ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เทคนิคความสำเร็จในการส่งต่อธุรกิจให้รุ่นถัดไป
เมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เจ้าของธุรกิจควรเริ่มวางแผนหาผู้สืบทอดซึ่งนับเป็นการวางแผนธุรกิจที่สำคัญของธุรกิจทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ใครสมควรเป็นผู้สืบทอดธุรกิจ และวิธีการส่งต่อธุรกิจอย่างราบรื่น
การคัดเลือกผู้สืบทอดธุรกิจ ไม่ใช่การเลือกคนที่เหมือนกับเจ้าของธุรกิจคนปัจจุบัน แต่เป็นการเลือกคนที่พร้อมปฏิบัติงาน ได้รับการยอมรับ และสามารถสร้างอนาคตให้กับองค์กรได้ วิธีการเลือกผู้สืบทอดธุรกิจเริ่มต้นจากการตอบคำถามต่อไปนี้
1. ผู้นำต้องมีศักยภาพในด้านใดบ้าง
บางธุรกิจอาจต้องการผู้นำที่มีบุคลิกภาพดี ในขณะที่บางธุรกิจต้องการคนที่มีความสามารถในการคิดเชิงกลยุทธ์ หรือการวิเคราะห์ทางการเงิน การจะกำหนดศักยภาพของผู้นำได้นั้น เจ้าของธุรกิจควรพิจารณารูปแบบของธุรกิจและเป้าหมายขององค์กรเป็นหลัก
2. ผู้สืบทอดธุรกิจสามารถทำงานร่วมกับทีมบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
การสืบทอดธุรกิจจะล้มเหลว ถ้าผู้นำคนใหม่ต้องการทำทุกอย่างด้วยตนเองโดยไม่ให้ความสำคัญกับทีมบริหาร และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมา คือ การที่ทีมบริหารเดิมไม่ยอมรับผู้สืบทอดคนใหม่นั้นเอง
3.ผู้สืบทอดจะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้หรือไม่
นับเป็นคำถามที่สำคัญ เพราะการคงความสัมพันธ์กับลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ ถ้าผู้สืบทอดไม่สามารถทำได้อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ขององค์กร และทำให้ธุรกิจสั่นคลอนได้
4.ผู้สืบทอดจะได้อำนาจการตัดสินใจในเรื่องใดบ้าง
ในบางกรณี ผู้นำคนเดิมยังคงมีอำนาจในการตัดสินใจบางเรื่อง และในบางกรณีอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างเป็นของผู้สืบทอดเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นจึงควรมีการสื่อสารที่ชัดเจนก่อนดำเนินการสืบทอดธุรกิจ
5.พนักงานในองค์กรพร้อมสนับสนุนผู้สืบทอดธุรกิจหรือไม่
นับเป็นอีกคำถามที่มีความสำคัญ เพราะผู้สืบทอดธุรกิจย่อมต้องการทีมงานที่ยอมรับและสนับสนุน ซึ่งหากไม่เป็นดังที่คาดการณ์ เท่ากับว่าการสืบทอดธุรกิจครั้งนี้ล้มเหลว และอนาคตของธุรกิจจะตกอยู่ในความเสี่ยง
การส่งต่อธุรกิจอย่างราบรื่น
1. กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนในการสืบทอดธุรกิจ
เพื่อพัฒนาแผนการสืบทอดธุรกิจให้เหมาะสมและสอดคล้องกับช่วงเวลา ยกตัวอย่างเช่น หากวางแผนการสืบทอดธุรกิจภายในเวลา 2 ปี ควรมีการกำหนด Milestone ตลอดช่วงระยะเวลา นอกจากนี้ ในแผนการสืบทอดธุรกิจควรประกอบด้วย แผนธุรกิจในอนาคตเพื่อให้ผู้สืบทอดรุ่นต่อๆไปได้ศึกษาและทำความเข้าใจ และ Policies and Procedures ที่กำหนดบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องในการสืบทอดธุรกิจ เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าผู้สืบทอดมีความพร้อมในการรับตำแหน่งแล้วหรือยัง
2.สื่อสารแผนการสืบทอดธุรกิจ
ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้า การสื่อสารในที่นี่ไม่ใช่เพียงการส่งออกอีเมล หรือการออกบันทึกทางธุรกิจ แต่จำเป็นต้องจัดการประชุมกับทีมผู้บริหารและบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงผู้นำองค์กร ในบางธุรกิจอาจจำเป็นต้องแจ้งวิธีการคัดเลือกผู้สืบทอดธุรกิจเพื่อความโปร่งใส หรือบางธุรกิจที่ผู้นำองค์กรคือ บุคคลต้นแบบที่ได้รับการยอมรับอาจต้องประกาศการสืบทอดธุรกิจสู่สาธารณะ เพื่อไม่ให้เกิดความตกใจซึ่งอาจส่งผลต่อวงการธุรกิจ
3.ส่งต่อธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์
การวางแผนส่งต่อธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งในการทำธุรกิจ ผู้นำคนปัจจุบันจึงควรเริ่มต้นวางแผนแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการบริหารจัดการให้รอบคอบ และคัดเลือกผู้สืบทอดธุรกิจที่เหมาะสมและได้รับความไว้วางใจว่าสามารถฝากอนาคตขององค์กรไว้กับผู้นำคนใหม่ได้