ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
BANI บริบทโลกใหม่ที่ภาคธุรกิจเล็ก-ใหญ่ควรรู้เพื่อ‘รับมือ’
“อันนี้ก็เร่ง-อันนั้นก็รีบ”....“กังวลเรื่องโน้น ลังเลเรื่องนี้” เคยรู้สึกแบบนี้กันใช่ไหม?
ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เกิดเพราะโลกหมุนเร็วขึ้น แต่เพราะทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปเร็วจนยากจะปรับตัว โดยมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำโลกเชื่อมโยงกันง่ายขึ้น ทำให้ทุกอย่างสะดวกรวดเร็ว จนหลายคนรอไม่ได้ ช้าไม่เป็น แถมยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นตัวเร่งปฏิกริยาให้เกิดกระแสโลกใหม่ (New World) ที่มีการอ้างอิงถึงแนวคิด BANI World
หากเปรียบ BANI World เป็นภาพยนต์ก็คงเป็นภาคต่อของ VUCA World แนวคิดเลื่องชื่อที่อธิบายถึงบริบทสังคม การเมือง เศรษฐกิจและผู้คนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีการพูดถึงแนวคิด “BANI World” ที่คิดขึ้นโดย Jamais Cascio นักมนุษยศาสตร์และนักประพันธ์ชื่อดังชาวอเมริกาในวงกว้างมากขึ้น เพื่ออธิบายบริบทโลกใหม่ที่ลงลึกถึงระดับความรู้สึกของผู้คน และผลกระทบต่อธุรกิจทั้งเล็กใหญ่โดยมีเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนเรียนรู้เพื่อ ‘รับมือ’
VUCA World BANI World
V = Volatility (ความผันผัวสูง) B = Brittle (โลกเปราะบางกว่าที่คิด)
U = Uncertainty (สภาวะที่ไม่แน่นอน) A = Anxious (โลกที่เต็มไปด้วยความกังวล)
C = Complexity (ความซับซ้อนเชิงระบบ) N = Non-linear (โลกที่ไม่อาจคาดเดาได้)
A = Ambiguity (ความคลุมเครือ) I = Incomprehensible (โลกที่เข้าใจยาก)
B = Brittle ‘โลกเปราะบางกว่าที่คิด’
แม้ภาพรวมระบบต่าง ๆ ของโลกดูเหมือนมั่นคงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่หากสังเกตให้ดีจะพบปัญหามากมายแอบซ่อนตัวอยู่ใต้พรม และกำลังรอจังหวะเผยตัวตนออกมาสร้างผลกระทบทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเมือง ตลอดจนสภาวะจิตใจของผู้คน ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปมากเท่าใด มนุษย์เราก็ยิ่งเสพติดความสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลต่อพฤติกรรม ทำให้คนยุคปัจจุบันมีจุดเดือดต่ำ และมีความเปราะบางทางความรู้สึก
โดยทั่วไปแล้ว ระบบที่เปราะบางมักพร้อมแตกสลายและกลายเป็นปัญหาลุกลามทันที เมื่อเจอปัจจัยที่ไม่คาดฝันเข้าไปกระตุ้น ยิ่งโลกมีการเชื่อมโยงกันผ่านเทคโนโลยีมากเท่าไร ความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมแพร่กระจายมากเท่านั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2007 อันเกิดจากการบริหารจัดการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (sub-prime mortgage) ผิดพลาด และการกำกับดูแลธุรกิจวาณิชธนกิจ (investment banking) ที่หละหลวมของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่กลับสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ในขณะนี้เกิดคำถามสำคัญขึ้น นั่นคือ ระบบต่าง ๆ ของโลกในปัจจุบันกำลังนำเราเข้าสู่ภาวะวิกฤตเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่?
A = Anxious ‘โลกปกคลุมด้วยความกังวล’
ความรู้สึกกังวลของมนุษย์เป็นผลพวงจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น และมักนำพาสังคมไปสู่ทัศนคติแบบติดลบและนิ่งเฉย (negative and passive attitude) หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบหรือการมีส่วนร่วมทางสังคม อีกทั้งความกลัวหรือความกังวลยังเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดความสิ้นหวังในการดำเนินชีวิตและตัดสินใจผิดพลาดทางธุรกิจอีกด้วย
ธรรมชาติของมนุษย์มักมองโลกในแง่ร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้นทำให้เราถูกห้อมล้อมด้วยข้อมูลข่าวสารทั้งจริงและเท็จตลอดเวลา การรายงานข่าวของสื่อทั่วโลกเหมือนถูกตั้งโปรแกรมให้ขายความกลัวด้วยการเน้นข่าวร้าย เพียงเพราะข่าวร้ายสามารถสร้าง engagement ได้ดีกว่า แต่นั่นก็ทำให้ผู้คนตกอยู่ภายใต้อิทธิพลแห่งความกังวล ไม่กล้าคิดนอกกรอบ และเกิดผลกระทบต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม
N = Non-linear ‘โลกที่ไม่อาจคาดเดาได้’
ปัจจุบันมีการพูดถึงปรากฎการณ์ non-linear มากขึ้นในหลายแง่มุม เช่น ในอดีตเราอาจเคยถูกสอนว่า “ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย” แต่ทุกวันนี้อาจไม่เป็นเช่นนั้นเพราะหลายคนทำน้อยกลับได้มากก็มี เห็นได้จากนักลงทุนอายุน้อยร้อยล้านที่สามารถทำเงินมหาศาลเพียงชั่วข้ามคืนด้วยนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ นั้นไม่สามารถคาดเดาได้เหมือนในอดีต
เส้นทางจาก A ไป B อาจไม่ใช่ทางตรง แต่มีทางเบี่ยง ทางโค้งหรืออาจเจอทางตันก็ได้ อีกทั้งพฤติกรรมคนในสังคมยังพร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทำให้นักการตลาดต้องหาหนทางตอบสนองความต้องการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
Non-linear เกิดจากการที่ระบบต่างๆ ของโลกมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้พฤติกรรมของมนุษย์ ระบบเศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างหลากหลายยากจะคาดเดาได้ และอาจทำให้เกิด ‘butterfly effect’ ที่ความเชื่อมโยงของเหตุและผลเกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ แต่กลับนำไปสู่ผลกระทบในวงกว้างจนเกินคาดการณ์ได้ เช่น เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่นำไปสู่ปัญหาวิกฤตพลังงานในภูมิภาคยุโรป ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
I = Incomprehensible ‘โลกที่เข้าใจยากมากขึ้น’
โลกที่เข้าใจยากขึ้นหรือ Incomprehensible เป็นผลพวงจากความเปราะบาง ความกังวล และความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลหรือ non-linear ซึ่ง Cascio ได้เปรียบเทียบปรากฏการณ์ Incomprehensible กับการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่อาจมีโค้ดบางอันที่ดูเหมือนซับซ้อนและไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าลบโค้ดนั้นออก ระบบอาจจะล่มโดยหาสาเหตุไม่ได้
ความไม่เข้าใจจะนำไปสู่ความรู้สึกคลุมเครือและยากจะตัดสินใจเมื่อเจอสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่าปัจจุบันจะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นมากมายให้ใช้ประกอบการตัดสินใจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการตัดสินใจนั้นจะออกมาถูกต้องเสมอไป เพราะบ่อยครั้งที่ ‘ข้อมูลท่วมหัว เอาตัวไม่รอด’
แม้ว่า BANI จะไม่ได้ช่วยกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจโดยตรง แต่ BANI ทำให้องค์กรเข้าใจสภาพการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรม พื้นฐานอารมณ์และสภาพสังคมที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค เพื่อนำไปต่อยอดในการทำธุรกิจในอนาคตได้
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
https://stephangrabmeier.de/bani-versus-vuca/
https://digitalleadership.com/blog/bani-world/