ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
เศรษฐีทั่วโลก เขาลงทุนในอะไรกัน
บทความโดย นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® นักวางแผนการเงินอิสระ
การเป็นเศรษฐีย่อมมาพร้อมความมั่งคั่ง บทความนี้จึงขอนำข้อมูลสรุปงานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีความมั่งคั่งสูงในโลก จาก World Wealth Report 2016 มาเล่าสู่กันฟัง
ณ สิ้นปี 2015 ผู้มีความมั่งคั่งสูง หมายถึงผู้มีสินทรัพย์เกินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35 ล้านบาท) ขึ้นไป ในโลกนี้ มีจำนวน 15.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2014 ประมาณ 5.1% เมื่อแบ่งตามภูมิภาคที่อาศัย พบว่า เอเชียแปซิฟิกมีจำนวนมหาเศรษฐีแซงนำ ทวีปอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรก คือมีจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูงอยู่ที่ 5.1 ล้านคน ในขณะที่อเมริกาเหนือมี 4.8 ล้านคน
* HNWI = High Net Worth Individual
ความมั่งคั่งของคนกลุ่มนี้ทั่วโลก รวมกันเท่ากับ 58.7 ล้านล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2014 ไม่ถึง 5% ซึ่งนับเป็นอัตราการเพิ่มที่ไม่สูง เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ เหตุผลน่าจะเป็นผลจากการที่อัตราดอกเบี้ยในโลกต่ำเตี้ยติดดิน แม้ตลาดหุ้นจะพอให้ผลตอบแทนบ้าง แต่ตลาดหุ้นโลกในปีที่แล้วก็ไม่ได้ผลตอนแทนมากเท่าปีก่อนหน้า
* ตัวเลขในกราฟ คือ มูลค่าเงินในหน่วย US$ Trillions
ในด้านสัดส่วนของการลงทุนนั้น พบว่าการจัดสรรการลงทุนในปี 2016 ประกอบด้วย
หุ้นทุน |
24.8% |
เงินสด/เงินฝากและการลงทุนในตลาดเงิน |
23.5% |
ตราสารหนี้ (รวมพันธบัตร) |
18.0% |
อสังหาริมทรัพย์ |
17.9% |
และการลงทุนทางเลือก |
15.7% |
จะเห็นว่าผู้มีความมั่งคั่งสูงโดยเฉลี่ยลดการถือครองเงินสด/เงินฝากและการลงทุนในหุ้นทุนลงเมื่อเทียบกับปี 2015 และมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ตราสารอนุพันธ์ สกุลเงินตราต่างประเทศ ทองคำ และหุ้นที่จดทะเบียนอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) ที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในภาวะที่ตลาดทุนมีความผันผวนที่สูงมากขึ้น
นอกจากนี้เมื่อสอบถามถึงช่องทางในการลงทุนพบว่า เศรษฐีทั่วโลกลงทุนโดยซื้อหุ้นรายตัว 38.3% ลงทุนผ่านกองทุนรวม 31% ผ่านกองทุนตลาดรองหรือ ETF* 18.2% และลงในช่องทางอื่นๆ 14% จะเห็นว่าแม้แต่เศรษฐีผู้มีความมั่งคั่งสูงยังนิยมใช้บริการของกองทุนรวม ดังนั้น กองทุนรวมจึงเป็นหนึ่งในวิธีการลงทุนที่ช่วยนำพาผู้ลงทุนไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะใช้เงินลงทุนในจำนวนที่ไม่มาก ก็สามารถจัดพอร์ตการลงทุน และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
* ETF ย่อมาจาก Exchange Trade Fund คือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ซื้อขายได้สะดวกเหมือนหุ้น ใช้เงินลงทุนน้อย ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายต่ำ บริหารจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซึ่งมีนโยบายสร้างผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง (Passive Fund) โดยสามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท เช่น หุ้นในประเทศ (เช่น TDEX ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50) หุ้นต่างประเทศ หรือทองคำ เป็นต้น
ได้ทราบข้อมูลการลงทุนของผู้มีความมั่งคั่งสูงอย่างนี้แล้ว เราอาจจะเห็นแนวทางในการจัดพอร์ตการลงทุนของตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย เพราะอย่าลืมว่าการกระจายการลงทุน ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (การทำ Asset Allocation) เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ผู้ลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว