ลงทุนลดหย่อนภาษีเพื่อการออม กับกองทุน Index Fund ต่างประเทศ SCBS&P500-SSF, SCBRMS&P500 และ SCBWORLD-SSF

ให้เงินออมได้ออกท่องโลก กับกองทุน Index Fund ต่างประเทศ


ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา มุมมองการลงทุนของนักลงทุนไทยเปลี่ยนไปมากมาย ตั้งแต่ยุคโควิด ที่การฟื้นตัวของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน รอบวัฏจักรเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไม่ตรงกัน ภาพการเติบโตระยะยาวของแต่ละประเทศต่างกัน ดังนั้น นักลงทุนจึงจำเป็นต้องหาทางเลือกการลงทุน ไปสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่สามารถคว้าโอกาสเติบโตและมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี


ผลตอบแทนระยะยาวของตลาดหุ้นในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ทำให้แนวคิดการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศได้รับความน่าสนใจมากขึ้น แทนที่การลงทุนจะกระจุกตัวอยู่เพียงประเทศเดียว ใครที่อยากลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่ไม่อยากยุ่งยาก และไม่ต้องการเสี่ยงลงทุนกับหุ้นที่ไม่คุ้นเคยเป็นรายตัว มีทางเลือกง่ายๆคือ ลงทุนตามดัชนีของตลาดหุ้นหลักๆทั่วโลก โดยลงทุนผ่าน Index Fund


I n dex Funds คือ กองทุนรวมอิงดัชนีหุ้น เป็นกองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในหุ้นทุกตัวที่ประกอบกันเป็นดัชนี บริหารโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ (Passive Management) ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีอ้างอิง โดยอาจลงทุนในหุ้นตลาดใดตลาดหนึ่ง เช่น ดัชนี S&P500 สหรัฐอเมริกา หรือ ดัชนีหุ้นโลก MSCI World เป็นต้น โดยเป็นการลงทุนทั้งตลาด หรือเกือบทั้งตลาด โดยที่ผู้ลงทุนไม่ต้องทำการเลือกหุ้นเอง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนี


Index Funds มีดีที่ตรงไหน ?

  • ค่าธรรมเนียมถูกกว่า : ย่อมหมายถึงโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว เพราะค่าบริหารจัดการถูกกว่า และค่าธรรมเนียมในการซื้อกองทุน(Front end)ถูกกว่า


  • ซื้อหนึ่งกองหมายถึงกระจายซื้อหุ้นใหญ่หลายตัว : ซื้อกองทุนเดียวก็ได้หุ้นขนาดใหญ่มีมูลค่าตลาดสูงหลายตัว มักจะเป็นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี  โดดเด่น มั่นคงและมีโอกาสเติบโต ของดัชนีตลาดหุ้นนั้นๆ


  • มีให้เลือกหลากหลาย ได้กระจายความสี่ยง : เป็นทางเลือกในการกระจายลงทุนในหุ้นที่หลากหลาย ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นรายตัวลง เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นชั้นนำทั่วโลก

2075188621

“Never bet against America” : Warren Buffett


“อย่าวางเดิมพันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกา!” นี่คือข้อความที่ Warren Buffett กล่าวไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway  ปี 2020 ในช่วงวิกฤตโควิด ที่ทั่วโลกเผชิญความท้าทายถึงขีดสุด ตลาดหุ้นทั่วโลกรับแรงกระแทกอย่างมหาศาลรวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่นักลงทุนระดับตำนานยังคงมีความเชื่อมั่นไม่สั่นคลอน กับอนาคตระยะยาวของสหรัฐฯ ประเทศที่เป็น “ขาขึ้นในระยะยาว” มาโดยตลอด ทั้งในเชิงความเป็นชาติมหาอำนาจทางการทหาร ทางเศรษฐกิจ และเจ้าแห่งเทคโนโลยีนวัตกรรมโลก


ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา มีหลายช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเผชิญกับวิกฤต แต่ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี และเติบโตต่อไปได้ด้วยอัตราเร่ง บริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนผ่านความเป็นผู้นำระดับโลก ตั้งแต่ยุคสถาบันการเงิน ยุคสาธารณูปโภคน้ำมันและก๊าซ จนกระทั่งมาถึงยุคเทคโนโลยีนวัตกรรม บริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำและมีมูลค่ากิจการติดอันดับโลกมาจากสหรัฐฯเสมอ


บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Apple Microsoft Amazon Google ฯลฯ ถือเป็นกิจการที่มี “Moat” ซึ่งหมายถึง มีความได้เปรียบทางธุรกิจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เสมือนมีคูเมืองรอบป้อมปราการที่สามารถป้องกันตนเองและรักษาสถานะความได้เปรียบจากคู่แข่งขันได้ และแม้ถูกการแข่งขันที่รุนแรงกดดันทั้งจากคู่แข่งรายเดิมและรายใหม่ ก็ยังสามารถดึงระยะเวลาที่ผลกำไรจะลดลงออกไปได้ ทั้งยังสามารถสร้างการเติบโตใหม่ด้วยนวัตกรรมต่อไปได้


ทำไมเราควรจะกระจายการลงทุน ไปสู่หุ้นชั้นนำที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลก


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งรวมหุ้นชั้นนำ ขนาดใหญ่ คุณภาพสูง มีความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และสามารถขยายการเติบโตไปทั่วโลกได้ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว(Developed Market) หาข้อมูลได้มากมาย มีนักวิเคราะห์เก่งๆจากทั่วโลกวิเคราะห์หุ้นในเชิงลึก และติดตามผลประกอบการ ตลาดมีประสิทธิภาพสูงมาก ราคาหุ้นมักจะเป็นไปตามผลประกอบการและ Growth Outlook ของบริษัท ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นชายขอบที่กำลังพัฒนา ที่แม้ตัวเลขเศรษฐกิจดีแต่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวลงอย่างหนักได้


ในระยะยาวแล้ว เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเติบโตค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ จากโครงสร้างประชากรที่แก่ตัวลง ซึ่งส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลง และยังไม่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ หรือแม้แต่สร้างบริษัทไทยที่มีความสามารถเติบใหญ่ไปทั่วโลกก็ยังเป็นเรื่องยาก ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นโลกที่มีหุ้นเติบโตขยายตลาดไปทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างการเติบโตครั้งใหม่ได้เสมอ


จะดีแค่ไหน หากมี Index Funds ที่ลงทุนตามดัชนีตลาดหุ้นมหาอำนาจอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา(S&P500) ผู้นำสินค้านวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต และ ดัชนีหุ้นโลก(MSCI World Index) ที่เกาะกระแสธุรกิจที่เติบโตทั่วโลก นั่นก็จะเป็นโอกาสในการกระจายการลงทุนอันยอดเยี่ยม


o S&P500 : ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น 500 ตัว ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในตลาด New York Stock Exchange และ NASDAQ


o MSCI World Index เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น

จังหวะการเข้าลงทุนที่ดี คือเข้าลงทุนในปีตลาดหมี


หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเป็นตลาดกระทิงติดต่อกันมาหลายปี โดยดัชนี S&P500 ในปี 2019 +28.5% , ปี 2020 +15.5% ,และ ปี 2021 +27.2% กระทั่งในปี 2022 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯพบเจอกับภาวะเงินเฟ้อสูงมากกว่า 7% ในรอบหลายทศวรรษ  นำมาสู่การออกนโยบายที่ต้องจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นผลร้ายต่อตลาดหุ้น


ตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ปรับฐานลงมาอย่างแรง ดัชนี S&P500 (YTD 8 พ.ย. 2022) -21.85% จากสารพัดแรงกดดันที่ยากจะเกิดขึ้นพร้อมกันในปีเดียว เช่น สงคราม ราคาน้ำมันและก๊าซพุ่งสูง ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย สื่อหลายสำนักถึงกับขนานนามว่าเป็นเหตุการณ์ “Perfect Storm”


การตกลงมาของตลาดหุ้นสหรัฐฯในปีนี้ ถือว่าเข้าข่ายเป็น “ตลาดหมี” หุ้นหลายตัวราคาปรับลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งโอกาสที่จะได้เห็นราคาปรับลงมาภายในปีเดียวอย่างหนักหนาขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ นับจากต้นปี (YTD 8 พ.ย. 2022) ตัวอย่างของหุ้นระดับโลกที่ราคาตกลงมาอย่างหนักเช่น Microsoft -31.63%, Amazon -47.19%, Alphabet (Google) -38.69%, Meta -71.5%, และ Tesla -52.17% เป็นต้น


ด้วยภาพการเติบโตระยะยาวที่ดีผนวกกับตลาดหุ้นที่เพิ่งผ่านการปรับฐานครั้งใหญ่ จึงนับเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะได้พิจารณาการลงทุนระยะยาวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนประหยัดภาษีที่มีระยะเวลาถือครองอย่างน้อย 10 ปี


ได้เวลาเข้าลงทุนใน Index Funds ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลกหรือยัง ?


ถ้าเราเป็นนักลงทุนไทย ที่ต้องการร่วมขบวนการเติบโตไปกับตลาดหุ้นสหรัฐฯและหุ้นโลก การลงทุนผ่านกองทุนรวมอิงดัชนี Index Fund นับเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและมีการกระจายความเสี่ยงให้เราโดยอัตโนมัติ


วิธีการหนึ่งซึ่งง่ายและหวังผลได้สูง คือการทยอยลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนที่ได้ผลประโยชน์ทางภาษีไปด้วยอย่างกองทุน SSF และ RMF


ลงทุนเน้นๆใน หุ้นสหรัฐ อิงดัชนี S&P500 เลือก


- SCBS&P500-SSF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดเพื่อการออม)


- SCBRMS&P500 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส เพื่อการเลี้ยงชีพ


กองทุนมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500  มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ กองทุน IShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) บริหารโดย BlackRock Fund Advisors


กองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปสู่บริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ และต้องการรับผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวเกาะไปกับดัชนี S&P500


กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักสูงในกองทุนคือ 1) กลุ่ม Information Technology 26.77% 2) กลุ่ม Healthcare 15.01% 3) กลุ่ม Financials 10.81%  4) กลุ่ม Consumer Discretionary 10.51% และ 5) กลุ่ม Communication 8.85%


ลงทุนหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500  ซึ่งเป็นหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตสูงและมีพัฒนาการด้านนวัตกรรมระดับโลก เช่น


o Apple Inc. ผู้นำระดับโลกทางด้านนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ นาฬิกาดิจิตอล มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีสินค้าที่รู้จักกันดี iPhone, iPad, Macbook, Apple Watch, iOS, และ ร้านขายเพลงออนไลน์ iTunes เป็นต้น


o Microsoft Corp. บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่และมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก คือระบบ Microsoft Windows และ Microsoft Office และยังมีธุรกิจ Cloud Computing Service(MS Azure), และ  ระบบประชุมทางไกล (MS Team) เป็นต้น


o Amazon.com แพลตฟอร์ม E-Commerce อันดับ 1 ของโลก และยังมีธุรกิจ AWS(Amazon Web Services) แพลตฟอร์มระบบ Cloud และบริการโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก อีกทั้งยังมีสินค้าบริการอื่นๆ เช่น Amazon Prime  บริการและสิทธิประโยชน์เฉพาะสมาชิกในรูปแบบ Subscription Model ที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ, Amazon Kindle ระบบอ่าน E-Books และ Amazon Alexa  ระบบผู้ช่วยเสมือนจริง (Virtual Assistant) เป็นต้น


o Alphabet Inc. (Google) ผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเตอร์เน็ต บริษัทมีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฏในเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิล อีเมล แผนที่ออนไลน์ ซอฟต์แวร์จัดการด้านสำนักงาน เครือข่ายออนไลน์ และวิดีโอออนไลน์ บริการเป็นที่รู้จักกันดีเช่น Google Search, Google Chrome, Gmail, Google Map, Google Drive, Google Play ฯลฯ


o NVIDIA Corp บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยี ผู้ออกแบบ GPU สำหรับตลาดเกมและตลาดมืออาชีพ รวมถึงระบบบนชิปยูนิต (SoC) สำหรับตลาดคอมพิวเตอร์พกพาและยานยนต์


o TESLA บริษัทรถยนต์ที่มีมูลคาสูงที่สุดในโลก ผู้นำด้านนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ผู้สั่นสะเทือนวงการยานยนต์โลก ดัวยสมรรถนะและเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัย


o BERKSHIRE HATHAWAY บริษัทโฮลดิ้ง ของมหาเศรษฐีตำนานนักลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เข้าไปลงทุนถือหุ้นในหลากหลายธุรกิจ เช่น Apple, Coca-Cola, Bank of America, Kraft Heinz และ  American Express เป็นต้น

ลงทุนทั่วโลก สู่โอกาสใหม่ ในตลาดหุ้นชั้นนำระดับโลก


หุ้นโลก อิงดัชนี MSCI World Index เลือก


SCBWORLD-SSF กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ดัชนีหุ้นโลก (ชนิดเพื่อการออม)


กองทุนมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI World โดยลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินกองทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบในดัชนี MSCI World Index ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้ว 23 ประเทศในหลากหลายอุตสาหกรรม


มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ กองทุน iShares MSCI World ETF (กองทุนหลัก) บริหารโดย BlackRock Fund Advisors


กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการเติบโตของหุ้นทั่วโลกในกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว ต้องการกระจายการลงทุนไปสู่บริษัทชั้นนำทั่วโลก และต้องการรับผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวเกาะไปกับดัชนี MSCI World Index


การจัดสรรการลงทุนในต่างประเทศของกองทุนหลัก คือ 1) สหรัฐอเมริกา 68.36% 2) ญี่ปุ่น 6.13% 3) สหราชอาณาจักร 4.4% 4) แคนาดา 3.59% และ 5) ฝรั่งเศส 3.09%


กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักสูงในกองทุนคือ 1) กลุ่ม Information Technology 20.99% 2) กลุ่ม Healthcare 14.09% 3) กลุ่ม Financials 13.51%  4) กลุ่ม Consumer Discretionary 10.51% และ 5) กลุ่ม Communication 9.83%


ลงทุนหุ้นทั่วโลก  ซึ่งเป็นหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตสูงและมีพัฒนาการด้านนวัตกรรมระดับโลก เช่น Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet (Google), Tesla, Nvidia, Meta Platform, United Health และ Johnson and Johnson เป็นต้น


สนใจลงทุนใน SCBS&P500-SSF SCBRMS&P500 และ SCBWORLD-SSF วันนี้ เริ่มต้นยังไง ?


ใครสนใจ อย่าช้า เริ่มต้นวันนี้ ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SCB Easy แล้วทำตาม 3 ขั้นตอนง่ายๆนี้


1.  เปิดบัญชีกองทุนผ่าน SCB Easy App


2.  ผูกบัญชีกองทุนบน SCB Easy App


3.  ซื้อกองทุนผ่าน SCB Easy App


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :


SCBS&P500-SSF
https://www.scbam.com/fund/tax-ssf/fund-information/scbs-p500-ssf


SCBRMS&P500
https://www.scbam.com/fund/tax-rmf/fund-information/scbrms-p500


SCBWORLD-SSF
https://www.scbam.com/th/fund/ssf/fund-information/scbworldssf


คำเตือน:


·  ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF/SSF ก่อนตัดสินใจลงทุน

· กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน รวมถึงควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้

· ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

·  กองทุนบางกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนรวมถึงบางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ดังนั้นควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตน และผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวได้ และสามารถศึกษาข้อมูลกองทุนหลักได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุนผ่าน SCB EASY App

#SCB x  #นิ้วโป้งFundamentalVI
#SCBEASY
# SCBS&P500-SSF  #SCBRMS&P500  #SCBWORLD-SSF
#SSF #RMF  #กองทุนลดหย่อนภาษี