ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
มะเร็งปากมดลูก มะเร็งร้ายอันดับ 1 คร่าชีวิตหญิงไทย
เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ต้องเป็นฝ่ายตั้งท้อง อุ้มท้องลูกน้อยถึงเก้าเดือน ซ้ำร้ายอวัยวะที่ใช้ในการสืบทอดเผ่าพันธุ์และเลี้ยงดูลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นปากมดลูก รังไข่ รวมทั้งเต้านมยังเป็นอวัยวะที่มีโอกาสเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็ง โรคร้ายที่สร้างความเจ็บปวดและคร่าชีวิตผู้คนมากมาย คุณผู้หญิงอาจพอทราบมาบ้างว่ามะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทยคือมะเร็งเต้านม แต่ทราบหรือไม่ว่ามะเร็งที่พรากชีวิตหญิงไทยมากที่สุดคือ “มะเร็งปากมดลูก” ทุกปีมีผู้หญิงที่ป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 53,000 รายทั่วโลก ซึ่ง 85% มาจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเช่นบ้านเรา วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับมะเร็งปากมดลูกตัวร้ายว่ามีสาเหตุจากอะไร มีจุดสังเกตอาหารเบื้องต้นอย่างไร ถ้าเป็นแล้วมีวิธีการรักษาด้วยวิธีใด โอกาสหายมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญที่สุดวิธีป้องกัน ดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูกต้องทำอย่างไร
ปากมดลูกคืออะไร อยู่ตรงไหน
ปากมดลูก (cervix) คือ ส่วนหนึ่งของตัวมดลูก (uterus) ที่ยื่นเข้ามาในช่องคลอด (vagina) ปากมดลูกมีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร โดย ปากมดลูก (cervix) แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. ปากมดลูกด้านนอก (Ectocervix) คือ ส่วนนอก จะมีผิวเรียบสีขาวปนชมพูบุด้วยเซลล์ชนิดแบน เป็นแผ่น (Squamous) 2. ปากมดลูกด้านใน ( Endocervix) คือ จะเป็นรูอยู่ตรงกลาง บุด้วยเนื้อเยื่อสีแดงปนชมพู คล้ายกำมะหยี่ คลุมด้วยเซลล์รูปร่างเป็นแท่ง สี่เหลี่ยมผืนผ้า (Columnar cell) ซึ่งสามารถหลั่งน้ำเมือก (mucous) ได้ บริเวณที่เป็นรอยต่อระหว่าง ปากมดลูกด้านนอกและปากมดลูกด้านใน เรียกว่า ทรานซิชัน (Transition Zone) เป็นบริเวณที่มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก
สำหรับต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกนั้น มีตั้งแต่สารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ แต่รู้ไหมว่าตัวการหลักของมะเร็งปากมดลูกนั้นก็คือ เชื้อไวรัส เอชพีวี (Human Papilloma Virus) เชื้อ HPV สามารถติดต่อโดยตรงจากการสัมผัส ช่องทางหลักคือเพศสัมพันธ์ เมื่อได้รับเชื้อ HPV จะอยู่ในร่างกายและมีเวลาดำเนินโรคประมาณ 10-15 ปี โดยจะแสดงอาการชัดเจนเมื่ออายุ 30-60 ปี ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้ แต่ร่างกายสามารถกำจัดไปได้ และมีบางส่วนที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อได้ก็เกิดเป็นมะเร็งร้ายที่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้แก่
อาการที่บ่งชี้ว่าอาจเป็นมะเร็งปากมดลูก
ในระยะก่อนมะเร็งหรือมะเร็งในระยะเริ่มแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแต่เมื่อโรคมีความรุนแรนมากขึ้นจะพบอาการดังต่อไปนี้
ถ้ามีอาการเหล่านี้ต้องไปพบสูตินรีแพทย์โดยด่วน เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูง
จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว?
สามารถทราบได้โดยการตรวจคัดกรอง ซึ่งมีหลายวิธีได้แก่
การตรวจด้วยวิธีแป๊ปสเมียร์ (Pap smear)
เป็น การเก็บตัวอย่างเซลล์เยื่อบุผิวจากบริเวณปากมดลูก และช่องคลอดด้านใน ป้ายลงบนแผ่นสไลดแก้ว แล้วนำแผ่นสไลด์ส่งไปย้อมสีด้วยวิธีการเฉพาะ แล้วให้พยาธิแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญตรวจหา เซลล์ที่ผิดปกติผ่านกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด
การตรวจด้วยกล้องโคลโปสโคป (colposcope) เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจและส่องดูรายละเอียดรอยโรค ของปากมดลูก เพื่อการ วินิจฉัยความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องชัดเจนกว่า
การตรวจด้วยวิธีลิควิด- เบส ไซโตโลจี้ (Liquidbased Cytology)
เป็นวิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยใช้ อุปกรณ์เฉพาะในการเก็บตัวอย่าง ป้ายเยื่อบุผิวจากบริเวณปากมดลูกด้วยวิธีเดียวกับการแป๊ปสเมียร์ และนำเซลล์ตัวอย่างที่เก็บได้ทั้งหมดใส่ลงในขวดน้ำยา เพื่อรักษาเซลล์ส่งเข้าเครื่องอัตโนมัติในการเตรียมเซลล์เยื่อบุผิวเพื่อทำการตรวจต่อไป
การตรวจหาเอชพีวี-ดีเอ็นเอ (HPV-DNA)
เป็นการ ตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวีโดยตรง วิธีนี้จะมีความไวของการตรวจหาความผิดปกติของปากมดลูกสูงมาก แต่ยังคงมีราคาแพงเมื่อเทียบกับการตรวจโดยวิธีอื่น
ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก?
สตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์ควรรับการตรวจอย่าง น้อยปีละ 1 ครั้ง ส่วนผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรรับการตรวจเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป โดยควรไปตรวจหลังจากประจำเดือนหมดสนิทหรือก่อนมีประจำเดือนรอบถัดไปประมาณ 1 สัปดาห์ งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ การเหน็บยาในช่องคลอด หรือการสวนล้างช่องคลอด ประมาณ 2 วันก่อนไปตรวจ ในสตรีวัยหมดประจำเดือน (สตรีวัยทอง) หรือ สตรีที่ฉีดยาคุมกำเนิดซึ่งจะไม่มีประจำเดือน สามารถมารับการตรวจภายในได้ทุกเวลา
มะเร็งปากมดลูกมีกี่ระยะ?
มี 4 ระยะได้แก่
ถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้วมีวิธีการักษาอย่างไร?
มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่รักษาหายขาดได้ หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ การรักษาโรคนี้ขึ้นกับระยะของโรคดังที่กล่าวมาแล้ว หากเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็ง หรือมะเร็งปากมดลูกระยะต้น แพทย์อาจใช้การผ่าตัดซึ่งผลการรักษาดีมากโอกาสหายสูงมาก หากเป็นมะเร็งระยะกลาง การรักษาส่วนใหญ่ใช้การฉายรังสีรักษาร่วมกับให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งผลการรักษาดีพอสมควร หากเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย การรักษาส่วนใหญ่ทำได้เพียงแค่ประคับประคองอาการ บำบัดอาการเจ็บปวดของผู้ป่วยเท่านั้น
สำหรับผลข้างเคียงจากการรักษา ขึ้นอยู่กับว่าได้รับการรักษาแบบใด โดยทั่วไปหากรักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ป่วยมักจะมีภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง ในขณะผ่าตัด เช่น เสียเลือดมาก หรือหลังผ่าตัดใหม่ๆ เช่น แผลติดเชื้อ เป็นต้น แต่หากเป็นการรักษาด้วยวิธีฉายรังสีรักษาส่วนใหญ่ผลข้างเคียงมักจะเกิดในช่วงหลังรักษา 2-3 ปีขึ้นไป อาการที่อาจเกิดขึ้น เช่น ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด ส่วนการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด โดยทั่วไปจะเกิดผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย เม็ดเลือดขาวต่ำติดเชื้อโรคง่ายขึ้น อาจมีผมร่วงในการใช้ยาบางชนิด อย่างไรก็ตามก่อนทำการรักษาแพทย์จะแจ้งผลข้างเคียงของการรักษาให้ทราบก่อน
วิธีการป้องกันและดูแลตัวเองจากมะเร็งปากมดลูก
วิธีการที่ดีที่สุดคือการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และอีกวิธีคือการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนจะช่วยป้องกันการติด เชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ18 ได้ประมาณร้อยละ 90-100 ในผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อจะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน หลังจากได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม และเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ควร ได้รับวัคซีนตั้งแต่ยังไม่ติดเชื้อ HPV นั่นคือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งวัคซีนนี้สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 – 26 ปี
มะเร็งร้ายไม่ใช่เรื่องไกลตัว
และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกถึง 13% เราจึงต้องรักษาสุขภาพให้ดีอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเพื่อจะได้รักษาได้ทันก่อนที่โรคจะลุกลาม แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ถึงแม้ว่าเราจะดูแลตัวเองดีที่สุดแล้ว แต่โอกาสจะเป็นมะเร็งหรือโรคร้ายอื่นๆ ก็มีสิทธิเกิดขึ้นกับเราได้เสมอเช่นกัน การทำ
ประกันโรคร้ายแรง
จึงเป็นอีกตัวช่วยให้เราคลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายถ้าเราเกิดโชคร้ายเป็นมะเร็งขึ้นมาจริงๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงและยังต้องใช้เวลารักษานาน บางคนอาจถึงขั้นต้องออกจากงานสูญเสียรายได้ก็มี
SCB Multi Care Multi Claim
เป็นทางเลือกที่ใช่สำหรับคนที่ต้องการหลักประกันด้านสุขภาพแต่ไม่อยากจ่ายเบี้ยทิ้งไปเปล่า เพราะคืนเบี้ยประกันทั้งหมดถ้าไม่เป็นโรคร้าย ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้
-ที่นี่-
อ้างอิง