ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
คนน่ารำคาญที่คิดถึงที่สุด
เรื่อง: นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล
Hi-Light :
วันหนึ่งมีโอกาสเข้าไปอ่านไอจีของพี่แดง ธัญญา โสภณ แล้วน้ำตาซึม พี่แดงโพสต์ไว้ว่า
หลานถามย่าว่า "คุณย่าคะ คุณปู่มีข้อเสียอะไรบ้าง"
ย่าตอบว่า "มีเยอะแยะนับไม่ถ้วนเหมือนดาวบนท้องฟ้า"
หลานถามอีกว่า "แล้วคุณปู่มีข้อดีบ้างไหมคะ"
ย่าตอบว่า "มีน้อยเหมือนจำนวนดวงอาทิตย์"
หลานถามต่อไปว่า "แล้วทำไมคุณปู่คุณย่าถึงได้อยู่กันมายาวนานถึงทุกวันนี้ได้คะ"
ย่ายิ้ม แล้วตอบว่า "เพราะว่าเมื่อเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นย่าก็ไม่เห็นดวงดาวเลยซักดวง”
ไม่มีคำว่า “รัก” อยู่ในนั้นเลย แต่อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าพี่แดงรักพี่อ๊อฟมากมายแค่ไหน คนรักกัน ไม่ได้หวานใส่กันทุกวัน เรารักกันในข้อดี และบางทีก็ต้องให้อภัยในข้อเสีย เราต่างไม่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อเจอคนที่เรารัก เรามักอยากทำให้ตัวเองดีขึ้นๆ เพื่อจะยืนข้างๆ เขาได้อย่างภาคภูมิใจในตัวอง รักและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่รักเขาแล้วบังคับให้เขา “เป็น”อย่างที่เราอยาก “เห็น”
ความรักเปลี่ยนใครไม่ได้ค่ะ แต่หากเขาจะเปลี่ยน เขาคงเปลี่ยนเพราะตัวเขาเองอยากเปลี่ยน โดยมีคนที่เขารักเป็นแรงบันดาลใจ เลยไม่ค่อยสนับสนุนให้ใครตั้งหน้าตั้งตาใช้ความรักเพื่อเปลี่ยนคน รู้ว่าทั้งหมดอาจจะมาจากความหวังดี แต่ถ้าจะเลือกใครทั้งที ต้องเลือกที่เขาเป็นตัวเขา อย่าหวังว่าเขาต้องเปลี่ยนเพื่อเรา ความคาดหวังจะยิ่งกดดันให้เขาทุกข์ เราเองก็ไม่มีความสุขเช่นกัน
จะเรื่องงานหรือความรัก ในที่สุดเมื่อเปลี่ยนเขาไม่ได้ก็ต้องปรับที่เรา ไม่มีใครได้ดั่งใจเราไปทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวเราเองในบางวัน เพราะฉะนั้น อย่าหวังจะเป็นศูนย์กลางจักรวาลที่ต้องมีดาวบริวารโคจรรอบๆ ตัวเรา เขาน่ารักในมุมของเขา แม้ไม่ถูกใจเราไปเสียทุกเรื่องก็ตาม
ที่คิดจะเขียนเรื่องนี้ เพราะมีข้อความจากพี่คนหนึ่ง ส่งเข้ามาคุยกันค่ะ
“มีเรื่องอยากเล่าให้ฟังค่ะ ตัวเองจะเกษียณปลายปีนี้ สามีเกษียณออกมาก่อน 7 ปี ช่วงหลังๆ สามีอยู่บ้าน เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงใน 5 ปีหลัง แต่ตัวเองยังแข็งแรงเลยทำงานต่อ
เวลาออกจากบ้านทุกเช้า สามีมักถามว่า “คืนนี้กลับดึกไหม” เราจะหันไปมอง ตอบบ้าง ขี้เกียจตอบบ้าง แล้วออกจากบ้านไป พอกลับบ้านประมาณ 2 ทุ่ม สามีก็จะถามว่า “ทำไมกลับช้าจังคิดถึง” เราก็จะโมโห รำคาญอยู่บ่อย ๆ เพราะได้ยินประโยคนี้ซ้ำๆ ทุกวัน
ตอนนี้ สามีเสียชีวิตแล้ว เมื่อเมษายนที่ผ่านมา คิดถึงสองประโยคนี้ทีไร ร้องไห้ทุกที ควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีคะ”
ไม่มีอะไรให้สมน้ำหน้าค่ะ อยู่ใกล้ๆ จะกอดแน่นๆ เป็นกำลังใจ หลายครั้งที่เราคิดว่าสิ่งที่มีจะอยู่กับเราแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่าจะเป็นใคร รักมากแค่ไหน เราต่างมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาเดียว สุดแท้แต่จะหมดอายุรักหรือหมดอายุขัย บางคนยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งไม่มีค่า เพียงเพราะว่าเราเคยชิน ตอนอยู่เลยไม่ค่อยดูแล จะมารู้สึกแย่ตอนเขาจากไป เรามักจะเห็นคุณค่าของเวลา ตอนหมดเวลา เป็นบทเรียนซ้ำๆ ที่ต้องเตือนกันเสมอค่ะ
เวลาของคนรอจะเดินช้ากว่าเวลาของคนทำงานเสมอ คนที่รอฟังเสียงเราทั้งวันอาจไม่ค่อยสำคัญในวันที่เรายังเห็นหน้ากันอยู่ ถ้ารู้ว่าเวลาของเราจะหมดลงวันไหนคงทำให้เราใส่ใจเขามากกว่านี้ แต่เมื่อไม่มีวันหมดอายุแจ้งล่วงหน้าเราต้องเห็นค่าของการมีกันอยู่ในทุกวัน จับมือกันและกันให้แน่นที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเราจะหยุดจับมือกันเมื่อไร กอดกันทุกครั้งให้เหมือนว่าเราจะได้กอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่เราต้องจากกันไป อย่างน้อยจะไม่มีอะไรคาใจ เพราะได้ใช้ทุกเวลาที่มีดูแลกันอย่างดีที่สุดแล้ว
ลองหายใจลึกๆ หายใจยาวๆ ถ้าลมหายใจยังอยู่กับเรา เอาช่วงเวลานี้ ไปดูแลคนที่เรารักอย่างดี
แล้วคำว่า “ถ้ารู้อย่างนี้” จะไม่เกิดกับเราค่ะ