ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ชี้ 5 สัญญาณสังขารเสื่อมถอยในวัยหลักสี่
เมื่ออายุก้าวสู่หลักเลขหลัก 4 ก็เริ่มมีสัญญาณความไม่ปกติในร่างกายปรากฏขึ้นทีละอย่างสองอย่างที่ทำให้การใช้ชีวิตของเราไม่สุขสบายอย่างที่ผ่านมา การหมั่นสังเกตตัวเองจะช่วยให้เราสามารถชะลอความเสื่อมถอยและยืดอายุการใช้งานอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายไปได้ถึงวัยชรา มาลองดู 5 สัญญาณที่บ่งบอกภาวะสุขภาพเมื่อเลขอายุมากขึ้น
1. เหงือกร่น
ภาวะเหงือกร่น คืออาการที่เหงือกรอบฟันอ่อนแอลงทำให้เนื้อเหงือกร่นลงไปหารากฟัน ส่งผลให้เนื้อฟันสัมผัสกับเชื้อโรคมากขึ้น และเป็นแหล่งสมสะสมของเชื้อโรค นำไปสู่การเกิดคราบหินปูน ปัญหาในช่องปาก ซึ่งถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ให้เป็นมากขึ้น ไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที ก็จะทำให้กระดูกฟันเสียหาย หลุดร่วงไปในที่สุด ซึ่งฟันก็เป็นอวัยวะสำคัญในการเคี้ยวอาหาร และถ้าสูญเสียฟันก่อนวัยอันควรและกินเคี้ยวอาหารไม่สะดวก คงทำให้ความสุขในแต่ละวันของเราหายไปไม่ใช่น้อย
อาการของภาวะเหงือกร่นที่สังเกตได้ง่ายๆ คืออาการเสียวฟัน มีเลือดออกหลังจากแปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟัน เหงือกบวมแดง ลมหายใจมีกลิ่น รู้สึกเจ็บบริเวณเหงือกกัดเคี้ยวลำบาก ฟันจะเริ่มโยกแล้วถ้าสังเกตดีๆ ฟันจะมีรูปร่างยาวกว่าปกติ
ลองสังเกตดูว่าหากเราเริ่มมีอาการแบบนี้ อย่านิ่งนอนใจ เพราะเหงือกร่นจะร่นแล้วร่นเลย เอากลับมาไม่ได้ ที่ทำได้คือดูแลไม่ให้เหงือกร่นมากไปกว่าเดิม แนะนำรีบไปพบทันตแพทย์ให้ช่วยดูแลรักษาเหงือกและฟันให้อยู่กับเราไปนานๆ
2. นอนไม่หลับ
จากที่เคยนอนหลับสนิทตลอดคืน พออายุขึ้นเลข 4 ก็เริ่มนอนไม่หลับ หลับยาก บางทีก็นอนกระสับกระส่าย ตื่นกลางดึกแล้วก็นอนไม่หลับอีก ซึ่งถ้าเป็นมากขึ้นก็จะส่งผลเสียต่อชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองนึกภาพตอนเช้ามาก็อ่อนเพลียไม่สดชื่น ตอนกลางวันก็ง่วงเหงาหาวนอน สมาธิทำงานกระเจิดกระเจิง แล้วก็จะลุกลามไปถึงสุขภาพโดยรวม เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานภายในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ นำไปสู่โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือเกิดภาวะอ้วนตามมา รวมถึงภาวะสุขภาพจิตที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลอีกด้วย
ภาวะนอนไม่หลับเกิดจากหลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในช่วงวัยที่เพิ่มขึ้น โดยร่างกายจะผลิตสารเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้นอนหลับได้ลดลง ในช่วงวัยกลางคนเข้าสู่วัยชราจึงมักพบปัญหาการนอนไม่หลับ ร่วมด้วยกับปัจจัยอื่นๆ เช่นเรื่องจิตใจ ความเครียดกังวล เป็นต้น หากมีภาวะนอนไม่หลับเกิดขึ้น แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
3. ระบบขับถ่ายไม่ดี
หลังจากผ่านสมรภูมิการกินบุฟเฟต์ ปิ้งย่างสุดคุ้มมานับไม่ถ้วน จู่ๆ มาวันนึงก็เกิดอาการขับถ่ายไม่ออกที่เรียกว่าท้องผูกซะอย่างงั้น อาการท้องผูกพบได้บ่อยในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป เพราะประสิทธิภาพการทำงานระบบเผาผลาญในร่างกายและระบบขับถ่ายเริ่มถดถอยลง คนในวัยนี้จึงต้องเพิ่มความใส่ใจอาหารที่รับประทาน โดยเน้นการทานผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืชที่อุดมด้วยไฟเบอร์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว รวมถึงออกกำลังกายช่วยให้การบีบตัวของลำไส้ขับถ่ายเป็นปกติ
อย่างไรก็ดี อาการท้องผูกเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ หากมีอาการท้องผูกเรื้อรังไม่หาย แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
4. เหนื่อยง่าย
จากที่เมื่อก่อนเคยเดินวิ่งได้ไกลๆ ไม่เหนื่อย มาตอนนี้เดินขึ้นบันไดนิดเดียวก็เหนื่อยแล้ว การที่เราเหนื่อยง่ายขึ้น อาจเป็นเพราะวัยที่มากขึ้นและขาดการออกกำลังกายหรือนอนไม่พอทำให้ร่างกายอ่อนแอลง บางทีมาจากความเครียดกังวลท้อแท้ในจิตใจ แม้ฟังดูว่าเป็นเรื่องปกติที่กำลังวังชาถดถอยไปตามวัย แต่การเหนื่อยง่ายก็อาจเป็นอาการของโรคหัวใจ โรคปอด โรคโลหิตจาง โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคของประสาทและกล้ามเนื้อ หมั่นสังเกตตัวเองให้ดี หากรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
5. สายตาไม่คมชัดเหมือนก่อน
จากที่เราใช้สายตามองหน้าจอทำงานอย่างหนักหน่วงมากว่ายี่สิบปี ก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องใส่ใจหาเวลาตรวจเช็คสุขภาพตาอย่างละเอียด เพราะในวัยหลักสี่ขึ้นไป หลายคนก็จะเริ่มมีมองใกล้ไม่เห็น ต้องขยับจอไปมองไกล หรือที่เรียกว่า สายตายาว นั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น อาจเริ่มมีปัญหาสายตาอื่นๆ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ เบาหวานขึ้นตา ภาวะตาแห้ง เป็นต้น โดยบางโรคอย่างต้อหิน ที่เป็นภัยเงียบเพราะสามารถทำให้ตาบอดอย่างช้าๆ อาการเริ่มแรกอาจจะน้อยมากแทบไม่รู้สึก กว่าจะรู้สึกถึงความผิดปกติประสาทตาก็ถูกทำลายไปมากแล้ว คงไม่ดีแน่หากเกิดมองไม่เห็นในยามชรา ดังนั้น เราควรหมั่นสังเกตและเช็คการมองเห็นอยู่เป็นประจำว่ายังปกติดีเหมือนเดิมหรือไม่ หากรู้สึกถึงความผิดปกติเช่น เห็นเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง หรือมีเงาลอยไปลอยมา แนะนำปรึกษาจักษุแพทย์ดูแลสุขภาพตาเพื่อให้เราสามารถมองเห็นโลกอย่างมีความสุขไปจนถึงบั้นปลายชีวิต
ความเสื่อมถอยของร่างกายเนื่องจากอายุที่มากขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เราก็สามารถป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ด้วย
ประกันสุขภาพ
เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินในกรณีเจ็บป่วยและสร้างความอุ่นใจให้เราอีกด้วย