ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
10 นิสัยเคยชินที่ควรเลิกทำในยุคนี้
เมื่อวิถีปกติใหม่เข้ามาเปิดประตูการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ทุกคน แทบจะทุกการตัดสินใจมักขึ้นอยู่กับปลายนิ้วบนมาร์ทโฟน แต่จะทำงานและใช้ชีวิตอย่างไรให้ออกมามีประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้เรามีวิชาตัวเบาพร้อมรับสิ่งใหม่ ลองมาดู 10 นิสัยที่ควรสลัดสะบัดออกไปให้พ้นเสียก่อน เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ทรงคุณค่าและเตะตากับผู้อื่นมากขึ้น
1.เลิกนอนดึกและกดเลื่อนนาฬิกาปลุก
ใครชอบตั้งเวลาปลุกแบบรัวๆ ไว้ทุกครึ่งชั่วโมงสารภาพมาเสียดีๆ ปัจจุบันการทำงานที่บ้านมากขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นยิ่งต้องรู้จักบริหารชีวิตแต่ละวันด้วยตัวเองอย่างเคร่งครัด อย่าปล่อยความงัวเงียสั่งปิดนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อ หรือพอตกดึกทีไร อดใจไม่ไหวต้องขอต่อเวลาดูซีรี่ส์ต่อเป็นชั่วโมง เพราะการผลัดตัวเองด้วยคำว่า “เดี๋ยวก่อน" จะยิ่งสร้างความเคยชินเรื่องการบริหารเวลาที่ไม่ดี และอาจมีผลกระทบต่องานในที่สุด
2.หยุดแชท หยุดท่องโลกโซเชียลระหว่างงาน แม้ไม่มีใครเห็น
เมื่อเริ่มต้นเวลาทำงานแล้ว ควรสัญญากับตัวเองว่าจะโฟกัสที่งานเป็นอันดับแรก อย่าวอกแวกละสายตาหรือสมาธิไปกับสื่อสังคมออนไลน์ เพราะจังหวะที่คุณอยู่บ้านตามลำพังนี่แหละ อันตรายต่อการถูกดูดลงไปในหลุมดำของโซเชียลมีเดียแบบกู่ไม่กลับ แต่หากมุ่งจดจ่อต่องานตรงหน้าได้ ผลสำเร็จของงานก็จะเกิดรวดเร็วทันใจขึ้น อย่างน้อยก็ไม่เสียใจกับตัวเองที่ได้ทำเต็มที่
3. คิดเสมอว่าแต่ละงานต้องดีกว่าเดิม
ถ้าเริ่มต้นงานแบบมีเป้าหมายขอให้เสร็จไปเป็นวันๆ คงไม่ได้สร้างแรงจูงใจให้ตัวเองขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น แต่การตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้น ไม่ได้สื่อให้เห็นว่าต้องทำเพื่อขยับรับตำแหน่งเติบโตเสมอไป แต่เป็นการมองขั้นที่ก้าวไกล และพยายามบอกตัวเองว่า หากฉันได้เรียนรู้อะไรจากงานแต่ละวันได้ก็คงดีไม่น้อย
4. อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งจนปฏิเสธงานยาก
“ความกลัว” กับ “ความกล้า” มีเส้นบางๆ แบ่งคั่นที่หากกระโดดข้ามไปได้ก็จะส่งผลไปสู่การปฏิบัติจริง หากมัวแต่ปฏิเสธงานที่ไม่ถนัดหรือไม่เคยทำมาก่อน ก็จะไม่มีวันเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ครั้งแรกสักที ลองสลัดความกลัวไว้ข้างหลัง และปรับทัศนคติใหม่ว่า งานยากคือความท้าทาย เพื่อเรียนรู้และสร้างทักษะใหม่ให้ตัวเอง ที่สำคัญองค์กรไม่ชอบคนที่ไม่กล้าทำสิ่งใหม่ เพราะถือว่าไม่มีส่วนช่วยผลักดันให้องค์กรเติบโต
5. ทบทวนตัวเองก่อนกล่าวโทษโลกที่แวดล้อม
เมื่อโลกมีสิ่งอุบัติใหม่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน จนส่งผลกระทบต่องานและการใช้ชีวิต เรื่องบางอย่างอาจไม่ถูกใจเรา แต่แทนที่จะมองโลกในแง่ลบและวิจารณ์อย่างเดียว ต้องหันกลับมามองตัวเองด้วยว่า พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์แล้วหรือยัง ถือคติว่าบ่นให้น้อยแต่ทำให้มากน่าจะเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า
6. อย่าให้การแข่งขันลิขิตความเห็นแก่ตัว
ยิ่งสังคมเมืองที่แข่งขันสูงทำให้ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นปัญหาต่างๆ ทั้งการใช้ชีวิตและการงาน จนบางครั้งเหน็ดเหนื่อยสาหัสเมื่อต้องมุ่งเป็นผู้ชนะในเกมนี้ บางทีความพยายามเหล่านั้น อาจทำให้เรามองข้ามความพอดีและสร้างที่นิสัยที่ไม่ดีต่อผู้อื่น เช่น ถือคติมือใครยาวสาวได้สาวเอา มุ่งแต่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้ที่ถูกเลือก โดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนกว่า เป็นนิสัยที่ควรต้องหมั่นทบทวนตัวเองเสมอไม่ให้เกิดขึ้น
7. ลดอคติและหาความรู้เพิ่มก่อนตัดสิน
ทุกคนล้วนมีข้อผิดพลาดกันได้ แม้กระทั่งตัวเราเอง เพราะฉะนั้นการคอยจับผิดคนอื่นไปหมดทุกเรื่อง หรือมองโลกในแง่ร้ายอาจสร้างความปวดหัวให้ตัวเองในที่สุด และยังเสียเวลาการทำงานและใช้ชีวิตอีกด้วย แทนที่จะให้อคติบดบัง ควรเปิดใจให้กว้างรับข้อมูลจากหลายด้าน พร้อมทั้งดูด้วยว่าตัวเองจะพัฒนาศักยภาพและเพิ่มพูนความรู้ได้อย่างไร
8. ถ้าไม่ชอบการแข่งขัน ควรหาจุดที่ใช่สำหรับตัวเอง
ประเภทของงานมีหลายแบบ ถ้ารู้ว่าหน้าที่การงานที่ทำอยู่ไม่เหมาะกับการแข่งขันบนโลกยุคใหม่ ควรรีบตั้งหลักหาตัวเองให้เจอ แล้วติดสปีดในระดับสี่คูณร้อยมุ่งไปยังหนทางและสไตล์การทำงานที่ใช่ อย่างน้อยการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ย่อมดีกว่าการต้องฝืนมาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รักในทุกวัน
9. ให้ความสำคัญกับคนใกล้ชิดมากขึ้น
การอยู่กับไวรัสโควิด-19 เป็นตัวแปรให้มนุษย์ฉุกคิดมากขึ้นว่า ควรให้เวลามากขึ้นกับคนใกล้ชิด และพยายามลดการทะเลาะเบาะแว้งลง เพราะไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสดูแลกันอย่างนี้อีกนานเท่าไร เพราะหากโชคร้ายต้องพรากจากกันไปโดยไม่ทันได้ร่ำลา ย่อมเป็นเรื่องที่ทรมานหัวใจ หากเริ่มให้ความสำคัญในวันนี้ อย่างน้อยหากถึงเวลานั้น จะได้ไม่ต้องมัวแต่เสียใจในภายหลัง
10. ผ่อนปรนกับชีวิตเมื่อถึงเวลาพัก
การทำงานเก่งไม่ได้แปลว่าต้องทำตลอด 24 ชม. เพราะชีวิตไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ การไปเช้ากลับดึกหรือหอบงานกลับมาบ้านไม่ได้หมายความว่าคุณคือคนขยันเสมอ แต่อาจส่งสัญญาณว่าคุณบกพร่องในการบริหารจัดการชีวิตตัวเองให้ดี บ้านควรเป็นที่พักผ่อน แต่ถ้าช่วง Work From Home ก็ควรแบ่งโซนเวลาให้ดี ถึงเวลาพักก็ควรทั้งร่างกาย จิตใจและสมองได้พัก นี่ต่างหากที่เป็นการบริหารชีวิตได้อย่างมีศักยภาพ
ลองวิเคราะห์ตัวเองกันดูว่า ตัวเราเองมีอะไรที่ควร ลด ละ เลิก ใน 10 นิสัยเหล่านี้ออกไปบ้าง หากค่อยๆ ทำได้จนครบ เราจะเป็นคนที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทั้งกายและใจได้อย่างดีทีเดียว
ที่มา
https://www.thairath.co.th/women/life/motivation/1981309
https://www.mangozero.com/bad-habits-we-should-break/
https://www.marketingoops.com/exclusive/professional-development/9-bad-habits/
https://medium.com/@Trader4.0/นิสัยที่คุณควรเลิกทำก่อนอายุ-30-by-mission-to-the-moon-ep-112-67802d7c5704