ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
นะมัสเต! ทัวริสต์อินเดีย ตลาดดาวรุ่งของธุรกิจท่องเที่ยวไทย
อย่าแปลกใจหากโฉบผ่านย่านท่องเที่ยวดังทั้งหลาย แล้วได้ยินเสียงชาวจีนลดลง แต่แว่วสำเนียงอินเดียลอยมาถี่ขึ้น เพราะในจังหวะที่นักท่องเที่ยวจีนพักยกทัวร์นอก ตลาดอินเดียนี่แหละที่พุ่งแรงเข้าป้าย กลายเป็นตลาดดาวรุ่งให้เสือปืนไวทั้งหลายเร่งคว้ามาต่อลมหายใจได้ทัน
สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับผลการศึกษาขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ที่นำมาซึ่งบทสรุปแบบฟันธงว่า ด้วยความที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และยังมีเศรษฐกิจในประเทศเติบโตรวดเร็ว ยอดคนที่พร้อมออกไปเที่ยวนอกจึงน่าจะเติบโตเป็น 50 ล้านคนภายในปี 2563 และไม่ต้องห่วงว่ากำลังซื้อจะเป็นอย่างไร เพราะเมื่อส่องไปยังอัตราการใช้จ่ายต่างประเทศของชาวอินเดียแล้ว มีการเติบโต 7% มาทุกปีนับตั้งแต่ปี 2549-2559 เฉพาะปี 2558-2559 นั้นพิเศษขึ้นมาด้วยอัตราเติบโตถึง 8.5%
สำหรับธุรกิจที่ไม่เคยสัมผัสกับทัวริสต์ชาวอินเดียมาก่อน คงมีคำถามผุดขึ้นในใจว่าควร เริ่มต้นที่ตรงไหน? แน่นอนว่าอันดับแรกคือ ต้องรู้จักและรู้ใจความชื่นชอบและพฤติกรรมด้านการท่องเที่ยวเสียก่อน เริ่มจากรูปแบบการเดินทางที่มี 2 กลุ่มหลักน่าจับตามอง เพื่อจะได้คัดสรรสินค้าท่องเที่ยวตอบสนองให้ตรงใจกลุ่มนั้นๆ
อันดับแรกคือ “การเดินทางหมู่คณะ” ทั้งการใช้บริการนำเที่ยวและจัดการเดินทางด้วยตัวเองแบบอิสระ (FIT) โดยเฉพาะในรูปแบบของครอบครัว เป็นกลุ่มใหญ่สุดกลุ่มหนึ่งของตลาดอินเดีย เพราะรูปแบบสังคมที่ยังยึดโยงความเป็นครอบครัวอย่างเหนียวแน่น มีผลสำรวจว่าคนที่แต่งงานและอยู่กับคู่ชีวิตและลูกๆ มีสูงถึง 48% ส่วนคนโสดที่ยังอยู่กับพ่อแม่ก็มีสูงถึง 29% และคู่รักที่อยู่ด้วยกันมีถึง 14%
ดังนั้นการทำตลาดครอบครัวที่มีลูกหรือคนรุ่นพ่อแม่มาเที่ยวพร้อมกัน หรือจับกลุ่มคู่รักและฮันนีมูน ก็มีโอกาสงามๆ เข้าถึงเป้าหมายนี้ได้ไม่ยาก และควรมีบริการที่ตอบสนองคนทุกเพศทุกวัย เข้าใจคนหนุ่มสาวด้วยการนำเสนอโปรแกรมที่พาเปิดประสบการณ์เน้นการผจญภัย แต่ให้รู้ใจคนสูงอายุด้วยการมอบบริการที่ผ่อนคลายตรงกับช่วงวัย และตอบสนองเด็กๆ ด้วยการหากิจกรรมสันทนาการไว้รองรับ
กลุ่มที่ 2 ที่ต้องจับตามองคือ “กลุ่มจัดประชุมสัมมนาและท่องเที่ยวเป็นรางวัล” หรือมนุษย์ทำงานทั้งหลายที่มาต่างประเทศในรูปแบบการร่วมกิจกรรมของบริษัท ถือเป็นเป้าหมายมาแรงตามการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพในอินเดียที่พุ่งแรงไม่แพ้จีนหรือสหรัฐอเมริกา เรียกเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าไปสนับสนุนในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 แสนล้านบาท) เมื่อมีการแข่งขันทางธุรกิจสูง การเอาใจพนักงานด้วยการให้รางวัลเป็นการท่องเที่ยว หรือพาออกไปเปิดโลกทัศน์ศึกษาดูงาน จึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่การนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวให้โดนใจกลุ่มนี้ ก็ต้องให้สอดคล้องกับงบประมาณของบริษัทแต่ละแห่งที่ตั้งไว้ด้วย
ด้านพฤติกรรมหลักด้านการจองบริการต่างๆ แม้ว่าช่องทางออฟไลน์ผ่านบริษัทนำเที่ยวจะยังครองใจอยู่เหมือนเดิม แต่การเติบโตของบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent : OTA) ก็เป็นช่องทางที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรพลาดนำสินค้าไปเสนอ อาทิ Make My Trip โอทีเอที่พัฒนาขึ้นในอินเดียเองและครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 45% รวมถึงเว็บไซต์ออนไลน์อื่นๆ ที่เข้าตีตลาด อาทิ Yatra และ Expedia เป็นต้น
สำหรับระยะการจองล่วงหน้านั้น 50% จะวางแผนก่อนเดินทางราว 1-3 เดือน ขณะที่การจองตั๋วเครื่องบิน-ที่พักจะเริ่มขึ้น 8-30 วันก่อนเดินทาง ส่วนจะเลือกจุดหมายใดนั้น แรงเชียร์ที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อการตัดสินใจคือ คำบอกเล่าจากเพื่อนฝูงหรือครอบครัวที่เคยไปเยือนจุดหมายนั้นแล้ว หรือปัจจุบันมีถิ่นพำนักอยู่ประจำ
สื่อสังคมออนไลน์จึงมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ที่จะนำมาซึ่งการฟันธงเลือกแหล่งท่องเที่ยวและใช้ช่องทางเหล่านั้น แบ่งปันความประทับใจในหมู่เพื่อนฝูง ทำให้เกิดเป็นความต้องการเดินทางต่อเนื่องไปสู่กลุ่มใหม่ๆ ได้ไม่ยาก
การต้อนรับด้วยความเข้าใจวัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เริ่มจาก “การเจรจาต่อรอง” ที่รับรองว่าจะต้องพบแน่นอนหากรักจะเข้าถึงกลุ่มนี้ ดังนั้นยิ่งเสนอบริการที่ “คุ้มค่า” ได้มากเท่าใด ก็จะยิ่งมีโอกาสมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องมีความยืดหยุ่นพร้อมปรับเปลี่ยนเสมอ เพราะตลาดอินเดียมีแนวโน้มปรับแผนการเดินทางในนาทีสุดท้ายได้ตลอดเวลา
เรื่องอาหารการกินนับเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญเช่นกัน ต้องพึงระวังเพราะประชากรส่วนใหญ่รับประทานมังสวิรัติ และแม้ว่าคนอินเดียจะใจกว้างเปิดรับวัฒนธรรมอาหารหลากหลาย แต่หากใช้เวลาต่างถิ่นยาวนาน ก็ยังต้องการลิ้มรสอาหารถิ่นเพื่อแก้คิดถึง ไม่ต่างจากคนไทยที่โหยหาข้าวสวย น้ำพริก ผัดกะเพรา ยามไปเที่ยวไกลบ้าน
แม้ว่าที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยอาจจะยังไม่เปิดรับตลาดอินเดีย เพราะไม่กล้าเผชิญกับความท้าทายในการรับมือรูปแบบใหม่ๆ แต่ทุกตลาดย่อมมีทั้งอุปสรรคให้ฝ่าฟันกว่าจะคว้าโอกาสงามได้ ขอเพียงรู้ใจเขาใจเรา รับรองว่ามัดใจคนอินเดียอยู่แน่นอน