ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
6 วิธีเยียวยาใจผู้สูงอายุช่วงกักตัว
ในช่วง COVID-19 ผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงจึงมักไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านไปไหน อาจทำให้คนกลุ่มนี้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย มีความเครียดในจิตใจ ลูกหลานหรือผู้ดูแลควรหากิจกรรมให้ทำเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน และสัมพันธภาพที่ดีกับทุกคนในครอบครัว ที่สำคัญต้องรู้ว่าผู้สูงอายุชื่นชอบอะไร แล้วลองหากิจกรรมมาทำร่วมกัน ขอแนะนำวิธีเยียวยาใจผู้สูงอายุให้มีความสุขมากขึ้นเมื่อต้องกักตัวอยู่แต่ที่บ้าน
1. ชวนพูดคุยเพื่อให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือเงียบเหงา
วิธีนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ลูกหลานสามารถทำได้ ด้วยการชวนคุยถึงเรื่องราวที่ได้ไปพบเจอหรือข่าวสารที่น่าสนใจ เช่น หากออกไปนอกบ้านอาจเล่าว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง หรือถ้าหากไปเจอสิ่งที่ผู้สูงอายุชื่นชอบก็อาจจะเล่าว่าไว้วันหลังจะพาไปสถานที่แห่งนั้นด้วยกัน เพื่อให้ท่านรับรู้ชีวิตความเป็นไปของลูกหลาน และทำให้รู้สึกว่ายังเป็นคนสำคัญที่ลูกหลานนึกถึงอยู่เสมอ
2. ชวนทำกิจกรรมร่วมกันให้มากขึ้น
ควรให้ผู้สูงอายุได้ทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และคลายเหงา เช่น ชอบทำอาหารอาจขอให้ช่วยสอนหรือแนะนำเคล็ดลับเมนูเด็ดของท่าน หากชอบทำงานฝีมือลองชวนมาช่วยกันทำหน้ากากอนามัย หรือ Face Shield ส่งไปตามโรงพยาบาลที่ขาดแคลน ชอบทำสวนก็ชวนกันปลูกผักสวนครัวเอาไว้กินช่วงกักตัว ชอบร้องเพลงอาจชวนร้องคาราโอเกะด้วยกัน ชอบเล่นดนตรีขอให้เล่นดนตรีให้ฟัง เป็นต้น การให้ผู้สูงอายุได้ทำในสิ่งที่ชอบ นอกจากเป็นการฝึกฝนให้ใช้ทักษะต่างๆ เพื่อพัฒนาสมอง ยังทำให้ผู้สูงอายุมีความภูมิใจในตนเองว่ายังมีคุณค่าต่อผู้อื่น
3. ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ยิ่งผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากขาดการออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายถดถอย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง เหนื่อยง่าย ส่งผลต่อความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังทำให้ร่างกายแอคทีฟขึ้น ช่วยเพิ่มอารมณ์ด้านบวก ลดอาการซึมเศร้า ความเครียด เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มระดับของสารเคมีในสมองที่ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น เช่น เอนดอร์ฟิน (endorphins) ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้หลับลึกขึ้น ลดฮอร์โมนความเครียด และทำให้จิตใจสงบ
4. ชวนฝึกทำสมาธิ
ไม่ว่าวัยใดการนั่งสมาธิมีประโยชน์มากมาย ยิ่งในผู้สูงอายุที่มักจะมีอาการซึมเศร้าวิตกกังวลในเรื่องสุขภาพร่างกายที่เสื่อมถอยทำให้จิตใจหดหู่ การนั่งสมาธิหรือการทำสมาธิ ด้วยการฝึกใจให้มีความจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติเกิดความสงบ มีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการช่วยบรรเทาอารมณ์หดหู่ และภาวะซึมเศร้าภายในจิตใจ
5. ชวนดูซีรีส์หรือหนังออนไลน์ร่วมกัน
ปัจจุบันมีบริการวิดีโอสตรีมมิ่งให้สมัครเป็นสมาชิก ซึ่งมีทั้งหนัง ซีรีส์ และสารคดีให้เลือกดูมากมายตามความชื่นชอบ ลูกหลานสามารถสอนให้ผู้สูงอายุหัดเปิดดูเวลาที่อยู่ตามลำพัง หรือจะหาซีรีส์ดีๆ แล้วชักชวนมาดูพร้อมกันทั้งครอบครัว และเมื่อดูจบแต่ละตอนยังสามารถใช้เป็นหัวข้อพูดคุยแสดงความคิดเห็นระหว่างกันได้ นอกจากนี้การดูหนังยังเป็นวิธีง่ายๆ ในการปลดปล่อยความรู้สึกให้เป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา ช่วยระบายความอัดอั้นตันใจ เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ดูหนังรักหนังเศร้าเคล้าน้ำตา หรือถ้ามีความเครียดก็ดูหนังตลกให้ผ่อนคลายอารมณ์ การดูหนังจึงเป็นวิธีการง่ายๆ ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุคลายความเครียดในใจได้เป็นอย่างดี
6. ฝึกหัดให้เล่นไลน์กรุ๊ป & พูดคุยกับเพื่อนผ่านไลน์
หากผู้สูงอายุไม่เคยเล่นไลน์ ลองสอนให้หัดเล่นไลน์เพื่อที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนในวัยเดียวกัน ได้ติดตามข่าวสารของเพื่อนและเรื่องราวในสังคม การได้พูดคุยเล่นไลน์กับเพื่อนก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเหงา คลายความตึงเครียดในใจได้อีกวิธีหนึ่ง ที่สำคัญกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันมักจะประสบปัญหาใกล้เคียงกัน ทั้งเรื่องสุขภาพ ครอบครัว และลูกหลาน การได้ระบายความรู้สึกออกมาให้เพื่อนรับรู้ ก็จะเห็นใจเข้าใจหัวอกซึ่งกันและกัน มากกว่าการพูดคุยกับลูกหลานที่ต่างวัยและประสบการณ์ เพราะการมีคนรับฟังให้คำปรึกษาจะทำให้รู้สึกว่ายังมีคนที่เหมือนหรือแย่กว่า และไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกนี้
การเยียวยาจิตใจผู้สูงอายุภายในบ้าน นับเป็นการประคับประคองซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ลูกหลานต้องให้ความสำคัญ เพราะผู้สูงอายุคือบุคคลที่เชื่อมโยงครอบครัวให้สามัคคีรักใคร่กัน และอย่าลืมดูแลสุขภาพอนามัยของท่าน ทั้งการจัดหาหน้ากากอนามัยให้สวมใส่ เฝ้าระวังไม่ให้ใครมาแพร่เชื้อด้วยการรักษาระยะห่าง หมั่นเตือนให้ล้างมือบ่อยๆ จัดแยกสำรับกับข้าวและของใช้ส่วนตัวออกจากคนในบ้าน ก็จะทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพใจและกายที่แข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลานไปได้อีกนาน
ข้อมูล
https://www.thairath.co.th/women/beauty/health/1528755
https://www.bangkokhealth.com/health/article