7 โมเดลการออกแบบธุรกิจยุคดิจิทัล

การเกิดขึ้นของธุรกิจโมเดลใหม่ๆ หรือ Disruptive Business Model คือการนำเอาไอเดียธุรกิจหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาจับความต้องการของตลาดที่ยังไม่เคยมีใครมองเห็น หรือมีคนเห็นแต่ยังไม่มีใครทำมาก่อน โดยเข้าไปค้นหาความต้องการของลูกค้าที่ซ่อนอยู่ให้เจอ หากความต้องการนั้นสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ก็เข้าไป Disrupt ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีโมเดลธุรกิจในแง่มุมใหม่ๆ อยู่หลายรูปแบบ และที่นิยมใช้ในปัจจุบันจะมี 7 โมเดล ดังนี้

disruptive-business-model

1. Freemium Model พบได้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน เป็นการให้ฟรีสำหรับการใช้งานพื้นฐาน และจ่ายเพิ่มเมื่อต้องการใช้ฟังก์ชันพิเศษ ซึ่งลูกค้าที่ใช้จนติดใจแล้ว ก็จะยอมจ่ายเงินในภายหลัง เหมาะกับธุรกิจที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นนิดหน่อยต่อการได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน เช่น YouTube, LinkedIn, Canva
 

2. Subscription Model รูปแบบที่เก็บเงินกับสมาชิกเป็นรายงวด เพื่อใช้สินค้าหรือบริการได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Netflix, YouTube, HBO GO
 

3. Free Offerings มักจะใช้เพื่อสร้างฐานผู้ใช้งาน และไม่มีการเรียกเก็บเงินกับผู้ใช้ทั่วไป เช่น Google, Facebook, หรือ ZEPETO ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของเด็กรุ่นใหม่ โดยรายได้จะมาจากค่าโฆษณา หรือ In-app Purchase เป็นต้น
 

4. Marketplace Model ตลาดดิจิทัลที่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบกัน และตกลงซื้อขายกันเอง รายได้มาจากการเก็บเปอร์เซ็นต์การขาย หรือค่าสมาชิก เช่น eBay, Alibaba.com, Shopee
 

5. Sharing Economy / Access-over-Ownership Model รูปแบบธุรกิจเช่าหรือเช่าซื้อ ที่ช่วยลดภาระจากการถือครองทรัพย์สิน เช่น Sharoo, Haup, DriveNow
 

6. User Experience Premium เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ลูกค้าจะยอมจ่ายเพื่อให้ได้บริการหรือสินค้าที่ตรงใจนั้น แม้ราคาสูง ไม่ลดราคา ผู้บริโภคก็ยอมจ่าย เช่น โมเดลธุรกิจของบริษัท Apple, Tesla
 

7. On-Demand Model มีไว้ขายคนที่รอไม่ได้ อยากได้ตอนไหน ต้องได้ตอนนั้น หรือคนที่ไม่มีเวลา โมเดลนี้นิยมนำมาในใช้ในวงการภาพยนตร์ เช่น Movie Ondemand, AMC Theatres, Netflix


ที่มา : คอร์สออนไลน์ SCB SME “Innovation Based Enterprise#3” หัวข้อ Designing The Disruptive Business Model โดย คุณธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงศ์ Founder and CEO Trick of the Trade วันที่ 12 มกราคม 2565