ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เลือกซื้อที่ดินยังไงให้ถูกหลักฮวงจุ้ย
การเลือกซื้อ “ที่ดินเปล่า” สักแปลงเพื่อปลูกสร้างบ้านนอกจากทำเลที่ตั้งจะต้องถูกใจผู้ซื้อแล้ว ในแง่ของศาสตร์ฮวงจุ้ยการเลือกที่ดินให้ถูกหลักก่อนที่จะเริ่มปลูกสร้างบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันเพราะเชื่อว่าที่ดินที่ดีจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองสู่เจ้าของบ้านและผู้พักอาศัยในบ้าน เนื่องจากการเลือกที่ดินตามหลักฮวงจุ้ยจะมีหลักในการพิจารณาทั้งในแง่ของชัยภูมิและทิศทาง ในทางตรงกันข้ามหากเลือกที่ดินที่มีพลังไม่ดีย่อมส่งผลให้กับเจ้าของที่ดินได้เช่นกัน ลองมาดูว่าศาสตร์ฮวงจุ้ยมีวิธีในการเลือกที่ดินอย่างไรบ้าง
1. ดูแหล่งที่มาของที่ดิน
ก่อนจะซื้อที่ดินให้ลองสอบประวัติที่ดินว่าแต่ก่อนนั้นได้เคยทำอะไรมาแล้วบ้าง ที่ดินที่ดีต้องไม่เคยผ่านการใช้งานหรือทำธุรกิจที่เกี่ยวกับความเจ็บป่วยหรือการเสียชีวิต เช่น โรงฆ่าสัตว์, โรงพยาบาล, มีเหตุฆาตกรรม, ไฟไหม้บ้าน นอกจากนี้ไม่ควรมีผู้เสียชีวิตภายในที่ดินแปลงนั้น หากมีควรทำพิธีทางศาสนาเพื่อให้วิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น รวมไปถึงต้องเป็นที่ดินที่เจ้าของเดิมเต็มใจให้เปลี่ยนมือได้เพราะมีที่ดินบางแปลงที่บรรพบุรุษสาปแช่งเอาไว้ว่าคนที่ไม่ใช่คนในตระกูลหากได้ครอบครองให้มีเหตุอันเป็นไปเกิดความวิบัติไม่มีความสงบสุข ดังนั้นตามหลักฮวงจุ้ยที่ดินที่เคยใช้ทำประโยชน์อะไรมาก่อนจะมีการสะสมพลังงานไว้ในที่ดินแปลงนั้น และเมื่อที่ดินเปลี่ยนมือพลังงานก็ไม่ได้จางหายไปและจะถือเป็นการถ่ายพลังงานจากเจ้าของที่ดินเก่าสู่เจ้าของที่ดินใหม่ ดังนั้นควรสืบที่มาที่ไปของที่ดินแปลงนั้นให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อดูว่าเจ้าของที่ดินเก่านั้นเคยมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรเจริญรุ่งเรืองหรือว่าล้มลุกคลุกคลาน เช่น ที่ดินแปลง.นี้เคยทำโรงงานแล้วธุรกิจรุ่งเรืองเลยขายเพื่อซื้อที่ดินผืนใหม่เพื่อขยายกิจการ ที่ดินแปลงนี้แสดงให้เห็นว่ามีพลังงานที่ดี
2. ดูลักษณะของที่ดิน
ลักษณะที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสถือว่าดีที่สุด เนื่องจากสามารถใช้สอยพื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถวางแบบก่อสร้างได้ง่าย มีข้อจำกัดในการก่อสร้างน้อย เหมาะทำธุรกิจทุกรูปแบบหรือจะเป็นที่พักอาศัยก็ดีเช่นกัน แถมยังขายต่อได้ราคาดีที่สุดด้วย ลักษณะที่ดินที่ดีรองลงมาคือ สี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยเฉพาะที่ด้านหน้ากว้างติดถนนถือว่าดีเหมาะสำหรับทำธุรกิจค้าขาย เพราะสามารถมีทางเข้าออกได้หลายทาง ขณะที่ที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบหน้าแคบด้านยาวลึก จะเหมาะกับการสร้างทำโรงงานหรือบ้านเพราะจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า และควรหลีกเลี่ยงที่ดินรูปสามเหลี่ยมหรือชายธงตามหลักฮวงจุ้ยนับว่าเป็นรูปทรงที่สื่อถึงความไม่มั่นคงจะส่งผลร้ายให้เจ้าของที่เกิดความเจ็บป่วยหรือธุรกิจประสบปัญหาและเมื่อมองถึงประโยชน์การใช้สอยก็จะใช้งานได้ไม่มากนักรวมถึงหากจะขายก็ขายต่อได้ยากกว่าที่ดินรูปทรงอื่น
นอกจากนี้ที่ดินที่มีลักษณะลาดเอียงเทไปด้านใดด้านหนึ่งก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะพื้นที่ลาดเอียงจะทำให้การก่อสร้างลำบากต้องเสียเงินเพื่อปรับหน้าดินใหม่รวมถึงอาจเกิดอุบัติเหตุรถไหลได้ง่ายในทางฮวงจุ้ยมองว่าที่ดินลาดเอียงจะทำให้เก็บเงินไม่อยู่ รวมไปถึงต้องเป็นที่ดินที่ไม่มีน้ำท่วมขังหรือชื้นแฉะต้องมีแสงแดดส่องถึง ไม่อยู่ใกล้แหล่งน้ำนิ่ง ไม่เป็นที่ดินสุดซอยหรือเป็นทางตัน ซึ่งหากไม่มีลักษณะดังที่กล่าวมาก็ถือว่าเป็นที่ดินที่ดี
3. ดูสิ่งรายล้อมที่ดิน
ที่ดินที่ดีคือที่ดินที่อยู่แล้วมีความอุดมสมบูรณ์รายล้อมด้วยถนน,แม่น้ำทำให้การเดินทางสะดวกหรือมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาจะทำให้มีกระแสชีวิตไหลเวียนซึ่งเหมาะเป็นทำเลค้าขายและรับทรัพย์ และแน่นอนว่าที่ดินตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่คึกคักผู้คนเข้าถึงง่ายย่อมได้เปรียบในการทำธุรกิจและค้าขาย และถ้าหากที่ดินนั้นติดถนนใหญ่และอยู่ในฝั่งที่มีพลังมงคลไหลเวียนก็นับว่าเป็นที่ดินที่ดี นอกจากนี้ ที่ดินที่มีทางเข้าออกได้หลายทางมากเกินไปไม่ใช่ที่ดินที่ดีเพราะพลังรั่วไหลออกไปได้ง่าย และด้านหลังของที่ดินต้องไม่เป็นถนนหรือแม่น้ำลำคลอง หากมีถนนก็ไม่ควรเป็นถนนที่ติดกับกำแพงรั้วบ้าน หากเป็นคลองก็ควรอยู่ใกล้บ้านไม่ควรติดกับรั้วบ้าน รวมถึงต้องดูที่ดินที่ติดกันรอบแปลง เช่น มีบ้านร้างอยู่ข้างที่ดิน, มีกองขยะอยู่หลังที่ดิน, มีป่ารกติดที่ดิน, ใกล้สุสานหรือเมรุเผาศพ, สถานที่อโคจร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทัศนียภาพรอบที่ดินไม่สวยงามและส่งผลให้ขายต่อได้ยาก ในทางฮวงจุ้ยมองว่าที่ดินรอบข้างจะสามารถส่งพลังงานลบมาสู่ที่ดินแปลงข้างๆ ได้
4. ดูทิศทางของที่ดิน
หลีกเลี่ยงที่ดินที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเพราะทิศตะวันตกอากาศจะร้อนและมีแดดส่องตลอดช่วงบ่ายทำให้ผู้อยู่อาศัยหรือหากทำธุรกิจค้าขายแล้วอยู่ไม่สบาย ทางแก้ให้ปลูกต้นไม้เพื่อบังแดดสร้างความร่มรื่นหรือมีบ่อน้ำด้านหน้าเพื่อลดความร้อน
5. ดูว่าที่ดินแปลงนั้นไม่เคยเป็นทางผ่านสาธารณะ
ที่ดินที่ดีต้องไม่เคยถูกใช้เป็นทางเดินผ่านสาธารณะของคนในพื้นที่ เพราะมีความเชื่อว่าเมื่อคนเดินผ่านได้วิญญาณก็เดินผ่านได้เช่นกัน
6. ดูที่ดินที่ไม่ตรงกับทางสามแพร่ง
ศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าทางสามแพร่งเป็นทางผีผ่านไม่เหมาะทำการค้าหรือพักอาศัย หากมองความเป็นจริงทางสามแพร่งจะหาที่จอดรถได้ยาก มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากรถวิ่งเข้ามาชน
แน่นอนว่าการจะเลือกซื้อหาที่ดินเปล่าสักแปลงให้ถูกใจไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยด้วยแล้วยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ฉะนั้นถ้าหากเจอที่ดินแปลงที่ใช่แต่อาจมีบางส่วนไม่ตรงตามหลักฮวงจุ้ยก็ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะหลักฮวงจุ้ยมีไว้ให้เป็นแนวทางในการเลือกดูทิศทางและชัยภูมิของที่ดินนั้นเป็นหลัก หากสนใจซื้อที่ดินเปล่าเพื่อปลูกสร้างบ้าน ดูรายละเอียดสินเชื่อได้ที่นี่ /th/personal-banking/loans/home-loans/home-builder.html
ที่มา :