เงิน 10 ล้าน ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้กี่ปี

อีกบทเริ่มต้นของชีวิตที่มีทั้งคนอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ จะได้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น แต่อีกหลาย ๆ คนก็ไม่อยากให้วันนั้นมาถึง เพราะเงินเก็บยังมีไม่มากพอ บทเริ่มต้นที่ว่านี้ก็คือ “การเกษียณตัวเองจากการทำงานแลกเงิน”


การจะเกษียณได้ต้องมีเงินเป็นตัวตั้งต้น ซึ่งจำนวนเงินที่มากพอของแต่ละคน ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิต และความต้องการที่แตกต่างกันไป หากคิดเป็นตัวเลขกลม ๆ ที่น่าจะพอสำหรับหลาย ๆ คน อาจอยู่ที่ราว ๆ 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ ถ้านำทฤษฎีของ William P. Bengen มาปรับใช้ จะพอใช้ไปอีกกี่ปีหลังเกษียณมาดูกัน 

2261702113

William P. Bengen เป็นนักวางแผนการเงินชาวอเมริกัน เขาได้คำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนไว้เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ออกมาเป็น The 4% Rule โดยหลักการนี้กล่าวไว้ว่า ถ้าเรานำเงินที่เตรียมไว้ใช้หลังเกษียณมาลงทุน เช่น เก็บไว้ในหุ้น 60% และพันธบัตร 40% เราจะสามารถถอนเงินที่เตรียมไว้ออกมาใช้ได้ปีละ 4% (ที่ปรับตามเงินเฟ้อแล้ว) เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งหลักการนี้เป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในอดีต ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6% – 8% ต่อปี  จึงไม่สามารถนำมาเทียบกับปัจจุบันที่ปัจจัยหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปแล้วได้ โดยนักวิเคราะห์ในปัจจุบันกล่าวไว้ว่า การถอนเงินออกมาใช้ที่ปีละ 3% หรือน้อยกว่านั้นได้ น่าจะปลอดภัยกว่า แต่จะพอใช้หรือไม่ เป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องไปบริหารจัดการกัน


สิ่งที่เราเรียนรู้จากหลักการนี้ก็คือ นอกจากจะต้องมีเงินกองทุนเพื่อการเกษียณอายุเตรียมไว้แล้ว เราควรนำเงินก้อนนี้ไปวางไว้ในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนยิ่งสูงได้เท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อให้เงินก้อนนี้มีดอกผลออกมาสู้กับเงินเฟ้อที่ทำให้ข้าวของแพงขึ้นในอนาคตได้ และหากอัตราเงินเฟ้อในอนาคตอยู่ที่ 4% เท่ากับจำนวนเงินที่เราคาดว่าจะถอนออกมาใช้ทุกปีตาม The 4% Rule ผลจะเป็นอย่างไร มาดูกัน


ตัวอย่าง : เตรียมเงินไว้ 10 ล้านบาท นำไปวางไว้ในสินทรัพย์การลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนต่างกันไป และวางแผนถอนเงิน ออกมาใช้หลังเกษียณ 4% ทุกปี โดยปีแรกถอนออกมา  400,000 บาท ในปีที่สองถอนอีก 4% แบบปรับตามเงินเฟ้อด้วย ก็จะเท่ากับ 416,000 บาท ปีที่สามถอนออกมา 432,640 บาท เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ทุกปี ผลที่ได้จะเป็นตามตารางนี้
 

อัตราผลตอบแทน / อัตราดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายปี (%)

จำนวนปีที่อยู่ได้
ด้วยเงินเก็บตั้งต้น 10 ล้านบาท

1

18

2

20

3

22

4

24

5

28

6

33

7

42

8

68


อ้างอิงการคำนวณจาก https://www.mycalculators.com/ca/retcalc2m.html


จากตาราง ถ้าผลตอบแทนที่เราได้จากเงิน 10 ล้านบาท อยู่ที่ 1% - 4% ทบต้นเป็นรายปี เราจะอยู่ได้ด้วยเงินก้อนนี้ไม่เกิน 24 ปี ใครที่อยากเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ต้องคิดหนักหน่อย แต่ถ้าเงินก้อนนี้วางอยู่ในสินทรัพย์ที่ได้อัตราผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อมากเท่าไหร่ เงินของเราก็จะสู้กับภาวะที่ข้าวของราคาแพงจากเงินเฟ้อได้นานขึ้นเท่านั้น 

ในชีวิตจริง หากเก็บเงินได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท และไม่สามารถมองหาสินทรัพย์การลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อได้ เราก็จะมีเงินใช้ต่อเดือนน้อยลง และต้องภาวนาเงินเฟ้อในอนาคตไม่สูงไปกว่าปัจจุบัน แต่สิ่งที่เราทำได้ในวันนี้ก็คือ วางแผนเก็บเงินให้เร็ว สะสมความรู้ และมองหาตัวช่วยที่พาเราไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ให้ได้ มีการกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่หลากหลายรูปแบบ หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น


การฝากเงินที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit หรือ FCD) เป็นหนึ่งในการลงทุนที่มาในรูปแบบของบัญชีเงินฝาก ซึ่งแน่นอนว่าจะมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็ที่มีโอกาสทำกำไร ทั้งจากดอกเบี้ยเงินฝาก และส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน หากเรายอมรับความเสี่ยงของค่าเงินได้ การนำเงินบางส่วนไปวางไว้ใน FCD เพื่อเก็บไว้ในระยะยาว ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่น่าสนใจไม่น้อยเลย


กองทุนรวม เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่เข้าถึงได้ง่าย มีให้เลือกทั้งแบบที่ลงทุนในเงินฝาก พันบัตร หุ้นกู้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตลอดจนสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ น้ำมัน และกองทุนรวมแบบผสม สามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลให้เป็นไปตามนโยบายของแต่ละกองทุน ที่สำคัญเราสามารถทยอยออมเงินเก็บไว้ในกองทุนรวมผ่านทางแอป SCB EASY ได้ตั้งแต่วันนี้ ใครยังไม่มีบัญชีกองทุน ก็เปิดผ่านแอปได้เลย แล้วเข้าไปที่เมนูการลงทุน > เลือกกองทุนรวม > เลือกตั้งรายการล่วงหน้า โดยให้ตัดเงินอัตโนมัติทุกเดือนเก็บไว้ในกองทุนที่เราต้องการ

ใครที่ซื้อกองทุนรวมผ่านทางแอป SCB EASY จะมีข้อดีคือ เราสามารถซื้อกองทุนรวมได้หลากหลาย บลจ.ชั้นนำ และทุกกองทุนที่ซื้อผ่านแอป SCB EASY จะแสดงอยู่ในหน้าพอร์ตการลงทุนที่เห็นภาพรวมแบบเข้าใจง่าย รู้ว่าพอร์ตกองทุนรวมของเรากระจายอยู่ในสินทรัพย์อะไรบ้าง เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ สถานะปัจจุบัน กำไร หรือขาดทุนอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ จุดนี้เองทำให้เราสามารถวางแผน หรือปรับพอร์ตการลงทุนของเราให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายได้อย่างมีทิศทาง นอกจากนี้ในเมนูกองทุนรวม ยังมีฟีเจอร์ WEALTH4U เข้ามาช่วยแนะนำกองทุนรวมที่เหมาะกับเราให้อีกด้วย ถ้าดูแล้วเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อกองทุนไหนดี ก็มีฟังก์ชันช่วยเปรียบเทียบกองทุนให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น จะดูประวัติซื้อขายกองทุนย้อนหลังก็ทำได้ ช่วยให้จัดงบประมาณในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


การวางแผนการเงิน และการลงทุน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ เพื่อให้ตัวเราและคนที่เราต้องดูแล สามารถใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้ทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้าอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ที่สำคัญควรลงทุนในสิ่งที่เรามีความรู้ ความเข้าใจ และเหมาะกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ธนาคารไทยพาณิชย์ เว็บไซต์บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ , แอปพลิเคชัน SCB EASY หรือสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777