5 Soft Skill ที่คุณต้องมีถ้าอยากเติบโตในองค์กร

เรื่อง : HR-The Next Gen


Hi-Lights:

  • Creativity   หรือความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งใครที่มีความคิดสร้างสรรค์ยิ่งได้เปรียบ
  • Adaptability นี่คือการทำงานแบบ Agile คือความสามารถในการปรับตัวและเอาตัวรอดให้ได้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ใครปรับตัวได้ไวกว่าคนนั้นก็มีโอกาสที่มากกกว่านั่นเอง


การเติบโตในอาชีพคือเป้าหมายของการทำงานจริงไหม


มีเสียงแว่ว ๆ มาว่าไม่ใช่ ฮ่าๆ ซึ่งไม่ผิดครับ ถ้าตอนนี้พี่เป็น CEO  แล้วพี่จะโตไปไหนได้อีกล่ะ


เอาจริง ๆ  ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง CEO หรอกครับที่ไม่อยากจะโตต่อ ว่ากันตามประสบการณ์ของผมที่น่าจะตรงกับใครหลายคนคือ มีคนอีกไม่น้อยเหมือนกันที่โตมาได้ระดับนึงก็รู้สึกว่าพอแล้ว ไม่ได้อยากจะโตไปมากกว่านี้ วันนี้เป็น VP ก็อยากจะเกษียณไปกับ VP  นี่แหละ ไม่ได้อยากจะโตไปมากกว่านี้แล้ว


เป้าหมายแต่ละคนในแต่ละวัยก็ต่างกันไป ไม่มีใครผิดใครถูกนะครับ


วนกลับเข้ามาหาคนที่อยากจะโตดีกว่า ถ้าอยากจะโตจริง ๆ ก็ต้องรู้ว่าองค์กรหรือบริษัทที่เราอยู่เค้ามีเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งผมก็มั่นใจแน่ ๆ ว่าอย่างน้อยต้องพิจาณาว่า ถ้าอยากจะโต Skill หรือทักษะในการทำงานก็ต้องดีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะโต การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมาก


ทีนี้ในเรื่องของทักษะ โดยทฤษฎีจะแบ่งออกเป็น  2 ประเภทคือ  Hard Skill กับ Soft Skill  ไม่ต้องพยายามจะแปลเป็นกระด้างภัณฑ์ ละมุนภันฑ์ เหมือน Hardware Software นะครับ แล้วแก้ความเข้าใจให้ถูกต้องด้วยว่าสองคำนี้มันไม่มีจริงนะ ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติ ไม่เคยกำหนดไว้


Hard Skill ก็คือทักษะที่เกี่ยวกับการทำงานโดยตรงเลย เอาง่าย ๆ  ว่าถ้าหน้างานเราคือทำผัดกะเพรา เราก็ต้องรู้ว่าผัดกะเพราต้องผัดยังไง ถ้าเราไม่มีความรู้วิธีการทำผัดกะเพรา รู้แต่วิธีทำข้าวหมูทอด ก็แปลว่าเราไปทำงานผัดกะเพราไม่ได้ ทำได้แค่ข้าวหมูทอด เพราะฉะนั้น Hard Skill จึงแตกต่างกันออกไปตามหน้างานของแต่ละคน


ในขณะที่ Soft Skill  ไม่สนว่าหน้างานของเราคืออะไร เพราะปรับใช้ได้กับทุกสายงาน ซึ่งถ้าใครมีทักษะเหล่านี้ ก็ไม่น่าแปลกที่จะโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ สมมตินะครับสมมติ ผมสมมติว่า Soft Skill คือความปากหวาน คนที่มี Hard Skill ผัดกะเพรา แล้วมี Soft Skill คือความขี้อ้อน ก็น่าจะขายดีกว่าคนที่ผัดกะเพราเป็นเฉย ๆ

soft-skill-1205510743

แล้ว Soft Skill แบบไหนที่น่าจะทำให้เราโดดเด่นได้ในสถานการณ์การทำงานตอนนี้ นี่คือ 5 Soft Skill ที่ควรต้องมีในยุคนี้ครับ
 

  1. Creativity   หรือความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งใครที่มีความคิดสร้างสรรค์ยิ่งได้เปรียบ ลองมองย้อนกลับไปที่เรื่องกะเพราเหมือนเดิมถ้าเติมความคิดสร้างสรรค์ลงไป ก็น่าจะขายได้ดีกว่าเดิมจริงไหม คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเกิดปัญหาก็น่าจะหาทางเลือกได้หลายทาง ซึ่งก็น่าจะมีโอกาสให้เจอทางที่ถูกต้องได้
  2. Communication หรือการสื่อสารซึ่งผมเหมารวม Presentation หรือการนำเสนอเข้าไปด้วยเลยนะครับ เช่นกันครับ เราอยู่ในยุคของการแข่งขัน นอกจากเราอยากจะโต คนอื่นก็อยากจะโตเหมือนกัน ทีนี้ถ้าเราเก่งแต่พูดไม่รู้เรื่อง เก่งแต่นำเสนอไม่เป็น โอกาสจะแป้กมันก็ยังมี มองข้ามเรื่องแบบนี้ไปไม่ได้นะครับ อ้อ! พูดเก่งไม่ได้แปลว่าสื่อสารเก่งนะ ต้องแยกให้ออกนะครับ
  3. Adaptability นี่คือการทำงานแบบ Agile ที่ไม่ได้หมายความว่าให้เราปรับตัวเก่งแบบกิ้งก่า เปลี่ยนสีไปมา เอาแต่เล่นการเมืองในองค์กร ซึ่งแบบนั้นก็โตได้นะ แต่ไม่ใช่การโตแบบมีเสถียรภาพครับ Adaptability คือความสามารถในการปรับตัวและเอาตัวรอดให้ได้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ใครปรับตัวได้ไวกว่าคนนั้นก็มีโอกาสที่มากกกว่านั่นเอง
  4. Business Acumen จริง ๆ ข้อนี้ผมเองมองว่าเป็นเรื่องพื้นฐานนะ แต่จากประสบการณ์ก็ยังเห็นถึงการไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก Business  Acumen แปลเป็นไทยว่าไหวพริบหรือความเฉียบแหลมในเชิงธุรกิจ อ่านแล้วอาจจะยังงง ๆ ผมแปลในแบบของผมก็คือ อย่ารู้แค่งานตัวเอง แต่ต้องรู้ภาพรวมของธุรกิจที่เราทำอยู่ บริษัทแบบเรา Business Model เป็นยังไง อะไรคือที่มาของรายได้ อะไรคือค่าใช้จ่าย แล้วทำยังไงให้บริษัทมีกำไรสูงสุดหรือเป็นไปตามเป้าหมาย ถ้าเรารู้ชัดหรือมีทักษะนี้  เราจะมองออกว่าในแต่ละสถานการณ์งานของเราควรไปในทิศทางแบบไหน
  5. People Management  ข้อสุดท้าย วนกลับมาที่เรื่องคน เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ยังต้องทำงานกับคน แล้วยิ่งโตแค่ไหนก็ยิ่งต้องบริหารคนให้เป็น แต่การบริหารคนที่ผมพูดถึง ไม่ได้หมายความแค่ว่าหัวหน้าบริหารลูกน้องเท่านั้น แต่ผมยังหมายถึงการเป็นลูกน้องที่ต้องบริหารหัวหน้าให้ได้ และการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ต้องบริหารเพื่อนร่วมงานด้วยกันได้เช่นกัน


สิ่งที่เราต้องคิดก็คือ 5 ข้อนี้อะไรที่เรามี อะไรที่เราขาด และที่ลืมไม่ได้ ทั้งหมดนี้คือ Skill  หรือทักษะ นั่นแปลว่ามันพัฒนาได้ และเราจำเป็นต้องพัฒนาอยู่ตลอดเพื่อการเติบโตครับ