เขียนคอนเทนต์ออนไลน์ยังไงให้ปัง

อย่างที่รู้กันว่าการขายหรือการทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันนั้นเป็น A must ที่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรายเล็กหรือรายใหญ่ต้องทำ แต่ในโลกออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง มีคอนเทนต์จำนวนมหาศาลที่ผ่านตาผู้บริโภคอยู่ทุกวัน แล้วจะทำอย่างไรให้          คอนเทนต์ของเราโดดเด่นเข้าตา ต้องใจผู้บริโภคในยุคที่สวยเลือกได้เพราะตัวเลือกมีอยู่มากมาย วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ ในการเขียนคอนเทนต์ให้ปัง ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายซึ่งจะนำมาสู่ยอดขายมาฝากกัน


Winning Zone

คอนเทนต์ที่ดีต้องอยู่ใน Winning Zone ซึ่งก็คือจุดตรงกลางที่สินค้าที่เรามีมาพบกันพอดีกับความต้องการของผู้บริโภค เราต้องเล่าในสิ่งที่ลูกค้าอยากรู้และเป็นสิ่งที่เราทำได้ หมายความว่าสิ่งที่เราอยากเล่าสัมพันธ์กับสิ่งที่ลูกค้าสนใจ หลายๆ ครั้งคอนเทนต์ที่เราทำออกไปบางครั้งไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า หรือการโฆษณาไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ที่ดีควรเริ่มต้นจากการหาความต้องการของลูกค้าให้เจอและนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาเหล่านั้นโดยใช้สินค้าหรือบริการที่เรามีเป็น Solution ในการแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างตรงจุด


วัตถุประสงค์ต้องชัด

คอนเทนต์ที่วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจนลูกค้ามักจะไม่เข้าใจ เราเองก็จะวัดผลไม่ได้ว่าจะวัดอะไร สมมติถ้าขอพรได้ 1 ข้อ คอนเทนต์นี้จะขออะไร นั่นแปลว่าก่อนจะสร้างคอนเทนต์เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่าเราต้องการอะไรกลับมาจากคอนเทนต์นั้น ยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอด Lead หรือยอดการสั่งซื้อ


ต้องเปลี่ยนจากคุณสมบัติของสินค้าเป็น Solution ที่แก้ปัญหาให้ลูกค้า

  • กล้อง 45 ล้าน pixel = ถ่ายภาพคมชัดในทุกสถานการณ์
  • มีเลนส์ถึงหกตัว = ซูมได้และถ่ายได้แม้เวลากลางคืน
  • Design รองรับ IP 67 = กันน้ำได้ถึง 5 เมตร ถ่ายในสระว่ายน้ำได้สบาย
  • ลำโพง Dolby = เสียงดัง คุณภาพเสียงชัด โดยไม่ต้องยกลำโพงแยก
  • แบตเตอรี่ 5800 mAh = อยู่ได้ทั้งวันนานถึง 12 ชั่วโมงต่อเนื่อง

content

คอนเทนต์ที่ดีควรเริ่มต้นจาก Why

ทุกๆ คอนเทนต์ต้องสามารถตอบคำถาม 3 ข้อนี้ให้ได้

  • ทำไมเขาต้องซื้อ Why buy?  คอนเทนต์ตอบคำถามในใจลูกค้าได้หรือเปล่าว่าทำไมเขาต้องซื้อ อาจไม่ได้แปลว่าอ่านแล้วต้องซื้อทันที แต่อาจแปลว่าซื้อในไอเดีย หรือติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม เราต้องแปลงสินค้าเราให้เป็น Solution ที่แก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้

  • ทำไมต้องซื้อกับเรา Why you? ซึ่งเป็นข้อที่หลายๆ คนพลาดบ่อยที่สุด หลายๆ ครั้งคิดคอนเทนต์ คิดโปรโมชั่นมาอย่างดีลงคอนเทนต์ไป ปรากฏว่าลูกค้าซื้อไอเดีย และคิดว่าน่าซื้อ แต่กลายเป็นว่าซื้อกับใครก็ได้  ดังนั้นต้องเขียน Why you เข้าไปในคอนเทนต์ด้วยว่าทำไมต้องซื้อกับเราไม่ใช่คนอื่นๆ Winning Zone เป็นสิ่งสำคัญเราต้องสื่อสารออกไปให้ได้ว่าทำไมต้องซื้อจากเรา เราต่างจากที่อื่นอย่างไร

  • ทำไมต้องซื้อตอนนี้ Why now? เพราะในโลกออนไลน์คนเราเจอคอนเทนต์ในวันหนึ่งที่ผ่านไปจำนวนมากและเร็วมากๆ ดังนั้นถ้าคนเห็นคอนเทนต์แล้วไม่ทำอะไรต่อ หรือไม่มี action เช่น ไม่ทัก inbox ตอนนี้ บอกว่าเดี่ยวก่อนก็ได้ให้ตีความว่าลูกค้าคนนั้นหายไปแล้ว เพราะเป็นไปได้ว่ากลไกโฆษณาของ Facebook จะไม่ยิงโฆษณาหาคนเดิมอีก ถ้าเขาไม่ซื้อตอนนี้เขาอาจไม่ซื้อกับเราอีกเลย


ดังนั้นคอนเทนต์ต้องมีครบทุก 3 องค์ประกอบ นี้ให้ได้ ต้องจบใน 1 คอนเทนต์ ไม่ได้แปลว่าคอนเทนต์ต้องยาวแต่ต้องเล่าไปให้ครบ เช่น เครื่องสำอางหนึ่งชิ้นซื้อไปช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง แบรนด์เราต่างจากที่อื่นอย่างไร ถ้าซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่นอะไร

ย้ำอีกครั้งว่าคอนเทนต์ไม่ได้บอกว่าขายอะไร แต่บอกว่าช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ใครได้บ้าง คือเป็น Problem solution สินค้าหรือบริการที่เรามีคือ Solution หรือทางออกในการแก้ปัญหา ลูกค้ามีปัญหาหน้าที่ของเราคือนำเสนอ Solution  โดยนำเสนอด้วยคอนเซ็ปต์ของ Why buy? Why you? Why now?


ส่วนประกอบของคอนเทนต์

  • พาดหัว ด้วยปัญหา ความเจ็บปวด ความต้องการสูงสุด เพื่อทำให้หยุดอ่าน เรียกความสนใจ
  • ให้คุณค่า เล่าผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความสนใจ สร้างความต้องการ
  • Call to action ปิดการขาย บอกชัดเจนว่าต้องทำอะไรต่อไป เพื่อให้เกิดการลงมือ การซื้อ การสอบถาม


พาดหัวที่ปังต้องดึงความสนใจ

ในการเขียนคอนเทนต์ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือพาดหัวหรือชื่อเรื่อง Title ต้องมีความน่าสนใจดึงดูดใจผู้อ่าน โดยสามารถใช้แนวทางเหล่านี้ในการตั้งชื่อหัวข้อเรื่อง

  • How to เช่น เคล็ดลับสุดยอดของ..., วิธีการใหม่ในการ..., นี่คือวิธีในการ..., วิธีเอาชนะ..., นวตกรรมใหม่ในการ..., คำแนะนำสำหรับคนที่อยาก..., วิธีการเพิ่ม/ลด..., วิธีการที่ทำให้คุณได้..., บอกลา...ตลอดกาล

  • Question เช่น มีใครอีกบ้างต้องการ..., คุณคิดว่าคุณ...ไหม?, คุณติดอยู่กับ...อยู่รึป่าว?, ปัญหา...ทำให้คุณอายใช่มั้ย?, คุณเคยพลาด...แบบนี้มั้ย?, ปัญหา...ทำให้คุณเสีย...ไปเท่าไหร่แล้ว?, คุณพร้อมหรือยังที่จะ...?, คุณทรมานกับ...บ้างมั้ย?

  • News เช่น ความจริงเกี่ยวกับ..., ใน (...อนาคตอันใกล้...) จะเกิด...ขึ้น คุณจะเป็นหนึ่งในนั้นมั้ย, ข่าว...ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้, ใครเคยได้ยินมั้ยว่าสามารถมี...โดยไม่ต้อง..., ตอนนี้ (...กลุ่มเป้าหมาย...) มี...แล้วคุณหละ? อย่าเพิ่ง...จนกว่าจะได้อ่านความจริงเหล่านี้, คุณยังทำ...แบบ (…อดีต...) อยู่รึป่าว?

  • Warning เช่น คำเตือน! ถ้าคุณ...ต้องอ่านสิ่งนี้, คุณสังเกตเห็น...สัญญาณเตือนของ..., หยุดเสี่ยงดวงกับ..., ทำไม (...คนกลุ่มหนึ่ง...) สามารถ...ได้แต่คุณทำไม่ได้, สมมติ (...เหตุการณ์ร้ายแรง...) เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะรอดมั้ย?, คุณจะพลาดจุดสำคัญที่ทำให้...ไป ถ้าคุณไม่ (...ลงมือทำ...), เอ๊ะ คุณลืม...ไปรึป่าว?

เมื่อได้เรียนรู้หลักการเบื้องต้นแล้วสิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนต่อไปคือลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งผลที่ได้จะนำมาสู่การวัดผลและประเมินผลว่ากลยุทธ์ที่เราใช้ได้ผลหรือไม่แค่ไหน อย่างไร แล้วนำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับปรุงเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มมากที่สุดต่อไป เรียนรู้ ลงมือ ประเมินผล ปรับปรุง ถ้าคุณทำได้แบบนี้ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน