บทเรียนสอนลูกหลานฉบับ “วอร์เรน บัฟเฟตต์”

ถ้าหากพูดถึงคุณปู่ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างยกย่องให้เป็นสุดยอดไอดอลนักลงทุนสายคุณค่าต้องมีชื่อของวอร์เรน บัฟเฟตต์ยืนหนึ่งในใจอย่างแน่นอน  บัฟเฟตต์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกจากแนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ถึงแม้ว่าจะเขาเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกแต่บัฟเฟตต์ยังใช้ชีวิตแบบสมถะมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย  ปัจจุบันบัฟเฟตต์ในวัย 90 ปียังคงเป็นนักลงทุนผู้ช่ำชองที่ทั่วโลกต่างจับตามองไม่ว่าเขาจะขยับตัวไปลงทุนในบริษัทไหนมักจะประสบความสำเร็จและสร้างกระแสให้กับนักลงทุนทั่วโลกนำไปเป็นแบบอย่าง ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่ามีบทเรียนชีวิตและประสบการณ์อะไรที่บัฟเฟตต์อยากถ่ายทอดให้กับนักลงทุนหรือคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้แล้วนำมาปรับใช้เพื่อเป็นบทเรียนสู่ความสำเร็จได้เหมือนอย่างที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ทำสำเร็จมาแล้ว

1. สิ่งที่ควรลงทุนมากที่สุดคือ การลงทุนในชีวิตของตัวเอง

บัฟเฟตต์มองว่าเพราะตัวเราเองคือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด ดังนั้นคุณควรมองหาว่าอะไรคือสิ่งที่คุณรักและอยากทำมากที่สุด เมื่อรู้แล้วก็จงลงทุนในสิ่งนั้นเพราะการลงทุนในชีวิตตัวเองจะไม่สูญหายไปไหนยังคงติดตัวคุณไปตลอดและไม่มีใครจะขโมยไปจากตัวคุณได้  ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณชอบลงทุนคุณก็ต้องศึกษาเรื่องลงทุนให้ลึกซึ้งถึงแก่น  หาหนังสือมาอ่าน  เข้าคอร์สฝึกอบรม  ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พยายามหาโอกาสที่จะเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์หรือจะทำสิ่งใดก็ได้ให้คุณสามารถที่จะเป็นนักลงทุนที่เก่งให้ได้ เพราะการที่คุณลงทุนกับตัวเองได้ทำในงานที่ตัวเองรักก็จะทำให้ในทุกวันที่คุณลืมตาขึ้นมาคุณจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มองดูโลก  อย่างตัวของบัฟเฟตต์เขาจะทำเฉพาะสิ่งที่ตัวเองถนัดและมุ่งมั่นทุ่มเทศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่จะลงทุนจนถึงที่สุดทำให้ที่ผ่านมาแทบจะไม่ขาดทุนหรือขาดทุนน้อยมากเพราะเลือกลงทุนกับสิ่งที่รู้จริงเท่านั้น  นั่นคือสิ่งที่คุณปู่บัฟเฟตต์อยากส่งมอบให้กับลูกหลาน

2. การอ่าน คือ บันไดสู่ความสำเร็จ

จากประสบการณ์เป็นนักลงทุนสายคุณค่าระดับเซียนยากจะหาใครเทียบชั้นได้ มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จที่ปู่บัฟเฟตต์ได้ทำอย่างต่อเนื่องอย่างยาวนานนั่น คือการอ่านหนังสือวันละ 5 – 6 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของเวลาในแต่วันของเขา เพราะเชื่อว่าการอ่านเป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์ที่สุด และเป็นหัวใจสำคัญให้เขาประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้  เพราะหนังสือคือการเรียนรู้ที่ง่ายที่สุดจากประสบการณ์ของคนอื่น เป็นบันไดเชื่อมไปสู่จะเรียนรู้ในต้นทุนที่ราคาไม่แพง  และการอ่านไม่ใช่อ่านแล้วอ่านเลย แต่ต้องคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้วดูว่าจะต่อยอดความรู้เหล่านั้นไปใช้ในแง่มุมใดได้บ้า เขายังบอกอีกว่าให้ลองเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้หันมาอ่านหนังสือและให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดเวลาอย่าหยุดเรียนรู้ และยังเปรียบการอ่านหนังสือว่าเป็นเหมือนการสะสมดอกเบี้ยทบต้นที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นเหมือนกับความรู้ที่ได้จากการอ่านนั่นเอง

3. ทักษะสื่อสารคือสิ่งสำคัญ

ใครๆ ต่างก็รู้ว่านักลงทุนสายคุณค่าชั้นเซียนอย่างบัฟเฟตต์เป็นผู้มีวาทศิลป์เป็นเลิศจนทำให้นักลงทุนทั้งหลายต่างยอมสยบและเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุนทุกครั้งของเขา แต่ใครเลยจะเชื่อว่าในอดีตเขาเป็นเด็กที่ขาดทักษะในการสื่อสารขาดศักยภาพที่จะถ่ายทอดไอเดียเจ๋งๆ ของตนเองให้กับผู้อื่น เมื่อรู้จุดอ่อนของตัวเองจึงไม่รอช้าที่จะพัฒนาจุดอ่อนนั้นให้กลายเป็นจุดแข็งโดยตอนอายุ 20 ปีจึงตัดสินใจไปเรียนการพูดกับ เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) สุดยอดนักพูดโน้มน้าวใจซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะการเรียนในครั้งนั้นคือการเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลและเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด  บัฟเฟตต์จึงย้ำว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีทักษะสื่อสารที่ดีเยี่ยมเพื่อทำให้คนอื่นเข้าใจหรือสามารถโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการได้  เขายังกล่าวว่า ถ้าหากคุณเป็นนักขายเพียงแค่ลองพัฒนาทักษะการสื่อสารเล็กน้อยแต่พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ คุณจะสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 50% ถ้าหากว่าพูดแล้วทำให้ลูกค้าเชื่อถือและซื้อสินค้าจากคุณได้หรือหากว่าคุณเป็นผู้บริหารระดับสูงสามารถสื่อสารให้ลูกน้องเข้าใจว่าบริษัทกำลังทำอะไร ต้องการไปในทิศทางไหนบริษัทนั้นก็จะเติบโตและอยู่รอด  ฉะนั้นต่อให้คุณเก่งมากแค่ไหนหากขาดทักษะด้านการสื่อสารมันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าหากมีไอเดียที่ดีแต่ขาดความสามารถที่จะถ่ายทอดไอเดียเหล่านั้นกับคนอื่นได้ ทักษะการสื่อสารจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

4. จงเลือกคบคน

บัฟเฟตต์บอกว่าถ้าหากคุณอยากรู้ชะตาชีวิตของคุณต่อไปในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรให้มองไปที่คนที่คุณใกล้ชิดด้วย 5 คนแล้วคุณจะพบว่าตัวเองจะเป็นอย่างคนพวกนั้น สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาเลือกคบคนอย่างมากโดยคบ 1. คนที่มีความซื่อสัตย์ มองว่าใครก็ตามที่ไม่มีความซื่อสัตย์ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ฉลาดมากก็ไม่ควรเข้าใกล้หรือรับเข้ามาทำงาน เพราะความซื่อสัตย์คือหัวใจสำคัญที่จะนำให้คนเราประสบความสำเร็จได้ 2. คนที่ฉลาด คบคนที่ฉลาดหรือฉลาดกว่าเราก็จะช่วยชี้แนะให้ความรู้หรือนำพาให้เราฉลาดตามไปด้วยได้ 3. คนที่เป็นที่รัก การมีคนรักเราคือสิ่งที่สำคัญ บัฟเฟตต์บอกว่ามีหลายคนที่เป็นระดับมหาเศรษฐีมีเงินใช้ตลอดชีวิตแต่กลับไม่มีคนรักเลยเป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจมาก การคบกับคนที่เป็นที่รักของทุกคนถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้ แต่ต้องแยกแยะคนให้ออกว่าคนๆ นั้นเข้ามาหาเราเพื่อผลประโยชน์หรือไม่

5. ดูแลร่างกายและจิตใจตั้งแต่วัยหนุ่มสาว

บัฟเฟตต์บอกว่าอยากให้ลองสมมติดูว่าถ้าหากเขาจะมอบรถยนต์ให้กับคุณฟรีๆ จะเป็นรถรุ่นไหนก็ได้ราคาแพงเท่าไหร่ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะมีรถยนต์ได้แค่เพียงคันเดียวตลอดชีวิตคุณจะทำอย่างไรกับรถคันนั้น แน่นอนว่าคุณก็จะต้องดูแลบำรุงรักษาให้ดีที่สุด ซึ่งก็เปรียบเหมือนกับร่างกายและจิตใจของเราเพราะมีเพียงร่างเดียวและหัวใจดวงเดียวที่คุณจะใช้ไปจนถึงวาระสุดท้าย ดังนั้นถ้าหากคุณไม่เริ่มต้นดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจพอแก่ตัวลงร่างกายและจิตใจของคุณก็จะเก่าและมีสนิมกินไปตลอดทั้งคันเหมือนกับรถยนต์ที่ขาดการดูแล  ดังนั้นให้ใส่ใจดูแลสุขภาพกายและจิตใจตั้งแต่วัยหนุ่มสาวเพราะคุณจะต้องอยู่กับสิ่งนี้ไปชั่วชีวิต


ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือไม่ก็ตามลองนำบทเรียนของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” มาปรับใช้อาจเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จในชีวิตของคุณก็เป็นได้ เพราะชีวิตก็เหมือนกับการลงทุนหากไม่ศึกษาอย่างเพียงพอโอกาสพลาดก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน


หากคุณอยากลงทุนแต่ไม่มีประสบการณ์ลองใช้บริการลงทุนกับ บลจ.ไทยพาณิชย์ ที่ปัจจุบันได้เปิดบริการขายกองทุนรวมแบบ Open Architecture อย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน แอป EASY INVEST โดยเปิดเพียงบัญชีเดียว ก็สามารถซื้อกองทุนได้จาก 17 บลจ.ชั้นนำ กว่า 1,200 กองทุน ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม และถ้าต้องการซื้อกองทุนรวมใหม่จากบลจ.ที่ไม่เคยมีบัญชี ก็สามารถซื้อได้เลย ไม่ต้องส่งเอกสารเปิดบัญชีเพิ่ม ไม่ต้องเปิดบัญชีหลาย บลจ. อีกต่อไป ทำให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้เร็วและง่ายขึ้น


สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม แอป EASY INVEST ได้จาก http://www.scbs.com/easyinvest หรือดาวน์โหลด แอป EASY INVEST เพื่อเปิดกว้างโลกการลงทุนให้เป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว

ที่มา :

https://www.youtube.com/watch?v=xP3rQ54Pjgw

https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce51/