ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
SHIPPOP จากแพลตฟอร์มออนไลน์สู่ธุรกิจแฟรนไชส์รับส่งพัสดุทั่วไทย
ปี 2020 ถือเป็นปีที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างมาก โดยมีโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการซื้อขายออนไลน์มากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้การขนส่งพัสดุเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย เพราะการซื้อขายออนไลน์ล้วนต้องมาจบที่การส่งสินค้าทางออฟไลน์แทบทั้งสิ้น และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ยังได้วิเคราะห์ไว้ว่า ธุรกิจขนส่งพัสดุของไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับปี 2019 และยอดจัดส่งพัสดุโดยรวมก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4 ล้านชิ้น/วัน นับเป็นโอกาสของผู้ที่สนใจทำธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ไม่น้อยทีเดียว เพราะแนวโน้มของตลาดยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก โดย คุณชาญวิทย์ สงวนสินธุกุล Chief Operating Officer บริษัท SHIPPOP แพลตฟอร์มช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการส่งพัสดุ ได้มาให้ข้อมูลการทำธุรกิจรับส่งพัสดุทั่วไทย ที่สามารถสร้างโอกาสการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว และตอบรับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซได้เป็นอย่างดี ใครที่มีความฝันอยากเปิดร้านทำธุรกิจในเศรษฐกิจยุคดิจิทัลห้ามพลาด
ทําไมต้อง SHIPPOP
รู้หรือไม่? ในวันที่การซื้อขายออนไลน์เติบโตขึ้น ส่วนแบ่งการตลาดที่เป็นการขนส่งทางออฟไลน์กลับโตมากกว่าออนไลน์เสียอีก แสดงให้เห็นว่า ยังมีพื้นที่สำหรับร้านรับฝากพัสดุอยู่อีกมาก เพราะยังมีอีกหลายคนที่ต้องการส่งพัสดุ แต่ไม่มีเวลาออกไปขนส่ง ที่พักอาศัยอยู่ไกล หรือพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ ที่มีสินค้าต้องจัดส่งปริมาณมากๆ อยากจะบริหารเวลาได้เอง การใช้บริการร้านรับฝากพัสดุจึงเป็นตัวช่วย และตัวเลือกที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้เป็นอย่างมาก ซึ่ง SHIPPOP ก็คือบริการที่เข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าวนั่นเอง และปัจจุบัน SHIPPOP ก็ได้กลายเป็นธุรกิจ New Normal ของขนส่งหลังโควิด-19 ไปแล้ว ใครอยากส่งพัสดุด่วนๆ จะมาใช้บริการที่ร้าน SHIPPOP ใกล้บ้าน หรือจะให้ทาง SHIPPOP ไปรับพัสดุถึงที่พักอาศัยก็ได้เช่นกัน
SHIPPOP เติบโตขึ้นมาจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการจองขนส่งรายแรกของประเทศ มีระบบเชื่อมต่อกับพันธมิตรด้านการขนส่ง และโลจิสติกส์ มากที่สุดในประเทศ SHIPPOP จึงเป็นเหมือนตัวกลางของขนส่งทุกราย สามารถแนะนำและเลือกขนส่งที่ดีที่สุดให้ผู้มาใช้บริการได้ ทำให้เปรียบเทียบราคา ติดตามสถานะการจัดส่ง ออกหมายเลขพัสดุที่เป็นหมายเลขเดียวกับขนส่งที่ลูกค้าต้องการได้ นอกจากนี้ยังสามารถให้บริการพิมพ์ใบปะหน้า ออกใบเสร็จ รับชำระค่าขนส่ง ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือจ่ายบิลต่างๆ รวมถึงเป็นจุดรับสินค้าจาก Lazada และ Shopee อีกด้วย
จะเห็นว่า SHIPPOP ไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจรับส่งพัสดุ แต่มีบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มาใช้บริการได้อย่างครบวงจร แถมยังมีระบบยืนยันตัวตนที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้รับสินค้าอีกด้วย ที่สำคัญ การทำธุรกิจกับ SHIPPOP ใช้เงินลงทุนไม่มาก มีโอกาสรับผลตอบแทนที่คุ้มค่า กับอาชีพที่มั่นคง ผู้ที่ไม่มีทำเล ไม่มีหน้าร้าน ก็สามารถทำได้ เพราะมีถึง 3 แพ็กเกจให้เลือก
การเปิดให้บริการ SHIPPOP ทุกแพ็กเกจจะได้รับการฝึกอบรมก่อนเริ่มธุรกิจ รวมถึงสามารถขอคำแนะนำจากทีมสนับสนุนของ SHIPPOP ได้ตลอด 365 วัน โดยการทำธุรกิจแบบ POP หรือ POP+ สถานที่ให้บริการจะต้องไม่มีผู้ให้บริการรายอื่นของ SHIPPOP ในรัศมีอย่างน้อย 1 กิโลเมตร และสำหรับการเปิด SHOP จะต้องไม่มี SHIPPOP SHOP อื่นๆ ตั้งอยู่ในระยะ 3 - 5 กิโลเมตร เว้นแต่เป็นเจ้าของเดียวกัน ข้อดีของการลงทุนในรูปแบบ SHOP ก็คือ จะมีที่ปรึกษาส่วนตัวคอยแนะนำเรื่องธุรกิจให้ด้วย อีกทั้งยังสามารถเลือกชําระค่าสมัครเป็นรายสัปดาห์ได้ในแบบ "ใช้บริการก่อน จ่ายเงินทีหลัง" ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ที่อยากทำธุรกิจให้สามารถเริ่มต้นอย่างมีทางเลือกมากขึ้น
ค่าเรียกเก็บต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขั้นตอนสมัคร ทาง SHIPPOP จะเก็บเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นรายได้ที่เข้ามาทุกเดือน ผู้ร่วมธุรกิจจะได้รับไปแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ใครอยากทำการตลาด หรือรายการส่งเสริมการขายในแบบของตัวเองนอกเหนือจากที่ SHIPPOP มีให้ ก็สามารถทำได้อย่างอิสระ เป็นการเปิดกว้างให้ผู้ร่วมธุรกิจได้ใช้สิ่งที่แต่ละคนถนัดมาสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจของตนเองได้ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน
การเปิด SHIPPOP ต้องมีอะไรบ้าง
เนื่องจาก SHIPPOP เป็นธุรกิจขนส่งพัสดุ ผู้ที่จะมาทำธุรกิจจะต้องมีพื้นที่ให้บริการรับพัสดุไม่น้อยกว่า 10 - 25 ตารางเมตร โดยสถานที่ตั้งร้าน ควรอยู่ในพื้นที่ชุมชน อาจเป็นที่พักอาศัย แหล่งท่องเที่ยว อาคารสำนักงาน พื้นที่ที่มีถนนตัดผ่าน มีที่จอดรถ หรืออยู่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะก็ได้
ในส่วนของผู้สมัครก็จะต้องมีความพร้อมด้านบุคลากรด้วย โดยใน 1 ร้าน ควรมีอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ เจ้าของร้าน 1 คน และพนักงานอีก 2 คน เพื่อให้สามารถแบ่งหน้าที่ในการดูแลร้าน และการออกไปรับพัสดุหรือติดต่อลูกค้าข้างนอกได้ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตได้ดีกว่าการมีเฉพาะคนทำงานหน้าร้าน ซึ่งผู้สมัครต้องมีคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์พร้อมใช้ที่สามารถเชื่อมต่อระบบ Internet ได้ตลอดเวลา และต้องไม่เป็นผู้ให้บริการรับพัสดุจากผู้ให้บริการรายอื่นอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อสถานที่พร้อม บุคลากรพร้อม ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ภายใน 3 สัปดาห์ สำหรับแพ็กเกจ POP หรือ POP+ และใช้เวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์สำหรับแพ็กเกจ SHOP เพราะจะมีขั้นตอนการดูทำเล การออกแบบและตกแต่งร้าน รวมถึงการช่วยประมาณการยอดขาย และระยะเวลาคืนทุนกับทำเลจริงให้ด้วย ทำให้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมีเป้าหมาย และมีทิศทางชัดเจนยิ่งขึ้น ใครที่สนใจเปิดร้านรับส่งพัสดุด่วนทั่วไทย โอกาสมาถึงแล้ว ติดต่อเป็นแฟรนไชส์กับ SHIPPOP ได้เลยที่เว็บไซต์
www.shippop.shop
ตัวช่วยด้านการเงินครบวงจรในการทำธุรกิจกับ SHIPPOP
การเข้ามาของโควิด -19 นอกจากจะทำให้ธุรกิจขนส่งเติบโตขึ้นแล้ว ยังทำให้คนไทยหันมาใช้ระบบชำระเงินออนไลน์มากขึ้นด้วย ดังนั้นการทำธุรกิจในยุค New Normal จึงไม่อาจมองข้ามช่องทางออนไลน์ได้เลย ซึ่งช่องทางนี้ถือเป็นผู้ช่วยตัวจริงของคนทำธุรกิจยุคดิจิทัล ที่นอกจากจะตอบรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคยุคปัจจุบันแล้ว ยังเข้ามาช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายกิจการให้กับผู้ประกอบการ หรือผู้ที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ก็มีบริการตอบโจทย์ผู้ประกอบการในหลากหลายรูปแบบ ดังนี้
ร้านค้ารุ่นใหม่ที่อยากซื้อง่าย ขายคล่อง มีตัวช่วยในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ หรือขยายกิจการ สามารถติดต่อธนาคารไทยพาณิชย์ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-777-7444
ที่มา : งานสัมมนา SSME & SHIPPOP ธุรกิจ Franchise@SCB Business Center สยาม วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563
ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด