ผลการค้นหา "{{keyword}}" ไม่ปรากฎแต่อย่างใด
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
การใช้และการจัดการคุกกี้
ธนาคารมีการใช้เทคโนโลยี เช่น คุกกี้ (cookies) และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายการใช้คุกกี้ของธนาคาร
4 หมวดใช้วางแผนลดหย่อนภาษีได้ รู้ไว้มีเงินเพิ่มแน่นอน
‘สองสิ่งที่หนีไม่พ้น คือ ความตายกับภาษี’ เป็นประโยคที่กูรูด้านภาษีมักจะนำมาขึ้นต้นการบรรยาย เพื่อชี้ให้เห็นว่าการเสียภาษีเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้มีเงินได้ทุกคน เมื่อเริ่มเข้าสู่ต้นปีจนถึงต้นเดือนเมษายน ผู้มีเงินได้ต่างก็ง่วนกับการรวบรวมเอกสารเพื่อวางแผนยื่นภาษี และที่สำคัญที่สุดคือการแจ้งรายการลดหย่อนต่างๆ ซึ่งเป็นสิทธิพึงได้ของผู้มีรายได้ทุกคน และจะดีกว่าไหมถ้าเราจะเริ่มทำความเข้าใจและวางแผนการลดหย่อนภาษีกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ที่รัฐบาลมอบให้ผู้เสียภาษีอย่างเราได้เต็มที่ ถ้าเข้าใจการวางแผนภาษีดีก็จะสามารถประหยัดภาษีและนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนให้เงินงอกเงย เงินที่เราเหนื่อยทำงานมาทั้งปี อย่าให้กลายเป็นว่าพอยื่นภาษีแล้วหายวับไปเพียงเพราะขาดความรู้และการวางแผนภาษีเลย
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนภาษีสองท่านมาให้ความกระจ่างในการวางแผนเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ท่านแรกคุณนวลศิริ วรเมธาวิวัฒน์ CMO – ACCREVO และท่านที่สอง ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ CEO ITAX และผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ทั้งสองท่านจะอธิบายสิทธิการลดหย่อนภาษีแต่ละรายการอย่างละเอียด โดยเฉพาะในประเด็นที่หลายๆ คนยังไม่รู้หรืออาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพื่อให้ปีนี้และปีต่อๆ ไป เราจะมีเงินเหลืออยู่กับเราเพื่อนำไปต่อยอดสร้างความมั่นคั่งได้มากขึ้น
หมวดที่ 1 เรื่องส่วนตัวและครอบครัว
รายการลดหย่อน |
จำนวน/บาท |
อธิบายเพิ่มเติม |
ส่วนตัว |
60,000 |
รัฐให้เพราะผู้เสียภาษีแต่ละคนต้องมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลตัวเอง (สองปีก่อน 30,000 บาท ซึ่งใช้เรทนี้มาประมาณ 25 ปี) |
คู่สมรสที่ไม่มีรายได้ |
60,000 |
|
บุตร |
30,000 |
บุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปวางแผนลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท (มาตราการที่รัฐกระตุ้นให้คนมีลูก) ซึ่งตรงนี้สามี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถ เคลมสิทธิได้ทั้งคู่ (ซ้อนกันได้) |
ค่าคลอดบุตร |
60,000 /ท้อง |
ซึ่งใช้ได้ตั้งแต่ฝากครรภ์จนคลอดบุตร ไม่ใช่เป็นการให้เหมาแต่เป็นการให้ตามความจริง จ่ายไปเท่าไหร่ก็เคลมได้เท่านั้นแต่ไม่เกิน 60,000 บาท |
ดูแลผู้พิการ/ทุพพลภาพ |
60,000 |
|
บิดา/มารดา |
คนละ 30,000 |
บุตรคนใดคนหนึ่งเคลมได้คนเดียวเคลมซ้ำซ้อนไม่ได้ โดยพี่น้องต้องตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนว่าใครจะใช้สิทธิ โดยมีเกณฑ์ในการางแผนลดหย่อนภาษีด้วย คือบิดา มารดาต้องอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท
|
หมวดที่ 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รายการลดหย่อน |
จำนวน/บาท |
อธิบายเพิ่มเติม |
ท่องเที่ยวเมืองหลัก |
15,000 |
โดยรวมกันต้องไม่เกิน 20,000 บาท |
ท่องเที่ยวเมืองรอง |
20,000 |
|
ซ่อมรถที่ประสบภัยพิบัติ |
30,000 |
สำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ |
อุปกรณ์การศึกษาและกีฬา |
15,000 |
|
หนังสือ |
15,000 |
|
สินค้า OTOP |
15,000 |
|
ลงทุน Startup |
100,000 |
ซึ่งต้องได้รับการรับรองจาก สวทช.ว่าเป็น Startup และต้องมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้าน และยอดขายที่เกิดขึ้นไม่เกิน 30 ล้าน โดยปีภาษี 2562 เป็นปีสุดท้ายที่จะใช้ได้
|
ช้อปช่วยชาติ |
15,000 |
|
บ้านหลังแรก |
200,000 |
|
ดอกเบี้ยบ้าน |
100,000 |
|
ค่าธรรมเนียมชำระด้วยบัตรเครดิต |
|
เพิ่ม 1 เท่าตามที่ร้านค้าขอคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มในการใช้บัตรเครดิตตามที่จ่ายจริง ซึ่งรัฐต้องการกระตุ้นการใช้ e-payment |
หมวดที่ 3 ประกันและการลงทุน
จำนวน/บาท |
อธิบายเพิ่มเติม |
||
ประกันชีวิตทั่วไปหรือเงินฝากที่มีประกันชีวิต (ประกันตลอดชีพ, ประกันแบบออมทรัพย์ และแบบชั่วระยะเวลา) |
ไม่เกิน 100,000 |
ตามที่จ่ายจริง แต่มีเงื่อนไขว่ากรมธรรม์ต้องมีอายุการคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป |
รวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 |
25,000 |
เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป |
||
ประกันสุขภาพพ่อแม่ |
15,000 |
โดยทั้งพ่อและแม่รวมกัน 15,000 ไม่ใช่แยกคนละหมื่นห้า และให้สิทธิกับบุตรเพียงคนเดียวไม่สามารถซื้อซ้ำซ้อนได้
|
|
ประกันสังคม |
9,000 |
|
|
SSF พิเศษ |
ไม่เกิน 200,000 |
เริ่มลงทุนช่วง 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2563 เท่านั้น และต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ |
|
SSF ปกติ |
30% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 200,000 |
เริ่มลงทุนภายในปี 2563-2567 และต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ |
รวมแล้วต้องไม่เกิน 500,000 |
RMF |
30% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 500,000 |
ไม่มีขั้นต่ำในการลงทุน ต้องลงทุนต่อเนื่อง (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ติดต่อกัน) จนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี |
|
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กบข./สงเคราะห์ครู |
15% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 500,000 |
|
|
ประกันชีวิตแบบบำนาญ |
15% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 200,000 |
โดยต้องมีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และมีการจ่ายบำนาญตามสัญญา ในกรณีที่ไม่มีการซื้อประกันชีวิต สามารถใช้ประกันบำนาญไปเทให้เต็มเงินประกันชีวิต 100,000 แรก และซื้ออีก 2 แสน หลังมาอยู่ในส่วนประกันบำนาญ แปลว่าเราซื้อประกันบำนาญได้รวม 3 แสนบาท |
|
กองทุนการออมแห่งชาติ |
13,200 |
|
* การซื้อ SSF ปกติ, RMF, PVD, กบข.,ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กอช. เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี
เรื่องใหม่ที่หลายคนให้ความสนใจคือหลังปี 2562 ไม่มี LTF อีกแล้ว โดยจะมี Super Saving Fund เข้ามาแทน ซึ่งมี 2 รูปแบบ SSF ปกติ และ SSF พิเศษ ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้
หมวดที่ 4 เงินบริจาค
รายการลดหย่อน |
จำนวน/บาท |
อธิบายเพิ่มเติม |
เงินบริจาคทั่วไป |
สามารถวางแผนลดหย่อนภาษีได้ตามจริง |
แต่ต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน |
บริจาคเพื่อการศึกษา/ โรงพยาบาลภาครัฐ / การกีฬา / การพัฒนาสังคม |
สามารถวางแผลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคจริง |
แต่ต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าลดหย่อน |
เงินบริจาคพรรคการเมือง |
สามารถวางแผนลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 10,000 |
|
เราต้องวางแผนภาษีแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มที่ ถ้าเป็นไปได้สามารถแจ้งนายจ้างตั้งแต่ต้นปีว่าเรามีรายการลดหย่อนภาษีอะไรบ้าง จะได้ถูกหักภาษีในแต่ละเดือนน้อยลง ทำให้เรามีกระแสเงินสดอยู่ในมือมากขึ้นที่จะนำไปทำให้ออกดอกออกผล
การลงทุนซื้อกองทุน RMF แบบซื้อจำนวนเท่ากันทุกเดือนหรือ DCA ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยในการวางแผนภาษีและสามารถแจ้งนายจ้างในการลดหย่อนภาษีล่วงหน้าได้ เราก็จะถูกหักภาษีน้อยลง ซึ่ง SCB มีกองทุน RMF หลายหลากนโยบายให้เลือกกระจายการลงทุนและเพื่อวางแผนลดหย่อนภาษี
โดยสามารถสั่งซื้อแบบ DCA เพื่อสร้างวินัยในการลงทุนและใช้วางแผนแจ้งลดหย่อนภาษีกับนายจ้างได้ล่วงหน้าเพราะเรารู้แน่นอนว่าเราจะลงทุนในปีนั้นเป็นเงินเท่าไหร่ ท่องไว้ว่าถูกหักภาษีน้อยแล้วต้องมาจ่ายภาษีเพิ่มเติมที่หลังนั้นดีกว่าถูกหักภาษีถูกดึงเงินออกจากมือจำนวนมากตั้งแต่แรกไปทุกเดือนกว่าจะได้คืนก็อีกปีหนึ่ง แถมการขอคืนยังใช้เวลาและถูกตรวจสอบมากกว่าการจ่ายภาษีเพิ่มอีกด้วย ใช้สิทธิของเราให้เต็มที่ ลงทุนให้ถูกวิธีเงินภาษีจะเปลี่ยนเป็นเงินที่งอกเงย