ปิด 6 ช่องโหว่เงินรั่วไหล มั่นใจไร้รูรั่ว

เคยไหม ตั้งใจวางแผนบริหารจัดการเงินดิบดี จดบันทึกรายรับรายจ่ายแบบไม่ขาด แต่ชีวิตมักมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือกระทั่งความพลั้งเผลอของตัวเองมาแอบเจาะรูและดูดทรัพย์ออกไปจากกระเป๋าจนตัวแดงขึ้นพรืด หากยังอยากคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งแบบไม่มีบัญชีติดลบให้ปวดใจ ลองมาสำรวจเจ้ารูรั่วเหล่านั้นว่ามีอะไรเป็นต้นเหตุ แล้วรีบหาทางอุดไว้ให้มั่นกันดีกว่า


1. อุดรูรั่วจากความอยากได้


ค่าใช้จ่ายที่งอกเงยมาจากความต้องตาต้องใจและอยากได้สิ่งเหล่านั้นมาครอบครอง มักแหวกโผความจำเป็นในชีวิตมาสะกิดให้เราควักกระเป๋าจ่าย และยิ่งง่ายดายแบบมือลั่นได้ทันทีเมื่อคลิกซื้อได้ทันใจ บางครั้งยังพ่วงด้วยโปรโมชั่นมากระตุ้นต่อมอีก หากรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นกิเลสนำ หาใช่ความจำเป็น ต้องพยายามนับหนึ่งถึงสิบ ยับยั้งตัวเองให้ได้ คิดไว้เสมอว่าอะไรที่ทำได้ง่ายมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่ายาก ค่าใช้จ่ายที่ว่าเล็กๆ หากรวมยอดแต่ละครั้งอาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ชวนให้เสียดายทีหลัง


2. รูรั่วจากการเสี่ยงโชค


บางคนชอบวัดดวงด้วยการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 2 ครั้ง หากเพื่อความหวังเล็กๆ น้อยๆ ให้พอตื่นเต้นก็คงพอได้ แต่ไม่ควรทุ่มกับเลขเด็ดเลขดัง ยอมซื้อแบบเทกระเป๋าจัดชุดใหญ่ โดยลืมความเป็นจริงว่า ถ้าเสียแล้วคงไม่แคล้วกลายเป็นเศษกระดาษ ไร้เงาได้เงินต้นคืนกลับมาเหมือนการลงทุนอื่นๆ ดังนั้นต้องถือคติที่ว่า ลุ้นโชคให้พอดีกับตัว อย่าถึงขั้นเสียทรัพย์และนำมาซึ่งความเสียใจภายหลัง

close-6-ways-money-go-out

3. การบริหารหนี้สินที่อีรุงตุงนัง


การบริหารชีวิตย่อมมีซับเซตเรื่องการบริหารเงินรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะการบริหารหนี้ ไม่ว่าระยะสั้นอย่างการผ่อนบัตรเครดิต 0% ของสินค้าต่างๆ หรือหนี้ระยะยาวอย่างผ่อนรถหรือบ้าน ถ้าบริหารจัดการไม่ดีไปกู้หนี้ระยะสั้นมาช่วยผ่อนหนี้ระยะยาว เช่น รูดบัตรเครดิตเอาเงินสดมาก่อน หรือเอาบัตรเครดิตนั้นทบบัตรเครดิตนี้แบบเฉพาะหน้า ระวังจะสร้างปัญหาสะสมจนเป็นรูรั่วเบอร์ใหญ่แบบเกินเยียวยา จะให้ดีควรรีบแก้ตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือการลดรายจ่าย แล้วเพิ่มรายได้แทน มีสติและวางแผนการสะสมเงินเพื่อใช้หนี้แต่ละประเภทให้ดี


4. ความใจดีเป็นดาบสองคม


"เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด” เหตุการณ์แบบนี้ปรากฏให้เห็นนักต่อนักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในหมู่พี่น้อง ญาติสนิท เพื่อนพี่ที่รัก ผู้มาขอร้องให้ช่วยเซ็นค้ำประกัน โดยอ้างถึงความเดือดร้อนและจำเป็นต่างๆ จนเราอดสงสารไม่ได้ แต่เมื่อเวลาเข้าตาจนจริงๆ เขาเหล่านั้นอาจหนีไปแบบไม่อำลาคนค้ำประกัน ทิ้งให้เราเคว้งคว้างกลางภาระหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ดังนั้นหากจะใจดี ก็ควรจะใส่ความใจแข็งลงไปหน่อย ถามหาอะไรที่พอมาเป็นหลักทรัพย์ หรือทวงถามแผนการชำระหรือผ่อนจ่ายที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อทุเลาโรคเบี้ยวหนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้

5. ความเจ็บไข้ที่ออกแบบไม่ได้


การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แม้อนาคตเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ออก ด้วยเราไม่อาจรู้ว่าโรคทางพันธุกรรมหรือภูมิคุ้มกันบกพร่องจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือโรคระบาดไหนจะปะทุขึ้นอีก แต่ถ้ายังพอมีหนทางสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองด้วยการดูแลสุขภาพที่ดี ทั้งจากการกินอย่างรู้ที่มา และการออกกำลังกายให้พอเหมาะ ก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา แน่นอนว่ายังมีเรื่องอุบัติเหตุเหนือความคาดหมายด้วย  ดังนั้น การรู้จักสำรองเงินเก็บเพื่อเรื่องฉุกเฉินหรือทำประกันไว้ จึงสำคัญไม่แพ้กัน ดูรายละเอียดประกันสุขภาพ คลิกที่นี่


6. ลงทุนตามกระแส ไม่แน่ใจอย่าเสี่ยง


บนโลกสังคมออนไลน์ เรามักเห็นคำเชื้อเชิญ หรือการยิงโฆษณาชวนให้เข้าไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ มากมาย ไหนจะเพื่อนฝูงคนที่คอยอัพเดทเรื่องการลงทุนที่ชวนให้เราอยากเข้าร่วม แพลตฟอร์มเหล่านี้จะนำข่าวในกระแส เช่น ทองคำ หุ้น หรือ คริปโทเคอเรนซี มาอัดใส่รัวๆ พร้อมโชว์พอร์ตคนที่ประสบความสำเร็จ จนอยากจะเปิดบัญชีตามในทันใด โปรดจำไว้เสมอว่า การก้าวเข้าไปโดยไม่ทำความรู้จักการลงทุนนั้น ถือมีความเสี่ยงมาก ควรหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ ตัดสินใจลงทุนด้วยตัวเองเมื่อมีความพร้อม ไม่ใช่แห่ตามไปโดยไม่รู้จักพื้นฐานการลงทุนนั้นด้วยซ้ำว่ามีกลไกลอย่างไร มีความเสี่ยงระดับไหน


การระงับการใช้จ่ายหนักๆ ที่เสี่ยงให้กระเป๋าฉีกเป็นรูรั่วนั้น มักต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน หากเริ่มเห็นอาการหรือความเสี่ยงแล้ว รีบอุดไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมทำให้สุขภาพการเงินของเราเข้มแข็งได้แน่นอน


ที่มา
https://wealthmeup.com/20-02-22-financialrisk/
https://www.myaccount-cloud.com/Article/Detail/101180
https://goodmoney.in.th/5-financial-risk/
https://www.tfpa.or.th/file/article_personal/tfpa-1705301210525858.pdf