ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
ความเศร้าริมทะเล
เรื่อง: โตมร ศุขปรีชา
Hi-Light:
เมืองออสเทนด์ (Ostend) เป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลของเบลเยี่ยม ผมไปที่นั่นโดยไม่รู้เลยว่า เมืองกระจ้อยร่อยแทบจะตกแผนที่ของนักท่องเที่ยวแห่งนี้ แท้จริงแล้วมีประวัติศาสตร์เล็กๆ ที่แสนเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วย
เขาคือ มาร์วิน เกย์ (Marvin Gaye)
มาร์วิน เกย์ เป็นนักร้องดังระดับโลก ผมเคยฟังเพลงของเขาแค่เพียงผ่านๆ รู้แค่ว่า มาร์วิน เกย์ เป็นนักร้อง R&B ที่ดังมากเท่านั้น แต่ไม่รู้อะไรนอกเหนือจากนั้นอีก จึงไม่รู้เลยว่า มาร์วิน เกย์ กับเมืองชายทะเลของเบลเยี่ยมอย่างออสเทนด์ มีความผูกพันกันลึกซึ้งมาก
ในปี 1981 มาร์วิน เกย์ มีปัญหากับต้นสังกัด คือโมทาวน์ ว่ากันว่าเขาติดโคเคนและยาเสพติดอื่นๆ ด้วย นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาต้องออกจากสังกัด เกย์บอกว่าเขาเหมือนเป็นลูกกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ขับไล่ไสส่งออกจากบ้าน โมทาวน์เอาเพลงเขาไปขายโดยยังไม่ได้รับอนุญาต เมื่อทักท้วงไปก็เกิดเรื่องใหญ่โต ทว่าเขาก็ไม่อาจถกเถียงอะไรได้มากเนื่องจากมีชนักปักหลังปัญหาเรื่องยาเสพติดอยู่ เรื่องจึงซับซ้อน
ต้นปี 1981 มาร์วิน เกย์ นั่งเรือจากเมืองเซาแธมป์ตันในอังกฤษมายังเมืองออสเทนด์แห่งนี้ เพราะผู้จัดคอนเสิร์ตชื่อ Freddy Cousaert ชวนเขามา ‘พักใจ’ ที่ออสเทนด์
ดูภายนอก เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แทบไม่มีอะไรเลย แต่จริงๆ มันเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ซับซ้อนมาก เคยถูกทั้งดัตช์ทั้งสเปนบุกยึด เป็นฉากสำคัญในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองคล้ายๆ กับเมืองดันเคิร์กที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก
ออสเทนด์เคยสวยงาม แต่ถูกพิษสงครามทำลายเพราะเป็นเมืองท่าทางยุทธศาสตร์ นาซีกวาดล้างเมืองในสงครามโลกครั้งที่สองจนเมืองงามที่มีศิลปะแบบอาร์ตเดโคเหลือความงามอยู่แค่บางตึกเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นตึกที่สร้างขึ้นใหม่ตามสถาปัตยกรรมหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ในสารคดีเรื่อง Remember Marvin (ดูได้ที่นี่ https://vimeo.com/39267463) ผู้กำกับแสดงให้เราเห็นว่า มาร์วิน เกย์ ผูกพันกับเมืองนี้มากแค่ไหน เกย์เป็นคนเล่าเรื่องต่างๆ เอง ด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเปราะบาง เขาแลดูเป็นคนจรเปลี่ยวเหงาที่ไม่มีใครต้องการ ต้องพลัดถิ่นมาอยู่ที่นี่ แต่กระน้ัน ออสเทนด์ที่แสนแปลกหน้าก็ต้อนรับเขาอย่างดี
การมาอยู่ที่ออสเทนด์ทำให้เกย์ค่อยๆ ฟื้นตัว ในที่สุด เขาสร้างงานขึ้นมาใหม่ เขาได้เปิดคอนเสิร์ตที่คาสิโนในออสเทนด์ สำหรับเกย์ ออสเทนด์คือการกลับเข้าที่เข้าทาง เขาเลิกเสพยาเสพติด และหันกลับมาตั้งใจทำงาน จนในที่สุดก็ออกมาเป็นเพลง Sexual Healing และอัลบั้ม Midnight Love ซึ่งทำให้เกย์ประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิต
ภาพประกอบ: Marvin Gaye star on the Hollywood Walk of Fame in Hollywood, California on Dec. 6, 2016. (Photo by Hayk_Shalunts)
Sexual Healing ขึ้นอันดับท็อปชาร์ตแทบจะทั่วโลก แถมยังทำให้เขาได้รางวัลแกรมมี่จากเพลงเดียวถึงสองตัวเป็นครั้งแรกด้วย เขาบอกว่า
“I don't make records for pleasure. I did when I was a younger artist, but I don't today. I record so that I can feed people what they need, what they feel. Hopefully, I record so that I can help someone overcome a bad time.”
ซึ่งคนคนนั้นอาจนับรวมตัวเขาเองด้วย
แต่กระนั้น bad time ก็ไม่เคยหายไปไหนนาน มันยังอยู่กับเราเสมอ จนกว่าเราจะตาย
ในปี 1984 เพียงหนึ่งวันก่อนจะถึงวันเกิดครบ 45 ปี มาร์วิน เกย์ ก็ถูกพ่อแท้ๆ ของเขา ผู้มีชื่อว่ามาร์วิน เกย์ เหมือนกัน ยิงเขาเข้าที่ขั้วหัวใจขณะที่เขานอนอยู่ในห้องนอน
ว่ากันว่า ก่อนหน้าจะเข้านอน พ่อลูกมีเรื่องกันด้วยปัญหาในครอบครัวบางอย่าง ซึ่งถ้าอ่านรายละเอียด จะพบว่ามันซับซ้อนเข้มข้นมาก พ่อของเขาเป็น Bible Basher คือเป็นคนเคร่งศาสนามาก และมีความขัดแย้งกับลูกชายอยู่แล้ว หลังจากไต่สวน พบว่าพ่อของเขามีเนื้องอกในสมอง การฆ่าที่เกิดขึ้นจึงอาจเป็นการฆ่าที่เกิดจากสภาพในสมองที่ผิดปกติ จึงได้รับการลดระดับจาก first degree murder เหลือเป็น voluntary manslaughter ในขณะที่การชันสูตรศพก็พบว่าเกย์กลับมาใช้ยาเสพติดอีกครั้งด้วย
แล้วลูกกำพร้าก็ถูกฆ่าโดยพ่อของตัวเองจริงๆ ออสเทนด์จึงเป็นเหมือนที่พักใจของมาร์วิน เกย์ ก่อนเขาตายไม่นานนัก เป็นสถานที่แห่งการ Healing หรือเยียวยาตัวเขา ในแบบที่แม้แต่ตัวเขาเองก็คงไม่คาดคิดว่าจะได้รับอะไรแบบนั้นเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าแผ่นโลหะจารึกชื่อบอกโลกว่า มาร์วิน เกย์ เคยพำนักอยู่ที่นั่น
จำได้ว่าผมเพียงแต่รู้สึกหนาว