ลงทุนใน “เพชร”อย่างไรให้ได้กำไรงาม

เมื่อพูดถึงเพชรหลายคนอาจมองว่าเป็นแค่เครื่องประดับที่ส่งเสริมฐานะและบุคลิกภาพ แต่ในความจริงแล้ว “เพชร” เป็นอีกรูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ เลย นอกจากจะซื้อมาเพื่อประดับร่างกาย ในอนาคตยังสามารถแปลงเป็นเงินสดเข้ากระเป๋าทำกำไรได้อีกด้วย บทความนี้จะมาแนะนำว่าการลงทุนในเพชรดีอย่างไร และต้องเลือกเพชรแบบไหนให้ขายได้กำไรงามในอนาคต

การซื้อเพชรเป็นอีกรูปแบบการลงทุนที่แม้จะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ในความเป็นจริงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนแบบอื่นๆ เพราะราคาไม่อ่อนไหวหรือขึ้นลงเหมือนกับทองคำ โดยเหตุผลที่ทำให้เพชรน่าลงทุนไม่แพ้สินทรัพย์อื่นๆนั้น ก็มีอยู่หลายเหตุผล ได้แก่

1.       ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก “เพชร” เป็นอัญมณีอันล้ำค่าและมีมูลค่า ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆในอนาคต จึงนิยมสะสมเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น และยังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มั่นคงในการลงทุน สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในตลาดโลก ไม่ต่างจากทองคำ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ใช้กันทั่วโลกและมีใบcertificate ที่มีมาตรฐานโลกรองรับ เหมาะกับการซื้อเก็บสะสมสำหรับลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาผลตอบแทนจากเพชรสูงกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคาร

2.       ราคาเพชรมีแนวโน้มสูงขึ้นตามคุณภาพและเกรดในระดับไฮเอนด์ จากสถิติพบว่าราคาเพชรมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการที่ผู้คนให้การยอมรับว่าเพชรเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในทุกมิติ ขณะที่ปริมาณหลักในตลาดเพชรขณะนี้ถูกควบคุมโดยเดอเบียร์ส (De Beers) ซึ่งราคาของเพชรเปลี่ยนแปลงตามหลักอุปสงค์และอุปทาน ขณะเดียวกันเพชรที่เหมาะสำหรับการลงทุน ควรเป็นเพชรที่มีคุณภาพสูงไร้ที่ติทางธรรมชาติ เน้นเพชรที่เป็นท็อปเกรด เช่น น้ำ 100 น้ำ 99 D Color หรือ E color ซึ่งเป็นเพชรที่หายากมีปริมาณน้อย

3.       อุตสาหกรรมเพชรแท้ โตขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนในเพชรได้รับความสนใจมากขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายปี 2563  ในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเพชรแท้ มีการเติบโตในยอดขายอย่างต่อเนื่อง ในระดับ 5-10% และ 15-20% ตามลำดับ ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ราคาเพชรมีการปรับเพิ่มขึ้นในเพชรทุกสีและทุกขนาด ที่สำคัญเพชรเป็นทรัพย์สินที่มีความผันผวนต่ำ พบว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาราคา เพชร ลดลงเพียง 2 ครั้ง แต่ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ก็ปรับสู่ภาวะปกติ สะท้อนให้เห็นว่าความเสี่ยงของการลงทุนในเพชรนั้นมีแนวโน้มที่ต่ำมาก เพราะราคามีความมั่นคงไม่ผันผวนแรงเท่ากับสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ และแม้จะมีความผันผวนก็ไม่ได้เกิดขึ้นในระยะยาว

4.       การซื้อเพชรเพื่อลงทุนได้ ต้องมีใบรับรองจากสถาบันน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้การจะเริ่มต้นลงทุนในเพชรสิ่งที่ต้องตระหนักเป็นอย่างแรก คือ การเลือกซื้อเพชรที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีใบรับรองจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ GIA หรือ HRD ซึ่งปัจจุบันการซื้อเพชรเริ่มต้นที่ขนาด 30 สตางค์ขึ้นไปก็สามารถได้รับใบรับรองจากสถาบันที่ทั่วโลกให้การยอมรับได้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความมั่นใจในคุณภาพของเพชรแล้ว ยังสามารถทำให้การขายต่อในอนาคตมีความคล่องตัวด้วย แต่สิ่งที่ควรระวังเกี่ยวกับใบรับรองคือต้องตรวจสอบรายละเอียดให้มั่นใจว่าเป็นใบรับรองของแท้ โดยสามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันรับรองว่าหมายเลขถูกต้องหรือไม่

diamond1
เลือกเพชรอย่างไรให้ขายต่อได้ราคาในอนาคต

“เพชร” เป็นอัญมณีหายากและมีจำนวนจำกัด ยิ่งเพชรที่มาจากแหล่งธรรมชาติที่ดีราคาจะยิ่งสูง แต่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเพชรอีกหลายเท่าตัวก็คือ การเจียระไนอย่างประณีตพิถีพิถัน แหล่งเจียระไนเพชรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองแอนด์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม การเจียระไนที่ประณีตทำให้เพชรที่มีคุณลักษณะในการเปล่งประกายที่สวยที่สุด ทั้งนี้การลงทุนในเพชรที่ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีที่แข็งที่สุด ต้องเลือกซื้อเพชรในแบบที่ถูกต้อง นั่นคือนอกจากเรื่องความงามแล้วคุณภาพต้องถูกต้องตามหลัก 4Cs ได้แก่

1. Cut การเจียระไน

2. Color สี

3. Carat Weight น้ำหนักกะรัต

4. Clarity ความสะอาด

การซื้อเพชรแต่ละครั้งนอกจากมองเรื่องความสวยถูกใจ การดีไซน์ที่ตรงความต้องการแล้ว สิ่งที่ควรคำนึงและให้ความสำคัญคือ มูลค่าเพชร เพราะไม่ว่าจะซื้อเพชรกี่กะรัต เพชรที่เลือกต้องเป็นเพชรที่มาจากแหล่งธรรมชาติที่ดี คุณภาพดี มีการเจียระไนที่ประณีต อีกทั้งเรื่องใบรับรองคุณภาพเพชรต้องมี เพื่อให้การเลือกซื้อในแต่ละครั้งคุ้มค่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเพชรที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกเริ่มต้นตั้งแต่เม็ดเล็ก มีใบรับรองคุณภาพเพชรตั้งแต่ 0.19 กะรัตขึ้นไป ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าเป็นเพชรแท้ในราคาที่จับต้องได้และการมีเอกสารรับรองทำให้สามารถขายต่อได้ง่ายในอนาคต

ถึงแม้ว่าเพชรจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลงทุน แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้างเหมือนกับการลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น คาดการณ์ราคาในอนาคตค่อนข้างลำบาก แต่ถ้าลงทุนในระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไปก็ชนะเงินเฟ้อได้ดี นอกจากนั้นราคาเพชร มีความเชื่อมโยงกับค่าเงิน เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ ถ้าเงินบาทอ่อนราคาเพชรจะแพง เงินบาทแข็งราคาเพชรจะถูก อย่างไรก็ตามแม้ว่าการลงทุนใน "เพชร" จะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมากลับได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเพชรมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมีวิกฤตทางเศรษฐกิจหรือโรคระบาด ราคาของเพชรยังคงเติบโตขึ้นได้ เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และปัจจุบันก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

หากสนใจซื้อเพชรน้ำงามที่มีใบรับรองจากสถาบันชั้นนำเพื่อเป็นเครื่องประดับเสริมบารมีและยังสามารถเก็บไว้เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนในอนาคต สามารถเป็นเจ้าของเพชรที่คุณถูกใจโดยใช้บัตรเครดิต SCB ในการซื้อซึ่งมีโปรโมชั่นกับแบรนด์เพชรชั้นนำหลากหลายแบรนด์โดยสามารถผ่อน 0% หรือสามารถเปลี่ยนวงเงินรูดบัตรเป็นยอดการผ่อนรายเดือนผ่านบริการ SCB ดีจังได้อีกด้วย สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://scbcw-preprod.scb.co.th/th/personal-banking/cards/credit-cards.html

อ้างอิง

https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/81496/