบไหนกันที่จะเป็นคนแรกที่มีสิทธิได้เลื่อนขั้น

SWOT Analysis เป็นเรื่องพื้นฐานในการวิเคราะห์ธุรกิจ ถ้าเรามองว่ามนุษย์เงินเดือนหนึ่งคนคือหนึ่งธุรกิจ แล้วทำไมเราไม่ลองทำ SWOT Analysis ให้กับตัวเราเองก่อน นิยามของ SWOT ใน Google มีเต็มไปหมด ทั้งแบบสั้น แบบยาว แต่ผมจะเสนอนิยามในแบบที่ผมเข้าใจนะครับ

  • S : Strengths หรือจุดแข็ง คืออะไรก็ได้ที่เรามีแต่คนอื่นไม่มี แล้วเป็นประโยชน์ต่องานที่เราทำ ถ้าเรามีแล้วคนอื่นก็มี แบบนั้นก็ไม่ใช่จุดแข็ง หรือถ้าเรามี แต่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับงานที่เราทำ นั่นก็ไม่ใช่จุดแข็ง
  • W : Weaknesses หรือจุดอ่อน ตรงข้ามกับ S คืออะไรที่เราไม่มีแต่คนอื่นมี แล้วทำให้เราเสียเปรียบคนอื่นหรือคู่แข่ง ถ้าสิ่งที่เราไม่มี ไม่ได้มีผลให้เราเสียเปรียบ ก็ไม่ใช่จุดอ่อน
  • O : Opportunities หรือโอกาส คืออะไรก็ได้ที่ไม่ได้เกิดจากตัวเรา แต่เป็นสิ่งรอบตัวเราที่สนับสนุนให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้มากที่สุด
  • T : Threats หรืออุปสรรค ตรงข้ามกับ O คือสิ่งที่ไม่ได้เกิดจากตัวเรา แต่ขัดขวางไม่ให้เราไปได้ถึงเป้าหมาย

  • จุดแข็ง คือสิ่งที่เราต้องเปลี่ยนสภาพให้เป็นจุดขาย
  • จุดอ่อน คือสิ่งที่เราต้องหาวิธีลดให้น้อยที่สุด ไม่ให้เป็นเป้าให้คนอื่นหรือคู่แข่งใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำลายเรา
  • โอกาสคือ สิ่งที่บางครั้งเราต้องตามหา หรือเมื่อจังหวะมา เราต้องพร้อมที่จะคว้ามันไว้
  • อุปสรรค คือสิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยง


SWOT Analysis จะต้องทำอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้เห็นภาพว่า อีกไกลแค่ไหนที่เราจะถึงเป้าหมาย แล้วถ้าเราอยากไปถึงเป้าหมายให้เร็วขึ้น เราต้องวิ่งเร็วแค่ไหน และวิ่งเส้นไหนถึงจะใกล้ที่สุด


ถ้าเป้าหมายในวันนี้คือ การเติบโตจากเจ้าหน้าที่ไปเป็นผู้จัดการ มาลอง SWOT Analysis ดูซักทีดีมั้ยว่าอีกไกลแค่ไหนถึงจะใกล้


รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เพราะฉะนั้นก่อนจะไปรู้เขา รู้เราให้แน่นก่อนนะครับ