ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
หนีไกลไปจอร์แดน…สู่แคว้นทะเลทราย (ตอนที่ 1)
จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาคมเข้ม ดวงตาคมโต ผิวขาวอมชมพู รูปร่างสูงสง่า มีเสียงเล่าลือว่าชายหนุ่มหน้าตา (บ้านๆ) แบบนี้ เราจะพบเจอพวกเขาได้ทุกตรอกซอกซอยที่จอร์แดนเมืองแห่งทะเลทราย
กว่า 9 ชั่วโมงที่ลัดฟ้าจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา สู่แดนฟ้าจรดทราย เรานั่งหลับๆ ตื่นๆ เมื่อยแล้วเมื่อยอีก จนในที่สุดเสียงประกาศของกัปตันก็ดังขึ้น “ขณะนี้ได้ลดระดับสู่ท่าอากาศการนานาชาติควีนอาเลีย (Queen ALIA) อุณหภูมิในตอนนี้ 3 องศาเซลเซียส” แม้จะรู้ตัวมาก่อนแล้วว่าต้องเจอกับสภาพอากาศในเดือนมกราที่เป็นเดือนที่หนาวที่สุดของประเทศนี้ แต่ก็อดใจไม่ได้เมื่อโชคชะตาลิขิตให้เจอตั๋วโปรโมชั่นสายการบินรอยัลจอร์แดนเนียน การเดินทางครั้งนี้จึงเกิดขึ้นและได้พบเรื่องราวมากมาย ทั้งศึกชิงนาง น้องลาจอมซน ถูกแขกหลอก และที่ใจจดใจจ่อเป็นที่สุด คือ เราจะได้เจอหนุ่มหน้าตา (บ้าน ๆ) อย่างที่เขาร่ำลือกันหรือเปล่า คงต้องเอาใจช่วยกันหน่อยเสียแล้ว
รู้จักจอร์แดนก่อนออกไปเปรี้ยวกัน
เราถึงท่าอากาศยานนานาชาติควีนอาเลีย ประมาณตี 5 ตามเวลาท้องถิ่น ที่สนามบินว่างเปล่าไม่มีผู้คน เดินออกจากเครื่องพร้อมคนกลุ่มใหญ่ พวกเขาจะต่อเครื่องไปยุโรป มีเพียงแค่เรากับเพื่อนและคนอื่น ๆ อีก 4-5 คนเท่านั้น ที่เดินมายังจุดตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) ไม่มีคนเข้าคิว เลยไม่นานนักก็ผ่าน ต.ม. รับกระเป๋า แล้วไปแลกเงิน ซื้อซิมโทรศัพท์ ขึ้นรถที่ทัวร์ท้องถิ่นมารับไปส่งโรงแรม วันศุกร์ที่นี่เป็นวันหยุดจึงไม่มีรถราและผู้คนมากนัก เหมือนเราเดินเที่ยวในเมืองร้าง พอถึงโรงแรมแว้บแรกที่เห็นเหมือนโดนยาสั่ง Reception หน้าบ้าน ๆ รอต้อนรับ จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาคมเข้ม ดวงตาคม ขนตาดกหนา ริมฝีปากอมชมพู
อายุอานามนักศึกษาปี 4 อากาศที่หนาวเจี๊ยบ อบอุ่นขึ้นมาทันทีเหมือนอยู่ในไมโครเวฟ เราแอบยิ้มในใจ ทะเลทรายนี้ดีงามเกรดพรีเมี่ยม สมคำร่ำลือจริง ๆ เกือบหลุดปากพูดออกไปว่า
“I love Jordan & You too”
ทริกง่ายๆ เที่ยวสบายที่จอร์แดน
หลังพบ Reception หนุ่มหน้าบ้านๆ รู้สึกกระชุ่มกระชวยใจไม่น้อย บ่ายแก่ ๆ เลยออกไปเดินเล่นที่ Carrefour ซุปเปอร์มาเก็ต ระหว่างทางร้านรวงปิดหมด ถนนว่างเปล่า มีเพียงพวกเราที่เดินโต๋เต๋ในเมืองที่เงียบเหงา ที่ซุปเปอร์ยังเจอคนอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว ไม่ค่อยมีใครฉายเดี่ยวหรือมาเฉพาะสาวๆ พวกเราเลยกลายเป็นดูโอ้ตัวประหลาด ซุปเปอร์ของที่นี่ขายของไม่ต่างจากบ้านเรานัก แต่ที่สะดุดตาก็คือ มีผักผลไม้ขนาดใหญ่มากมาย ดูอุดมสมบูรณ์กว่าที่เราคาดไว้ ที่พราวสุด ๆ ก็ตอนที่เห็นเครื่องปรุงของไทยวางขายอยู่ที่นี่ล่ะ มีทั้งซอสพริกศรีราชา พันท้ายนรสิงห์ ซอสผัดไทย หลังจากสำรวจเสร็จก็หาอะไรเติมท้องหน่อยที่ร้านแมคโดนัล ไม่รอช้าสั่งเบอร์เกอร์ไก่พร้อมโค้ก ราคา 3.90 JD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 180 บาท ถือว่าราคาพอรับได้
คนจอร์แดนเป็นยังไง ?
เท่าที่เจอเหมือนชาวอาหรับทั่วไป ผิวขาว ตาคมโต คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตอนวัยรุ่นผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย เดินไปตามท้องถนนถ้าเจอคนหนุ่มสาว 10 คน จะเจอคนหน้าตาดีเหมือนพระเอกนางเอกหนังถึง 8 คน ที่นี่ถึงแม้จะเป็นประเทศมุสลิม แต่ผู้คนก็ดูทันสมัยไม่ค่อยอนุรักษ์นิยมเหมือนอย่างประเทศตะวันออกกลางอื่นๆ
ผู้ชายส่วนใหญ่ใส่ชุดสากล ไม่ค่อยเห็นใครใส่ชุดขาวยาว โพกหัวด้วยผ้าตารางหมากรุกสักเท่าไหร่ วัยรุ่นชายจะใส่กางเกงยีนส์กันเป็นปกติ ทรงผมด้านข้างจะไถเกรียน ด้านบนปล่อยยาวแล้วเสยผมขึ้นตีโป่ง เหมือนทรงผมของพระเอกหนังยุค 60 ถ้าสูงวัยหน่อยจะตัดรองทรง ไว้หนวดเคราเฟิ้ม แถมหัวล้านอีกต่างหาก เลยไม่แน่ใจว่าที่เค้าไว้หนวดเคราเยอะขนาดนั้น เพื่อทดแทนบางสิ่งที่หายไปหรือเปล่า ส่วนผู้หญิงสูงวัยหน่อยจะค่อนข้างอวบ ไม่ค่อยเห็นคนหุ่นสเลนเดอร์สักเท่าไหร่ ใส่เสื้อแขนยาวกระโปรงยาวถึงตาตุ่ม สวมผ้าคลุมผมแต่ไม่ปิดหน้าปิดตา ส่วนสาวๆ มีใส่กางเกง บางคนก็นุ่งยีนส์ใส่ท็อปบู๊ท บางคนไม่ใส่ผ้าคลุมผมเลยก็มี
นอกจากนี้
เมื่อก่อนเราจะเข้าใจว่าประเทศมุสลิมจะค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องชายหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานจะไปไหนมาไหนกันไม่ได้ แต่ที่นี่มีให้เห็นบ้าง เราเห็นหนุ่มสาวพลอดรักกันแต่ไม่ใช่การจู๋จี๋นัวเนียอย่างที่คิดกันนะ แค่เดินควงไม่มีจับมือถือแขน บางคู่ก็นั่งตัวติดชิดกันก็มีให้เห็นบ้าง
อาหารทานได้มั้ย?
เมื่อพูดถึงอาหารอาหรับ หลายคนคงนึกถึงกลิ่นของเครื่องเทศ ที่นี่ก็ไม่แตกต่าง อาหารพื้นเมืองจะใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงอาหาร มีเครื่องเทศ , สมุนไพร, กระเทียม, หัวหอม, มะเขือเทศและมะนาว เป็นเครื่องปรุงหลัก และมักเสิร์ฟโยเกิร์ตแห้งมาพร้อมกับอาหาร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะลองทานพวกข้าวหมกเนื้อสัตว์ มีทั้งเนื้อแกะ เนื้อลูกวัว เนื้อไก่ ราดหน้าด้วยนมแพะสดๆ โดยส่วนตัวชอบข้าวหมกไก่เป็นพิเศษเพราะเนื้อนุ่มละมุน ตัวข้าวหอมกลิ่นเครื่องเทศแต่ถ้าทานมาก ๆ จะรู้สึกเลี่ยน อีกเมนูที่ชอบคือ ฟาลาเฟล ( Falafel) ทำจากถั่วชิกพี (Chick Pea) บดผสมหอมใหญ่ กระเทียม ซาลารี่ เครื่องเทศ ปั้นเป็นก้อนเอาไปทอด หอมกรอบอร่อย ถ้ามื้อไหนมี “ฟาลาเฟล” จะดีต่อใจมาก ส่วนพวกซุปถั่ว, ซุปหัวหอม, มะกอกดอง หรือ โยเกิร์ตแห้ง ก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ทำให้มีปัญหาเรื่องอาหาร โชคดีที่พกพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, อาหารกระป๋อง, น้ำพริก , น้ำสลัดงา จากไทยไปด้วย ช่วยต่อชีวิตได้ ถ้าหากขี้เกียจพกของ แนะนำให้หาร้านอาหารฟาสฟู้ด หรือ ร้านอาหารยุโรปที่มีอยู่ตามเมืองท่องเที่ยว จะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ทานอาหารยาก
ช้อปอะไรดี? ที่จอร์แดน
ไปเที่ยวทั้งทีต้องมีของฝาก ก่อนไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะซื้อของฝากอะไร ไปถึงจึงพบว่าของที่ระลึกพวกภาพทำจากโมเสก ขวดทรายสี เครื่องประดับผสมหินและลูกปัด ดูจะไม่ใช่ทางของเพื่อน ๆ เราสักเท่าไหร่ ส่วนพวกโคลนจากทะเลเดดซีก็ดีนะ แต่ก็หนักมากถ้าแบกกลับเยอะ น้ำหนักกระเป๋าเกินแน่นอน เลยตัดสินใจไป ช้อปขนมในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะดีกว่ามีทั้งช็อกโกแลต, ถั่วทอด , มาร์ชแมลโลว์, อินทผาลัม, ลูกฟิกซ์ที่รสชาติดี ราคาไม่แพง แถมถูกปากคนไทย ต้องลองซื้อกันดู
คงจะพอคุ้นเคยกับประเทศจอร์แดนกันบ้างแล้ว ก็ถึงเวลาขึ้นรถไปตะลุยทะเลทรายกัน จะสนุกตื่นเต้น สะบักสะบอมขนาดไหน ต้องติดตามตอนต่อไป หนีไกลไปจอร์แดน…สู่แคว้นทะเลทราย (ตอนที่ 2)